เฉียวเยว่ถูกมารดาปลุกให้ตื่นแต่เช้า วันนี้เป็วันที่ต้องไปจวนรัชทายาท นางเปลี่ยนเป็ชุดกระโปรงสีม่วงสลับเขียวพลิ้วไสวดุจสายน้ำ เสื้ออ่าวทอสลับด้วยดิ้นทอง สวมกำไลทองที่ข้อมือ ลำคอสวมห่วงทองฝังหยกและอัญมณีเม็ดเล็กๆ แลดูหรูหราเป็พิเศษ นางปล่อยเรือนผมยาวลงมา แล้วประดับด้วยปิ่นหยกชิ้นเล็กๆ เพียงชิ้นเดียว แต่กลับยิ่งดูอ่อนหวานไม่น้อย ปรกติเฉียวเยว่มักรวบผมขึ้นทั้งหมดแล้วปักปิ่นเสียบไว้เพื่อความสะดวกยามอ่านตำรา แต่วันนี้กลับไม่ทำแบบเดิม
ไท่ไท่สามเห็นเช่นนี้ก็กล่าวว่า "โตเป็สาวแล้วจริงๆ"
"แต่ผู้อื่นอยากเป็เด็กมากกว่า" เฉียวเยว่ทำเสียงกระเง้ากระงอด
ไท่ไท่สามกรอกตาใส่นาง "ทำตัวเรียบร้อย อย่าก่อเื่"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าการเป็คนช่างยากลำบากยิ่งนัก เห็นอยู่ว่านางมิได้ทำอะไรเลย ทุกคนเอาแต่คิดว่านางจะก่อเื่ นางเป็สตรีที่ดีจริงๆ นะ
พวกนางมาถึงจวนรัชทายาท เฉียวเยว่มาที่นี่ไม่บ่อย มองไปทางไหนก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ แต่หากให้นางเดินชมให้ทั่วๆ เฉียวเยว่รู้สึกว่าเวลานี้ยังไม่ต้องรีบร้อน
นอกจากพวกนางเรือนสามย่อมมีคนอื่นๆ ตามมาด้วย หรงเยว่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แท้จริงแล้วอิ้งเยว่ไม่ค่อยสนิทสนมกับพี่น้องคนอื่นๆ ในจวน จวนรัชทายาทเชิญพวกนางครานี้ ทำให้หรงเยว่ค่อนข้างจะแปลกใจ
หรงเยว่ไม่รู้ แต่เฉียวเยว่กลับรู้ มาพิจารณาดูดีๆ แม่นางที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาแท้จริงแล้วไม่ใช่นาง แต่เป็พี่หญิงสามหรงเยว่
ถึงแม้ว่าหรงเยว่จะดูหยิ่งผยอง แต่นิสัยของนางไม่เหมือนไท่ไท่รอง และนางก็ยังไม่ค่อยประสีประสากับเื่ราวทางโลกมากนัก
ทุกคนมาพร้อมกัน เฉียวเยว่จูงมือหรงเยว่เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม "พี่หรงเยว่ อีกครู่หนึ่งพวกเราไปเล่นกับพี่สาวข้ากันเถอะ"
"เล่นอะไรกัน ตอนนี้ใช่เวลาเล่นที่ไหน?" หรงเยว่เอ็ดเสียงเบา
นอกจากจวนซู่เฉิงโหวของพวกนาง ยังมีคนนอกอีกส่วนหนึ่ง อย่างเช่นโม่หลันก็อยู่ นางมาถึงเร็วกว่าด้วยซ้ำ เฉียวเยว่พบว่าไม่ว่าครอบครัวของโม่หลันจะไปเป็แขกที่ไหน ล้วนไปถึงแต่เช้าเสมอ นึกดูแล้วการกระทำเช่นนี้ก็เป็การแสดงถึงมารยาทอย่างหนึ่งจริงๆ
"โม่หลัน"
เฉียวเยว่ร้องทักทายมาแต่ไกล โม่หลันยิ้มกว้างเดินเข้ามาข้างกายนาง แล้วกระซิบว่า "จวนรัชทายาทใหญ่โตมากเลย"
เฉียวเยว่หัวเราะ นางเห็นโม่หลันทำลับๆ ล่อๆ นึกว่าจะพูดอะไร ที่แท้ก็เื่นี้ "ดังนั้นเ้าก็เลยเดินหลงทางไปเรียบร้อยแล้ว?"
"ไม่เสียหน่อย" โม่หลันยืดอก
แม่นางน้อยสองคนต่างจูงมือกันเดิน พอเข้ามาในห้องก็เห็นพี่สาวของตนเอง อิ้งเยว่มักไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกับใครมาั้แ่ไหนแต่ไร เมื่อเห็นเฉียวเยว่กลับเผยรอยยิ้มออกมา แล้วกวักมือเรียก "เ้าเด็กใจร้าย ฉลองปีใหม่ก็ไม่เห็นหน้า"
"ข้ายุ่งอ่านตำราอยู่" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
นางบอกไม่ได้เป็อันขาดว่าที่ไม่เข้าวังเพราะ้าหลบหน้าหรงจ้าน
เฉียวเยว่ยิ้มพราย "พี่สาว ท่านผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก อาหารที่จวนรัชทายาทไม่อร่อยหรือ?"
ไท่ไท่สามแทบจะสะดุดล้ม คำพูดของเ้าหากแพร่งพรายออกไปจะฟังได้หรือ ยายหนูตัวแสบ แต่งตัวเป็มนุษย์ก็ควรทำตัวเยี่ยงมนุษย์ แต่ออกจากบ้านทีไรเป็ต้องก่อเื่มาให้ทุกที
"เ้าไม่พูดจะตายหรือไม่" ไท่ไท่สามกล่าวตำหนิ
เฉียวเยว่ทำท่ารูดซิปปากทันควัน บ่งบอกว่าตนเองจะหุบปาก
เคราะห์ดีที่ในห้องมีคนไม่มาก และไม่ค่อยมีใครปากพล่อยช่างซุบซิบนินทา มิเช่นนั้นสิ่งที่ลือออกไปไหนเลยจะน่าฟัง
"เฉียวเยว่พูดไม่ผิด อาหารไม่ค่อยถูกปากข้าจริงๆ" อิ้งเยว่กล่าวเสียงเรียบ
แม้ไท่ไท่สามจะไม่รู้สาเหตุ ก็อดที่จะปวดใจไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจแสดงความรู้สึกออกมา "เ้านี่นะ รู้แต่จะปกป้องน้องสาว หากมีข่าวลือแพร่ออกไปให้ใครบางคนได้ยินเข้าจะเป็เช่นไร ผู้อื่นไหนเลยจะรู้ว่าปรกติพวกเ้าสองพี่น้องมักจะล้อเล่นกันเยี่ยงนี้"
ไท่ไท่สามปรับหัวข้อให้เข้ารูปเข้ารอยอย่างแเี
เฉียวเยว่ตอบอื้อ ก่อนเอ่ยว่า "ท่านแม่คิดมากไปแล้ว ผู้อื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็เช่นนี้ แต่เสด็จพี่รัชทายาทกับฮ่องเต้ทรงทราบว่าข้ามักไร้แก่นสารมาั้แ่เล็กแล้ว"
เฉียวเยว่กะพริบตาปริบๆ การพกบันไดมาเองเช่นนี้ เป็การย้ำว่านางทำเื่ประเภทนี้มามาก มิได้ยากเย็นอันใด
สรุปง่ายๆ ก็คือ ฝ่าากับรัชทายาทยังรู้ว่าพวกนางล้อเล่น หากใครเอาเื่นี้ไปพูด ย่อมแสดงว่าคนผู้นั้นมีปัญหา เหตุผลข้อนี้เฉียวเยว่รู้ดีที่สุด
แม้ว่านางจะดูสดใสร่าเริง แต่หาใช่คนไม่ประสีประสาเื่ราวภายนอกเหมือนหรงเยว่
นางเข้าไปซบอิ้งเยว่ แล้วเอ่ยว่า "ไอ้หยา ซบพี่สาวคราก่อนยังเป็พี่สาวข้า ครานี้เป็ชายารัชทายาทไปแล้ว แต่ไยไม่ต่างกันเลยเล่า"
อิ้งเยว่ "หึๆ ข้าว่าเ้ากลับไปคงไม่อยากกินข้าวแล้วกระมัง"
พอเห็นไฟโทสะในดวงตาของไท่ไท่สาม ในที่สุดเฉียวเยว่ก็หยุดปาก
ทุกคนต่างเริ่มสนทนากัน แต่เพราะสถานะต่างกัน หลังจากนั่งกับอิ้งเยว่ครู่หนึ่ง ก็หลบไปนั่งด้านหลังกับแม่นางน้อยอีกสองสามคน หรงฉางเกอก็มา แต่อาจเป็เพราะพระชายาฉีอ๋องมารดาของนางอยู่ด้วย นางจึงสงบเสงี่ยมมากหน่อย
พอเห็นเฉียวเยว่ไปนั่งหลบมุมกระซิบกระซาบคุยกับโม่หลัน นางก็แค่นเสียงเยาะ "โตแต่อายุ หัวสมองไม่โตไปด้วยจริงๆ"
เฉียวเยว่หันมามองนาง ก่อนจะกลอกตาใส่ "ยามเ้าเอ่ยประโยคนี้ก็แสดงว่าสมองของเ้าก็ไม่โตเช่นเดียวกัน"
หรงฉางเกอถลึงตาใส่นาง แม้ทั้งสองจะจิกกัดกันเป็ประจำ แต่โม่หลันรู้ว่าพวกนางเพียงแค่พูดล้อเล่น และหยอกกันเท่านั้น แม้ว่าการหยอกประเภทนี้คนทั่วไปจะรับไม่ไหว แต่ก็น่าแปลกใจที่สองคนนี้กลับสนุกสนานไม่มีเบื่อ
เฉียวเยว่นั่งอยู่สักพักก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงมองไท่ไท่สามเงียบๆ นางปวดท้องเล็กน้อย แต่ไม่อยากออกไปคนเดียว
หรงฉางเกอเห็นนางดูผิดปรกติ ก็เอ่ยปากเสียงดัง "ท่านแม่ ข้าจะไปสุขาสักครู่"
พระชายาฉีอ๋องกำลังสนทนาอยู่ ได้ยินบุตรสาวเอ่ยออกมาเสียงดัง ก็ถลึงตาใส่แล้วตอบว่า "ไปเถอะ"
หรงฉางเกอมองเฉียวเยว่ แล้วพูดกับนาง "เ้าจะไปกับข้าหรือไม่?"
เฉียวเยว่ลุกขึ้นทันที "เอาสิ"
โม่หลันลุกขึ้นตามไปด้วย "เช่นนั้นข้าไปด้วยดีกว่า"
แม่นางทั้งสามออกจากห้องไปพร้อมกัน หลังจากออกมาแล้วเฉียวเยว่ก็เอ่ยว่า "ขอบใจเ้านะ"
หรงฉางเกอแค่นเสียงหึ "ข้าเป็จอมยุทธ์หญิง รู้หรือไม่ว่าอะไรคือจอมยุทธ์หญิง นั่นก็คือคนที่ให้ความช่วยเหลือเมื่อผู้อื่นมีเื่เดือดร้อน สตรีสูงศักดิ์ที่มักทำตัวเสแสร้งเช่นเ้าคงจะไม่เข้าใจข้าหรอก"
เฉียวเยว่อยากจะหัวเราะจริงๆ
แต่นางยังคงลูบท้องแล้วเอ่ยว่า "ข้าไม่สบายท้องแต่เช้าแล้ว"
"แล้วเหตุใดเ้าไม่บอกข้าตรงๆ ว่าอยากไปสุขาเล่า" โม่หลันรู้สึกแปลกใจ
เฉียวเยว่ยิ้มขื่น "มารดาข้าไม่อยากให้ข้าไปไหนคนเดียว วันนี้มีแเื่เยอะ เกิดไปชนกับบุรุษคนไหนเข้า ข้าก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนแล้ว ช่วยไม่ได้ พออายุมากขึ้น ก็มีเื่ที่ต้องคำนึงเพิ่มขึ้นด้วย"
"มารดาข้าก็เหมือนกัน นางบอกว่าข้าโตเป็สาวแล้ว สถานที่ที่มีคนมากยิ่งต้องระมัดระวังที่สุด" โม่หลันพูดคล้อยตาม
หรงฉางเกอหัวเราะเยาะหยัน "ถึงว่าพวกเ้าทั้งโง่เขลา ข่าวสารก็ไม่รอบรู้"
นางชำเลืองไปที่คนทั้งสอง "่นี้ข้างนอกมีข่าวลือ"
เห็นพวกนางต่างมองตนเองตาปริบๆ ก็พูดต่อไปว่า "คิดว่าพวกเ้าคงจะยังไม่รู้ ยามนี้ข้างนอกไม่รู้เอาไปลือกันได้อย่างไรว่ารัชทายาทโปรดปรานเฉียวเยว่ ตอนแรกที่เลือกพี่หญิงห้าของเ้าก็เพราะพวกเ้าพี่น้องละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกหรือเหตุผลก็ไม่อาจรอเ้าได้ แต่การที่เขาโปรดปรานเ้าเช่นนี้ ย่อมเป็ไปได้มากที่จะแต่งเ้าเป็ชายารอง"
เฉียวเยว่เบิกตากว้าง ถึงกับสบถคำหยาบออกไปตรงๆ "เ้าสารเลวบัดซบตัวไหนเป็คนปล่อยข่าวลือ ข้าจะไปซัดมันให้มารดาจำหน้าไม่ได้เลยคอยดู"
"ข้างนอกยังบอกว่าเ้าเป็แม่นางน้อยที่แสนอ่อนโยน ผายลม! พวกนั้นไม่เคยเห็นธาตุแท้ของเ้าล่ะสิ สตรีอ่อนโยนที่ไหนจะสบถถ้อยคำหยาบคาย ถึงว่าเ้าน่ะเสแสร้งเก่งที่สุด"
"เ้าบอกข้ามา ใครเป็คนปล่อยข่าวลือ ข้าจะไปฉีกมันให้เละ" เฉียวเยว่ถามอย่างจริงจัง
คนอย่างเฉียวเยว่ไม่ใช่เสือกระดาษ
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเป็ใคร ทุกคนต่างลือกันอย่างนี้ เ้าไม่สงสัยบ้างหรือว่าเหตุใดจึงไม่มีใครไปทาบทามสู่ขอเ้าเลย" หรงฉางเกอเอ่ย "เ้าอายุสิบสามแล้วนะ"
เฉียวเยว่มานึกดู ก็เป็จริงดังว่า
เดิมทีนางไม่เคยคิดอะไร แต่พอมาไตร่ตรองดู ก็ไม่มีจริงๆ
"ข้าเพิ่งสิบสามเอง ยังเด็กมาก" นางเอียงคอ
หรงฉางเกอหัวเราะพรืดออกมา "เ้าอย่าบื้อนักได้หรือไม่ มิสมเป็เ้าเลย อย่าว่าแต่เ้าเลย โม่หลัน เ้าตอบมา มีคนไปทาบทามสู่ขอเ้าที่จวนหรือไม่?"
โม่หลันเก้อเขินเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า "ก็มีคนสองคน แต่ไม่นับว่าไปสู่ขอหรอกนะ เพียงแค่ทาบทามเฉยๆ แต่ถูกบิดามารดาข้าปฏิเสธกลับไป"
หรงฉางเกอมองเฉียวเยว่ แสดงสีหน้าว่า "เ้าดูเอาเอง"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ "หรือเพราะข้าสวยเกินไป ทุกคนถึงไม่กล้ามากัน"
หรงฉางเกอแค่นเสียงเยาะ "สวยเกินไปอันใด เพราะข่าวลือเื่รัชทายาท ทุกคนเลยไม่กล้าเป็ศัตรูกับรัชทายาท ใครบ้างไม่รู้ว่าพวกเ้าเป็คู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ อีกทั้งรัชทายาทก็ทรงเป็ศิษย์ที่บิดาของเ้าภาคภูมิใจ"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ข้ากับเสด็จพี่รัชทายาทไม่ใช่อย่างที่พวกเ้าคิดกัน เขาแต่งงานกับพี่สาวข้าก็เป็พี่เขยของข้า ถึงไม่แต่งกับพี่สาว ก็ยังคงพี่ใหญ่ของข้า เขาเป็เหมือนพี่ชายแท้ๆ"
หรงฉางเกอหัวเราะเยาะอีกครา "เ้าอย่าโม้ได้หรือไม่ เป็พี่ชายแท้ๆ เชียวหรือ เ้านึกว่าตนเองเป็องค์หญิงของราชวงศ์หรือไร"
เฉียวเยว่ลูบท้องของตนเอง ยิ่งถูกหรงฉางเกอยั่วโมโหก็ยิ่งรู้สึกทรมาน
"เ้าโง่หรือเปล่า" หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปหยิกแก้มของหรงฉางเกอ
หรงฉางเกอถูกหยิกก็ตะลึง "จะ...จะ...เ้า นี่เ้าถึงกับลงไม้ลงมือเลยหรือ?"
เฉียวเยว่แสดงความเหิมเกริมทันที "เ้ามันงี่เง่า ปากไม่มีหูรูด ข้าไม่สั่งสอนยังเป็ซูเฉียวเยว่อยู่อีกหรือ ลองนึกดูเองว่าคำพูดของเ้าฟังได้หรือไม่?"
หรงฉางเกอเพิ่งตระหนักได้ว่าคำกล่าวของตนเองไม่ถูกต้อง แต่ให้ตายนางก็ไม่ยอมรับ "ไม่มีคนนอกเสียหน่อย ถึงพวกเ้าสองคนจะน่ารังเกียจ แต่ก็คงไม่ถึงกับเอาข้าไปขายกระมัง?"
"ต้องขายแน่นอน" เฉียวเยว่หัวเราะ
หรงฉางเกอเอื้อมมือไปหยิกแก้มของเฉียวเยว่เป็การเอาคืน เพียงแต่ยังไม่ทันแตะต้อง ก็ต้องหยุดความเคลื่อนไหว
เฉียวเยว่งุนงง นางมองตามสายตาของหรงฉางเกอไป ก็เห็นหรงจ้านกับรัชทายาทยืนอยู่ด้วยกัน และกำลังมองพวกนางอย่างมีความนัยบางอย่าง
เฉียวเยว่กลับมีไหวพริบ นางยอบกายทำความเคารพ แล้วทักทายอย่างสง่าผ่าเผย
"เฉียวเยว่... ยังคงร่าเริงสดใสเช่นนี้" รัชทายาทเปรยขึ้น
เฉียวเยว่ลดศีรษะลงมา สีหน้าเก้อเขินอยู่บ้าง
"กระต่ายโง่ เ้าไม่สบายหรือ?" หรงจ้านยังคงปากร้ายเหมือนเดิม
ดวงหน้าเล็กจ้อยขาวซีด น่าเวทนาจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้