หลังจากกำชับอาจิ่วเสร็จอวี๋เคอก็จัดแจงเสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเองด้วยความว่องไวในทันที แล้วปลดผนึกจิตสำนึกเพื่อปลดปล่อยพลังปราณอันมหาศาลของตัวเองออกมาก่อนจะเหาะทะยานขึ้นสู่กลางอากาศท่ามกลางเสียงร้องใของเหล่าลูกศิษย์ เขาประสานมือคารวะไปยังด้านไป๋ลี่อย่างสุภาพพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซนว่า “ข้าผู้นี้มาเป็แขก ท่านเ้าสำนักไป๋ด่าข้าเช่นนี้ถือเป็การไม่เหมาะสมหรือไม่? ”
ชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งของอวี๋เคอก็คือไร้ยางอายเขาไม่อยากจะต่อสู้จนนองเืในตอนนี้สักเท่าไร เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถลงมือได้โดยไม่ให้อาจิ่วได้รับาเ็ได้หรือไม่เวลานี้จึงได้แต่พูดวกไปวนมาอยู่หลายคำการถ่วงเวลาและฉวยโอกาสตอนที่ยังไม่ได้สู้กันเพื่อหาช่องว่างให้อาจิ่วหนีนั้นเป็สิ่งสำคัญที่สุด
แม้สิ่งที่เขาคิดนั้นจะยอดเยี่ยมมากแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเดือดดาลเมื่อเห็นใบหน้านี้ของเขา ไป๋ลี่ไม่สนใจคำถามของอวี๋เคอจากนั้นจึงกัดฟันกรอด แล้วแผดเสียงออกมาว่า “เหตุใดเ้าถึงปลอมเป็ลูกศิษย์ของข้า! ยามนี้ลูกศิษย์ของข้าอยู่ที่ใด? ”
อวี๋เคอทำหน้าอึ้งเมื่อได้ยินประโยคนี้ของเขาขณะที่กำลังจะเอ่ยปากตอบเขา ก็กลับได้ยินไป๋ลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือว่า “จะ จะเ้าฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ?! ”
ทันทีที่เขาเอ่ยคำนี้ออกมาสายตาของลูกศิษย์ทั่วทั้งลานประลองที่มองอวี๋เคอก็เปลี่ยนจากความหวาดระแวงเป็ความโศกเศร้าและเจ็บแค้นจากนั้นก็ไม่รู้ว่าศิษย์หญิงคนใดส่งเสียงร้องไห้โฮออกมา ภาพเหตุการณ์นี้จึงกลายเป็ความโกรธแค้นของฝูงชนศิษย์เกือบทุกคนต่างชักกระบี่กันออกมา พร้อมกับกู่ร้องว่าจะแก้แค้นให้กับศิษย์พี่ดูเหมือนว่าขอเพียงแค่ทันทีที่ไป๋ลี่ออกคำสั่งไม่ว่าพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งหรือไม่ ต่างก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปฟาดฟันศพของอวี๋เคอให้เละเป็หมื่นๆชิ้น
เอ่อ... สีหน้าของอวี๋เคอเต็มไปด้วยความระอาใครบอกว่าการที่ตนปลอมตัวให้มีรูปลักษณ์เหมือนคนผู้นี้แล้วจะต้องสังหารเขากันเล่า? แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้วต่อให้เขาพูดความจริงออกมาก็คงไม่มีใครเชื่อเป็แน่ ช่างถูกใส่ร้ายเสียยิ่งกว่าโต้วเอ๋อ[1] ผู้นั้นเสียอีก
เขาถอนหายใจ คิดอยากจะเอาผิดก็เอากันง่ายๆเช่นนี้ จึงยื่นมือไปฉีกกระชากหน้ากากที่ใช้แปลงโฉมออกแล้วเหวี่ยงหน้ากากหนังให้แตกกระจายสู่กลางอากาศ จากนั้นก็หัวเราะอย่างลำพองใจ “เ้าสำนักไป๋ ในเมื่อท่านรู้นิสัยของข้าผู้นี้แล้วเหตุใดยังจะต้องถามอีกเล่า? ”
อวี๋เคอที่ถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออกได้เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์เดิมของตนเมื่อประกอบกับรอยยิ้มที่ฉายชัดเช่นนี้แล้ว ต่อให้สวมชุดขาวแบบศิษย์แห่งสำนักฉิงชางก็ยังทำให้ผู้คนััได้ถึงกลิ่นอายอันชั่วร้ายอยู่ดีนามอันเป็ที่เล่าขานของจอมปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่เื่เท็จเลย
นอกจากไป๋ลี่กับผู้าุโทุกคน และซ่งฉียวนแล้ว บรรดาลูกศิษย์คนอื่นๆทั่วไปต่างก็ไม่เคยเห็นอวี๋เคอมาก่อนตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาแล้วก็อดสูดหายใจอย่างตกตะลึงไม่ได้ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจอมปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ฆ่าคนเหมือนผักปลาจะงดงามได้ถึงเพียงนี้...
แม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับความงดงามของอวี๋เคอออกมาแต่ก็ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน แล้วใครจะแน่ใจได้บ้างว่าข่าวลือเ่าั้เป็ความจริง? ทุกคนต่างก็บอกว่างดงามเหมือนนางพญางูแมงป่องวันนี้เหล่าศิษย์สำนักฉิงชางได้รู้แจ้งแล้วว่าอะไรที่เรียกว่านางพญางูแมงป่อง
ในตอนนั้นเอง แขนเสื้อของอวี๋เคอก็พลิ้วไหวเล็กน้อยจากนั้นอาจิ่วก็บินออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะกลับคืนสู่ร่างแท้จริงของหงส์เพลิงที่มีความสูงห้าเมตรขนนกสีสดใสภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาทำให้ไม่อาจละสายตาได้จากนั้นก็ได้ยินเ้าเด็กน้อยตะคอกใส่ศิษย์ที่อยู่ด้านล่างว่า “มองอะไรกัน! หากยังมองอีกข้าจะควักลูกตาของพวกเ้าออกมาให้หมด!”
นับั้แ่ตอนที่ซ่งฉียวนเห็นใบหน้านั้นของอวี๋เคอร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ จากนั้นฝ่ามือที่วางอยู่ข้างลำตัวก็กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว
ต่อให้คนผู้นี้ทำให้ตระกูลซ่งกลายเป็ซากปรักหักพังไปภายในคืนเดียวเขาก็ไม่เคยลืมสีหน้าอันโเี้ของคนผู้นี้ที่หักคอท่านพ่อได้เลย! และความทรมานที่ตนได้รับจากวังปีศาจก็เป็เขาที่มอบให้! ตนยังคงจดจำดวงอาทิตย์อันมืดมิดที่ถูกปิดล้อมโดยสัตว์อสูรได้จนถึงทุกวันนี้!
อวี๋เคอ ช่างเป็อวี๋เคอที่เก่งจริงๆ !
จากนั้นสีเืภายในดวงตาของซ่งฉียวนที่เพิ่งจะจางหายไปก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามได้เขาปลดปล่อยพลังปราณออกจากร่างกายและชักกระบี่ที่อยู่ข้างลำตัวออกมาพร้อมกับปรี่ไปด้านหน้าสองสามก้าวสายตากำลังจ้องจะพุ่งเข้าใส่อวี๋เคอแต่ทันใดนั้นก็ถูกแขนข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางไว้
“ฉียวน มันยังไม่ถึงเวลาตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของเ้ายังห่างชั้นกับเขามากนักหากรีบร้อนเข้าไปก็มีแต่จะรนหาที่ตาย ทั้งยังจะเปิดเผยตัวตนของเ้าอีกด้วยหากอวี๋เคอรู้ถึงตัวตนของเ้าแล้ว มีหรือที่จะปล่อยให้เ้าหลุดมือไป? ” เมื่อถูกหร่วนสือจิ่วปรามเอาไว้ซ่งฉียวนก็สงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย ฝ่ามือที่กำด้ามกระบี่จนแน่นได้ทิ้งรอยเส้นเืจางๆเอาไว้ สุดท้ายก็กัดฟันเก็บกระบี่กลับเข้าไปในฝัก แต่ก็ไม่ได้รับคำใดๆ กลับไปอีก
“นายท่านเ้าอันธพาลน้อยนั่นช่างดูเอาเื่เสียจริงสีหน้าที่มองท่านเมื่อครู่นั้นดูเดือดดาลมาก” อวี๋เคอและอาจิ่วเห็นการกระทำเล็กน้อยของพวกเขาได้อย่างชัดเจนเมื่ออาจิ่วพูดขึ้นมาเบาๆ ในตอนนี้ ก็รู้สึกหดหู่และไม่สบายใจขึ้นมา
อวี๋เคอขมวดคิ้วเป็ปมยุ่ง และไม่ได้ทำสีหน้าดีๆใส่อาจิ่วเลยสักนิด เขาถลึงตาใส่อาจิ่วที่ยืนเด่นเป็สง่าอยู่ด้านข้างแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เ้าลืมสิ่งที่ข้าผู้นี้พูดได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ใครบอกให้เ้าวิ่งออกมาโดยพลการ! ”
“นายท่าน ท่านอย่าโกรธไปเลยอย่าโกรธเลยนะขอรับ ก็ไม่ใช่เพราะว่าข้าไม่คุ้นชินกับสายตาของพวกเขาที่มองท่านหรอกหรือ? อีกอย่างคำพูดของนายท่านอาจิ่วไม่ลืมหรอกขอรับ อีกประเดี๋ยวต้องฟังนายท่านแน่นอน!”
อวี๋เคอถอนหายใจก่อนจะมองไปยังซ่งฉียวนที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่บนเวทีประลอง ขณะที่กำลังจะพูดบางอย่างทันใดนั้นก็ถูกพลังของไป๋ลี่โจมตีเข้ามาขัดจังหวะเขายกมือขึ้นเพื่อสลายพลังนั้นออกไป จากนั้นสายตาของอวี๋เคอก็แปรเปลี่ยนเป็เ็าและหัวเราะเย้ยหยันว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าสำนักฉิงชางผู้ทรงเกียรติจะกระทำการลอบโจมตีคนเช่นนี้มันช่างทำให้ข้ากระจ่างใจจริงๆ ”
“ปีศาจเช่นเ้าเปลี่ยนเป็คนสุภาพขนาดนี้ั้แ่เมื่อใดกัน? หรือว่าเกรงกลัวมหาค่ายกลของสำนักฉิงชางของพวกเราเลยคิดจะขอความเมตตาอย่างนั้นหรือ? ” หร่วนสือจิ่วเป็คนตรงไปตรงมา และพูดจาหยาบกระด้างมาโดยตลอดเขากล้าชี้หน้าด่าอวี๋เคอั้แ่การต่อสู้ที่แม่น้ำแห่ง์เมื่อคราวก่อนแล้ว ดูออกเลยว่านี่คงเป็สิ่งที่น่าพิศวงของการฝึกตนอย่างหนึ่ง จากนั้นเขาก็เพิ่มเสียงให้ดูหนักแน่นขึ้นพร้อมกับด่าต่อว่า “หากเ้าคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาและคำนับศีรษะให้ท่านปู่สามครั้งตอนนี้ไม่แน่ว่าท่านปู่หรือข้าอาจจะอารมณ์ดีแล้วไว้ชีวิตเ้าก็ได้! ”
คำพูดนี้ของเขานั้นโอหังมากทว่าเหมือนจะด่าแทนเสียงในใจของผู้คนในที่แห่งนี้ เพราะเหล่าศิษย์ต่างะโบอกให้อวี๋เคออ้อนวอนขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่ดังขึ้นมาราวกับลืมไปแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็ถึงผู้นำสูงสุดแห่งโลกปีศาจที่เผาทำลายล้างตระกูลซ่งให้เป็จุณด้วยตัวคนเดียวแต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกต่อไป
ในใจของอาจิ่วนั้นเดือดพล่านจากนั้นก็อ้าปากพ่นปราณไฟไปยังเบื้องล่างความร้อนสูงแผดเผาอากาศจนเกิดเสียงเพลิงไหม้มาตามทาง
ใบหน้าของไป๋ลี่มืดมนลงก่อนจะส่งสายตาให้เหล่าผู้าุโทันใดนั้นมหาค่ายกลพิทักษ์ูเาที่ลอยอยู่กลางอากาศก็พุ่งออกไปขวางหน้าปราณไฟเอาไว้อย่างรวดเร็วจากนั้นเปลวเพลิงที่ปะทะกัน้าก็สลายหายไปจนหมดสิ้นโดยไม่ได้กระตุ้นการสั่นไหวให้เกิดขึ้นมาแม้แต่ระลอกเดียวจนทำให้อาจิ่วถึงกับตะลึงงัน
อาจิ่วกางปีกออก พร้อมส่งเสียงร้องออกมาอย่างเกรี้ยวกราดและกำลังจะพ่นปราณไฟแห่งชีวิตแผดเผาค่ายกลอันเส็งเคร็งนี้ด้วยความโกรธ แต่กลับถูกอวี๋เคอห้ามเอาไว้เสียก่อน
อวี๋เคอกำหมัดแน่น จากนั้นถุงมือสีดำทองก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพลังปราณสีดำทองที่เกือบจะเป็รูปสสารที่กำลังไหลวนอย่างอ้อยอิ่งอยู่้า ทำให้เกิดเสียงปะทุของการกัดกร่อนอากาศดังออกมาเป็ระยะจนทำให้ทุกคนรู้สึกเข็ดฟัน เขามองไปยังอาจิ่วผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อเขาเสมอมาและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไปได้”
“นายท่าน ข้า...”
“ไปเร็วเข้า! ” อวี๋เคอพูดยังไม่ทันขาดคำก็พุ่งตรงเข้าไปในมหาค่ายกลพิทักษ์ูเาทันทีแล้วผูกมัดเข้ากับค่ายกลนั้นด้วยมือเปล่าไร้อาวุธ จากนั้นลมหมัดอันเฉียบคมก็ปะทะเข้ากับมหาค่ายกลสีเขียวจนทำให้เกิดเสียงอึกทึกไปทั่ว ส่งผลให้ค่ายกลนั้นเกิดรอยร้าวเส้นเล็กๆ ขึ้นมานับว่าเป็พลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าปราณไฟของหงส์เพลิงเสียอีก
ในตอนนี้อาจิ่วไม่กล้าที่จะเอาแต่ใจตนเองเขาต้องหนีออกไปให้ได้! แล้วไปเชิญท่านปู่มาช่วยนายท่าน!
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นว่าอาจิ่วกำลังจะหนีไปก็รีบสร้างค่ายกลกระบี่ขึ้นมาทันทีทันใดนั้นกระบี่นับพันเล่มก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วไล่ตามอาจิ่วไปราวกับ้าจะแทงอาจิ่วให้พรุนเป็รังแตน อวี๋เคอเองก็ได้เห็นการกระทำทุกอย่างของเหล่าศิษย์แล้วเขามองไปยังไป๋ลี่และเหล่าผู้าุโที่พยายามควบคุมค่ายกลอย่างเต็มกำลังอยู่เบื้องล่างจากนั้นก็พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเหยียดหยามว่า “ที่แท้คนของสำนักฉิงชางของพวกเ้าลอบโจมตีผู้อื่นยังไม่พอแต่ยังชอบรุมรังแกผู้อื่นอีกด้วย น่าประทับใจทีเดียว”
“อวี๋เคอ ในาแม่น้ำแห่ง์ตัวเ้าเองก็ใช้คนหมู่มากรุมรังแกผู้อื่นน้อยเสียที่ไหนกัน? ตอนนี้ยังมีหน้ามาพูดถึงสำนักฉิงชางของพวกเราอีกหรือ? ช่างน่าขันจริงๆ ! เ้ารอรับความตายเสียเถิด! ” คนที่พูดประโยคนี้คือหร่วนสือจิ่ว ในตอนนั้นอวี๋เคอและกู้จิ่นเฉิงได้โจมตีเขาโดยการล้อมหน้าล้อมหลังจนฝังใจเขาจำมันได้อย่างชัดเจน ตอนนี้จึงจะต้องสู้กันตาต่อตาฟันต่อฟันให้จงได้
“ข้าผู้นี้ยอมรับว่าข้ารักการรุมรังแกผู้อื่นไม่เหมือนผู้ฝึกเซียนผู้มีหน้าตาดูสูงส่งอย่างพวกเ้าเหล่านี้ที่ถือตนว่าสูงศักดิ์แต่ปากกลับเปื้อนไปด้วยมลทิน และประพฤติตัวต่ำทราม! ” เขาต่อปากต่อคำกับหร่วนสือจิ่วอย่างโจ่งแจ้งแต่ความจริงแล้วกลับไม่ได้ละสายตาจากกระบี่นับพันเล่มที่กำลังไล่ตามอาจิ่วเลยด้วยซ้ำเมื่อเห็นอาจิ่วบินห่างออกไปไกลแล้ว ทว่าเนตรกระบี่เ่าั้เห็นเข้าก็พุ่งไล่ตามไปอีกครั้ง
อวี๋เคอยกมุมปากโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มที่เ็าแต่กลับชักมือที่กำลังทำการต่อต้านมหาค่ายกลพิทักษ์ูเากลับมาแล้วรีบเหาะถอยร่นไปไล่ตามค่ายกลกระบี่ พร้อมร่ายคาถาขึ้นมาบนฝ่ามืออย่างรวดเร็วแล้วเหวี่ยงฝ่ามือออกไปปะทะเข้ากับค่ายกลกระบี่อันบ้าคลั่งจากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงดังปัง กระบี่นับพันเล่มเ่าั้ค่อยๆ สลายหายไปทีละเล่มแต่บางเล่มที่ทำจากวัสดุไม่ดีก็แตกกระจายเป็เสี่ยงๆ ในทันทีเมื่อเกิดแรงสะท้อนกลับ ศิษย์แต่ละคนก็ถูกจู่โจมจนต้องถอยร่นไปด้านหลัง สีหน้าก็ซีดเผือดไปหลายเท่า
อวี๋เคอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จู่ๆ จิตสำนึกของเขากลับรู้สึกถึงอันตรายที่แผ่เข้ามาจากด้านข้างสีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไป มือที่กำหมัดแน่นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่จุดมุมของมหาค่ายกลที่กำลังปรี่เข้ามาอีกครั้งแรงกระแทกมหาศาลทำให้ตัวเขาะเืจนต้องถอยหลังไปครึ่งก้าว พร้อมเกิดความรู้สึกพะอืดพะอมในลำคอทว่ากลับทำให้มหาค่ายกลพิทักษ์ูเากระเด็นออกไปสองเมตร
ทันทีที่อาจิ่วหนีไปอวี๋เคอก็ไม่มีความพะวงอะไรอีก เืในร่างกายค่อยๆ สูบฉีดขึ้นมาเขากลืนเืที่ติดอยู่ในลำคอนั้นลงไป ก่อนจะขยับข้อมือ และพูดอย่างยั่วยุว่า “ที่แท้สำนักอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียนมีความสามารถอ่อนด้อยเท่านี้เองหรือ? ”
......
เชิงอรรถ
[1] โต้วเอ๋อ คือเป็ตัวละครในงิ้วเื่หนึ่งของจีน ที่นางเอกถูกใส่ความว่าฆ่าคนตาย