กลิ่นหอมจากสมุนไพรหลากหลายชนิดเมื่อผสานเข้ากับกลิ่นของกำยานที่ถูกจุดในกระถางตอนนี้ได้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว ทั้งตำหนัก เมื่อประตูถูกเปิดออกให้เข้าสู่ด้านในแล้วจึงพบว่ามีร่างของบุรุษที่มีอายุมากน้อยลดหลั่นกันไปนับเกือบสิบคนที่นอนพักรักษาอยู่บนเตียงโดยรอบ แต่สิ่งหนึ่งของอาการที่ทุกคนเป็เหมือนกันนั่นคือ ิัภายนอกร่มผ้าปรากฎเป็รอยจ้ำสีเขียวคล้ำ ริมฝีปากต่างซีดเซียว ราวกับกระดาษ กระแสพลังลมปราณในร่างกายต่างถูกดึงกระชากออกจากร่างกายจนเห็นด้วยตาเปล่าโดยที่โอสถวิเศษรวมไปถึงกระถางกำยานที่ถูกจุดขึ้นนี้ ทำได้เพียงชะลออัตราความเร็วให้ลดลงเท่านั้น
"คำนับท่านประมุข คุณชายรองและคุณชายท่านนี้ขอรับ..." หมอชราเผยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะประสานมือคำนับเล็กน้อย
"อย่าได้มากพิธีไปถึงเพียงนั้น ท่านหมอชุนหลี่ตอนนี้อาการของท่านพ่อและผู้าุโท่านอื่นเป็อย่างไรบ้าง?" หวังจิ่งหลงถามไปด้วยความกังวล
"ยามนี้เราผู้เฒ่ายังไม่อาจระบุได้ว่าพิษร้ายที่ท่านประมุขคนเก่ารวมไปถึงผู้าุโท่านอื่นได้รับเป็พิษชนิดใด แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือแม้จะเรียกใช้สมบัติวิเศษระดับสูงที่มีคุณสมบัติต่อต้านพิษร้าย โอสถแก้พิษระดับหกหรือแม้กระทั่งกำยานสมุนไพรระดับสูงยังไม่อาจรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงลดความเร็วในการสูญเสียพลังลมปราณร่างกายเพียงเท่านั้นขอรับ..." หมอชราชุนหลี่รายงานให้รับรู้ก่อนจะถอนลมหายใจออกมาเล็กน้อย
"หนิงเอ๋อร์...เ้าคิดเห็นเป็อย่างไร?" หวังจิ่งหลงหันไปถามหลานชายของตนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"เอ่อ...คุณชายท่านนี้คือ" แม้จะพอคาดเดาถึงตัวตนคุณชายท่านนี้ได้ แต่ชุนหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะสอบถามเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะแผ่ซ่านญาณััตรวจสอบจนััได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ยังเยาว์วัยยิ่งนัก ทว่ากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความแข็งแกร่งของพลังิญญาที่ถือครองอยู่
"ข้ามีนามว่าหวังหนิงอ้ายเป็หลานชายของท่านตาหวังจิ่งหลงท่านหมอชุนหลี่ได้รักษาโดยการใช้โอสถชนิดใดไปหรือขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับชายชราตรงหน้าก่อนจะประสานมือคำนับเล็กน้อย ด้วยฐานะของอัครราจารย์โอสถระดับหก กล่าวว่าหมอชราท่านนี้นับว่ามีทักษะและความสามารถในการรักษาที่ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน
"นอกจากกำยานสมุนไพรระดับสูงแล้ว ทุกท่านล้วนได้รับโอสถแก้พิษระดับหกจากเราผู้เฒ่าไปเมื่อสองเค่อ...คุณชายน้อยถามเช่นนี้แสดงว่าท่านก็เป็นักปรุงโอสถอย่างนั้นหรือขอรับ?" หนิงอ้ายไม่ได้ตอบสิ่งใดไปทว่าสิ่งนี้ก็เป็การยอมรับโดยไม่ปฏิเสธ
ชุนหลี่จึงได้แต่ตกตะลึงอยู่ในใจ เพราะหากคุณชายน้อยเป็ นักปรุงโอสถด้วยญาณััอันลึกล้ำละเอียดอาอนของนักปรุงโอสถระดับหกที่ตนถือครองอยู่ ย่อมสามารถทราบได้ถึงระดับเขตขั้นของคุณชายน้อยได้แล้ว ทว่าการที่เขาไม่สามารถล่วงรู้และวัดระดับได้เช่นนี้นั่นย่อมหมายความว่าหากอีกฝ่ายไม่ได้สมบัติวิเศษระดับสูงที่ปกปิดตัวตนแล้ว อีกฝ่ายคงเป็ถึงนักปรุงโอสถระดับหกขั้นสูงเป็ต้นไปเสียกระมัง
หนิงอ้ายหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิก่อนจะลืมตาขึ้นพร้อมกับแผ่ญาณััของนักปรุงโอสถออกมาอย่างเร่งด่วน
เขารู้ดีว่ายามนี้สิ่งที่เขาควรกระทำให้เร็วมากที่สุด นั่นคือการระงับการสลายของพลังปราณในร่างกายของบรรดาผู้าุโเหล่านี้หากยังปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปแล้ว มหาสมุทรทะเลลมปราณรวมไปถึงจุดตันเถียรนั้นอาจบังเกิดรอยร้าวจนตีกลับทำให้พลังหยินหยางในร่างกายแตกซ่านจนเสียชีวิตก็เป็ไปได้
พรึบ!!! พรึบ!!! พรึบ!!!
ไม่กี่ชั่วอึดใจนั้นกระถางกำยานนับสิบที่ถูกวางเรียงรายโดยรอบที่มีกำยานสมุนไพรเผาไหม้ ยามนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยเม็ดโอสถสีขาวแวววาว ที่เมื่อถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงแล้วจึงได้ส่งกลิ่นหอมบริสุทธิ์ลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว
ผู้ใดที่ได้สูดดมกลิ่นนี้เข้าไปแม้ก่อนหน้าจะรู้สึกอ่อนเพลียมากเพียงใดยามนี้กลับรู้สึกดีขึ้นราวกับได้ดูดซับปราณฟ้าดินสองถึงสามชั่วยาม บ้างก็รู้สึกผ่อนคลายจิตใจในขณะเดียวกัน สิ่งนี้ย่อมชี้ชัดได้ว่าโอสถเหล่านี้มากไปด้วยคุณวิเศษของโอสถระดับสูงยิ่ง
"ถึงกับเรียกใช้โอสถระดับหกที่มีความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนจำนวนมากโดยไม่เสียดายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าโอสถวิเศษที่ตุณชายน้อยครองครองอยู่จะลึกล้ำและมีจำนวนมากเพียงใดกัน..."
ชุนหลี่ที่เป็หมอรักษาและนักปรุงโอสถระดับหกย่อมััได้ถึงความพิเศษลึกล้ำของโอสถเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากนัก จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเบา ๆ ราวกับกำลังพูดคุยกับตัวเอง
ทว่าทุกคนในที่นี้ล้วนเป็ผู้ฝึกตนระดับสูง ดังนั้นถ้อยคำเมื่อครู่ แม้จะเกิดจากเสียงที่เบามากเพียงใด พวกเขาย่อมได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อสดับฟังเช่นนั้นทุกสายตาจึงจับจ้องชายหนุ่มตรงหน้า มองไปยังคุณชายน้อยท่านนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแตกต่างกันไป
หนิงอ้ายยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นเกิดเป็รัศมีแสงสีแดงทองประกายรุ้งที่ส่องสว่างอาบย้อมไปทั่วทั้งห้องโถงแห่งนี้ ญาณััอันลึกล้ำแก่กล้าของนักปรุงโอสถระดับเจ็ดขั้นสูงได้ถูกดัดแปลงเป็ปราณธาตุบริสุทธิ์ที่แทรกซึมประสานเข้ากับกับพลังลมปราณของทุกคนที่ถูกพิษร้าย เขาััได้ว่าเส้นชีพจรลมปราณของพวกเขานั้นอ่อนแอและบังเกิดความเสียหายเป็อย่างมาก
พลังปราณในร่างกายที่สูญเสียไปได้ส่งผลให้บางจุดชีพจรถึงกับตีบตันจนเกิดเป็รอยจ้ำคล้ำที่ได้เห็นไปในก่อนหน้า ยังดีที่สมบัติวิเศษรวมไปถึงกำยานเหล่านี้นอกจากจะชะลอการสูญสลายของพลังปราณในร่างกายแล้ว ยังคงมีพลังปราณฟ้าดินบางส่วนที่ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายแม้จะเป็จำนวนที่น้อยก็ตาม
ยามเมื่อญาณััอันล้ำลึกเหล่านี้ได้สอดประสานเข้ากับ จุดชีพจรทุกจุดในร่างกายของทุกคนแล้ว หนิงอ้ายจึงพบเห็นว่าตรงบริเวณจุดตันเถียรและมหาสมุทรทะเลลมปราณนั้นได้ถูกไอหมอกพิษร้ายหลากหลายสีสันต่างพุ่งเข้ากัดกินอย่างไม่ลดละ
ทั้งยังส่งผลให้การไหลเวียนของพลังปราณในร่างกายบางจุดถึงกับติดขัด บางจุดก็บังเกิดเป็รอยรั่วขนาดใหญ่ กล่าวได้ว่าพิษที่ทุกคนได้รับนั้นไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด วิชามหาจักษุ์อนันตมายา อันเป็สุดยอดเคล็ดวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทพาโชคชะตาห่าวหรานทำให้หนิงอ้ายได้รู้ถึงสิ่งที่สงสัยในที่สุด ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับหันไปเอ่ยกับทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ท่านปู่ทวดรวมไปถึงผู้าุโท่านอื่นในที่นี้ ร่างกายต่างถูกปนเปื้อนด้วยพิษร้ายหลัก ๆ อยู่สองชนิด นั่นคือพิษของอสูรราชันย์แมงมุมทมิฬและพิษร้ายจากอสูรเถาวัลย์พิษมรกต..."
"พิษร้ายทั้งสองนี้ เป็ตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายไม่อาจตอบสนองต่อสมบัติวิเศษระดับสูงหรือโอสถระดับหกที่ได้รับไปก่อนหน้า มากไปกว่านั้นพิษสลายิญญาที่ถูกเจือปนในร่างกายได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจุดตันเถียรและมหาสมุทรทะเลลมปราณ
กล่าวว่ายามนี้ในร่างกายของทุกท่านล้วนอัดแน่นเต็มไปด้วย พิษร้ายอย่างแท้จริงขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยถึงสิ่งที่ตนััได้ให้ทุกคนได้รับรู้
"พิษร้ายจากอสูรราชันย์แมงมุมทมิฬและพิษของอสูรเถาวัลย์พิษมรกต!!!"
แม้หวังจิ่งหลงจะไม่ได้เข้าสู่เส้นทางนักปรุงโอสถ ทว่าจากตำราความรู้ที่เคยได้ศึกษามานั้น เขาย่อมกระจ่างแก่ใจว่าพิษร้ายของสัตว์อสูรมายาระดับสูงทั้งสองนั้นมีความร้ายกาจและหายากใช่จะพบเจอและได้โดยง่ายไปเสียเมื่อไหร่
"ช่างเป็การกระทำที่ชั่วช้าสามานย์ยิ่ง เพียงแค่พิษร้ายของสองสัตว์อสูรระดับมายาก็นับว่าแทบจะปลิดลมหายใจได้อย่างไม่ยากเย็นแล้ว นี่ยังลอบวางยาพิษสลายิญญาด้วยอย่างนั้นรึ..." หมอชรา ชุนหลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ด้วยรู้ว่าพิษร้ายและโอสถพิษที่คุณชายน้อยเอ่ยขึ้นมานั้นน่ากลัวมากเพียงใด
"แต่อย่างไรท่านตาไม่ต้องเป็กังวลไปนะขอรับ พิษร้ายจากสัตว์อสูรทั้งสองนั้นผู้ที่ใช้อาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอ จึงไม่อาจใช้พิษร้ายเต็มทั้งสิบส่วนได้ ทว่าเพียงแค่สามสี่ส่วนเช่นนี้ก็นับมาเป็ผลร้ายที่มากเพียงพอแล้ว
สำหรับโอสถสลายิญญานั้นผู้หลอมสร้างก็ไร้ซึ่งพร์และญาณััอันละเอียดอ่อน จึงหลอมสร้างโอสถออกมามีความบริสุทธิ์เพียงห้าส่วนเท่านั้น ด้วยโอสถที่ข้าอยู่คิดว่าสามารถรักษาได้อย่างไม่ยากนักขอรับ..."
ความวิตกกังวลที่ปรากฎอยู่ในสีหน้าของทุกคนในที่นี้หนิงอ้ายย่อมกระจ่างใจเป็อย่างดี เขาจึงเอ่ยสำทับเพื่อคลายความกังวลใจของทุกคน แต่อย่างไรแม้จะกล่าวว่าสามารถรักษาได้ แต่ว่าวิธีการนั้นก็นับว่ายุ่งยากและโอสถที่ต้องใช้ก็ไม่อาจธรรมดาสามัญได้เช่นกัน
“รบกวนเ้าแล้วหนิงเอ๋อร์...”
“ข้าสัญญาว่าจะทำหน้าที่รักษาให้ดีที่สุดขอรับ...”
"ท่านหมอชุนหลี่ ข้ารบกวนท่านป้อนโอสถเหล่านี้แก่ท่านปู่ทวดรวมไปถึงผู้าุโท่านอื่นด้วยขอรับ ด้วยความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนของเม็ดโอสถระดับเจ็ดพวกนี้ ย่อมสามารถสลายผลกระทบจากโอสถสลายิญญาได้
ทั้งยังช่วยซ่อมแซมเส้นชีพจรรวมไปถึงจุดตันเถียรและมหาสมุทรทะเลลมปราณให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นก่อนจะมอบขวดโอสถให้แก่หมอชราตรงหน้า
"โอสถทิพย์ระดับเจ็ดที่มีความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วน!!! แม้ว่ามหานครจูเชว่แห่งนี้จะมีนักปรุงโอสถระดับเจ็ดอาศัยอยู่ ทว่าความบริสุทธิ์ที่สามารถหลอมสร้างปรุงโอสถออกมาได้มากสุดเพียงแปดเก้าส่วนเท่านั้น สิ่งนี้ไม่อาจหาได้โดยง่ายอย่างแท้จริง นายน้อยท่านบอกกล่าวกับข้าได้หรือไม่ว่าอาจารย์ของท่านที่หลอมสร้างโอสถเหล่านี้มีนามว่ากระไร..."
ในฐานะนักปรุงโอสถแล้วชุนหลี่ที่เข้าสู่เส้นทางนักปรุงโอสถไม่น้อยกว่าห้าสิบปีย่อมได้ศึกษาตำราและความล้ำค่าของโอสถไม่น้อย จริงที่ที่ว่าเขาอาจจะหลอมโอสถระดับเจ็ดบางชนิดได้ ทว่าความบริสุทธิ์ก็มีเพียงสามถึงสี่ส่วนแต่ก็ล้ำค่าอย่างถึงที่สุดแล้ว แม้กระทั่ง ปรมจารย์โอสถเหวิน นักปรุงโอสถระดับเจ็ดยังสามารถหลอมสร้างโอสถออกมามีความบริสุทธิ์ได้เพียงแปดถึงเก้าส่วนเท่านั้น แต่นี่คุณชายน้อยหนิงอ้าย กลับล้วงเอาโอสถทิพย์ระดับเจ็ดออกมามากมายอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าอาจารย์ที่คอยบ่มเพาะอีกฝ่ายคงเป็นักปรุงโอสถระดับแปดเป็ต้นไปอย่างแน่นอน
หากไม่นับรวมถึงท่านเทพโอสถาเสวี่ยจิ่งรวมไปถึงศิษย์ทั้งเก้าคนของท่านที่เป็ถึงนักปรุงโอสถระดับเก้าแล้ว ตัวตนของนักปรุงโอสถระดับแปดจึงมีเพียงห้าท่านที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งสูงสุดปกครองในวิหารแห่งโอสถ
อาจมีความเป็ไปได้ว่าคุณชายน้อยหนิงอ้ายอาจจะได้รับความเมตตาเอ็นดูจากหนึ่งในห้าท่านผู้นำสูงสุดของวิหารแห่งโอสถรับเข้าเป็ศิษย์ส่วนตัว
"โอสถเหล่านี้เป็เพียงหนึ่งในสูตรโอสถที่ข้าได้หลอมสร้างขึ้นเพื่อฆ่าเวลาเพียงเท่านั้นไม่คิดว่าจะได้หยิบใช้ในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ ส่วนนามกรของอาจารย์ข้า? ท่านมีนามว่าเสวี่ยจิ่งขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับไปให้ได้ยินเพียงหมอชราเท่านั้น ก่อนจะหันหลังไปพูดคุยกับท่านตาของตนที่ยืนอยู่ด้านหลัง โดยลืมคิดไปว่าสิ่งที่ตอบคำถามไปแล้วอีกฝ่ายจะตกตะลึงมากเพียงใด
'โอสถทิพย์ระดับเจ็ดที่หลอมสร้างขึ้นเพื่อฆ่าเวลาอย่างนั้นรึ? ทั้งนามกรอาจารย์ของคุณชายน้อยเหตุใดจึงคุ้นหูยิ่งนัก ท่านอาจารย์เสวี่ยจิ่ง...ท่านเทพโอสถาเสวี่ยจิ่ง!! นี่มัน...’
‘อาจารย์ของคุณชายน้อยคือท่านเทพาโอสถเสวี่ยจิ่ง...หรือข่าวคือที่ว่าไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ท่านเทพโอสถาได้รับศิษย์สืบทอดเป็คนสุดท้าย ไม่คิดว่าจะเป็คุณชายหวังหนิงอ้ายท่านนี้...’
เมื่อตั้งสติได้ท่านหมอเฒ่าจึงหยิบโอสถทิพย์ระดับเจ็ดออกมาด้วยมือที่สั่นเทาบรรจงป้อนผู้ที่ได้รับพิษทุกคนเพื่อไม่ให้เสียเวลา
ทักษะิญญาที่หนึ่ง เขตแดนเปลวเพลิงอัคคีจรัสแสงนิรันดร์ สำแดง!!!
สิ้นเสียงของหนิงอ้ายได้ปรากฎเป็เปลวเพลิงที่ผนึกขึ้นเป็ม่านพลังสีทองประกายรุ้งครอบทับผู้ต้องพิษร้ายทั้งสิบ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาให้ััได้ส่งผลให้ทุกคนในที่นี้ต่างตกตะลึงยิ่งนัก ความเข้มข้นอันลึกล้ำนี้ได้สะกดข่มไปทั่วสร้างความหวาดหวั่นแก่ทุกคน
ด้วยไม่คิดว่าคุณชายน้อยหวังหนิงอ้ายท่านนี้จะเป็ถึงราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้นที่มีรากฐานบ่มเพาะเหนือชั้นกว่า รุ่นเดียวกันหลายเท่า แม้จะยังมีความต่างชั้นกับท่านประมุขตระกูลที่เป็ราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นสูง
และท่านหวังเฟยหลงที่เป็ราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นกลางย่างก้าว แต่ก็นับว่าเหนือล้ำกว่าลูกหลานในตระกูลโดยไม่อาจเปรียบเทียบได้
การถ่ายเทพลังลมปราณอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพของทักษะิญญาได้ดำเนินผ่านไปถึงสี่ชั่วยามแล้ว หนิงอ้ายยามนี้ได้ปรากฎร่องรอยของความเหนื่อยล้า ทว่าทุกคนก็ไม่อาจเข้ามายุ่มย่ามได้ เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่คุณชายน้อยทุ่มเทกระทำนั้นจะสูญเปล่าในทันที
ด้วยความลึกล้ำของโอสถทิพย์ระดับเจ็ดเมื่อประสานเข้ากับพลังรักษาด้วยิญญายุทธ์ปราณธาตุแสงอันบริสุทธิ์นี้ จึงส่งผลให้ร่องรอยช้ำจากพิษร้ายและใบหน้าที่เคยซีดเซียวของทุกคนได้กลับมามีเืฝาดอีกครั้งแล้วนับเป็สิ่งที่ดียิ่งนัก
พวกเขาทุกคนล้วนกระจ่างแก่ใจกันดีว่าการกำจัดพิษร้ายของสัตว์อสูรระดับมายาระดับสูงถึงสองชนิดและการฟื้นฟูร่างกายรวมไปถึงจุดตันเถียรและมหาสมุทรทะเลลมปราณย่อมไม่ใช่สิ่งที่สามารถกระทำได้โดยง่าย เห็นได้ชัดยิ่งแล้วความคุณชายน้อยนั้นมากไปด้วยความสามารถที่น่าชื่นชมมากเพียงใด
สลาย!!!
หนิงอ้ายได้สลายทักษะิญญายุทธ์ปราณธาตุแสงนี้ไปในที่สุดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าการสลายพิษร้ายนี้จะใช้เวลาที่ยาวนานไม่น้อย ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าที่ถูกซ่อนภายใต้ผ้าคลุม ดวงตาเป็ประกายพร้อมกับระบายยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก สำหรับการรักษาโดยการใช้พลังิญญายุทธ์และโอสถรักษาไปพร้อมกันนั้น ย่อมเป็อีกหนึ่งทักษะการรักษาที่ได้รับการถ่ายทอดโดยไม่หวงแหนของท่านลุงเสวี่ยจิ่ง
แม้จะต้องเหนื่อยล้าและสูญเสียพลังลมปราณไปจำนวนไม่น้อย แต่ด้วยโอสถฟื้นฟูพลังปราณระดับเจ็ดที่เขาได้ดูดซับไปแล้วเมื่อครู่ อาศัยการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินที่ผสานไปกับฤทธิ์ของโอสถ เพียงหนึ่งชั่วยามให้หลังร่างกายและพลังลมปราณของเขาย่อมกลับมาสมบูรณ์พร้อมดังเดิมอีกครั้ง
"ตอนนี้ข้าได้ขจัดพิษร้ายของสัตว์อสูรและผลข้างเคียงจากโอสถสลายิญญาให้แก่ท่านปู่ทวดรวมไปถึงผู้าุโทุกท่านเรียบร้อยแล้ว อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามให้หลังทุกท่านคงจะฟื้นคืนกลับมาเป็ปกติดังเดิมขอรับ..."
หนิงอ้ายบอกกล่าวให้กับท่านตารวมไปถึงทุกคนในที่นี้ให้หายกังวลใจ ก่อนที่เขาจะขอตัวนั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณในร่างกาย โดยที่ไม่ลืมบัญชาการวิชามหาจักษุ์อนันตมายาให้กลายเป็วิหคน้อยโปร่งแสง ไร้ซึ่งรูปลักษณ์และจิตััครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ของมหานครจูเชว่ แน่นอนว่าเป้าหมายหลักนั่นคือการเข้าสอดแนมทางฝั่งของตระกูลฮั่นว่ากำลังคิดแผนการใดอยู่หลังจากนี้...
