คุณชายซูมอบต้วนหุนเซียงให้นาง เพราะอยากให้นางวางยาประชาชน
ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ หมอที่มีฝีมือนั้นมีไม่มาก อีกทั้งนี่ยังเป็พิษจากดินแดนอื่น หากแพร่กระจายออกไปย่อมคิดว่าประชาชนติดโรคระบาด
เมื่อถึงยามนั้นย่อมเกิดความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวเป็ธรรมดา นางก็จะอาศัยโอกาสนี้แจกจ่ายโจ๊กเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ จากนั้นก็นำยารักษาออกมา บอกว่าเป็ยาที่คิดค้นขึ้นมาเองเพื่อรักษาโรคระบาด ชื่อเสียงของตระกูลเวินก็จะดีขึ้นจนถึงขนาดได้รับความชื่นชอบจากประชาชน
แต่หากเื่นี้มีคนรู้เข้า ไม่ต้องเอ่ยถึงชื่อเสียงของตระกูลเวินเลย เกรงว่าแม้แต่ที่ซุกหัวนอนในเมืองนี้ก็จะไม่มี แต่จะให้ยอมรับสภาพและเป็เช่นนี้ต่อไป ตระกูลเวินก็อยู่ในอันตรายพอกัน
แท้จริงแล้วนี่ก็เป็วิธีที่ดี...
เวินเยียนจ้องมองขวดกระเบื้องเคลือบด้วยสีหน้าลังเล
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนางทำให้ยากที่จะยอมรับเื่นี้ แต่ตระกูลเวินก็ไร้หนทางแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เดินไปทั่วห้อง หาแผ่นทองแดงออกมาและโยนลงพื้น
หากออกด้านหงาย นางจะวางยาทุกคน หากเป็ด้านคว่ำจะไม่ทำ นางให้์จัดการเื่นี้
แผ่นทองแดงออกมาเป็ด้านหงาย แววตาของนางมืดลง พลางเก็บขวดยาไว้อย่างดี สวมชุดดำพลันเดินเหยียบแผ่นทองแดงออกไปด้านนอก
......
หลังจากที่เวินซีและจ่างกุ้ยมาถึงร้านเครื่องหอม พวกเขาก็นำสูตรเครื่องหอมใส่ลงในกล่องไม้หงมู่
จ้าวต้านมีเื่ที่ต้องทำ จึงใช้เหตุผลว่าไปล่าสัตว์ จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา
เวินซียังคิดถึงเื่ที่เตรียมจะเปิดร้านปิ้งย่าง จึงมิได้อยู่ที่ร้านเครื่องหอมนานนัก นางเตรียมตัวจะออกไปที่ร้านปิ้งย่างทันที โดยมีถันถั่นตามไปด้วย
แม้ว่าร้านนี้จะไม่ใหญ่เท่าเวินสีเก๋อ แต่ก็มีพื้นที่ไม่น้อย โดยมีทั้งหมดสามชั้น ทุกห้องของชั้นบนสุดมีหน้าต่างที่สามารถเปิดออกได้ รับแสงของพระจันทร์และมองเห็นทะเลสาบเพียงแห่งเดียวของเมืองได้พอดิบพอดี
ในตอนกลางคืน หากปิ้งอาหารทานบนชั้นสามแล้วชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามเหมันต์ เพียงแค่คิดเวินซีก็รู้สึกถึงความสบายอารมณ์
เนื่องจากร้านเดิมเป็ร้านขายเครื่องหอม ในร้านจึงไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากตู้สินค้าไม้ จึงต้องใช้เวลาเตรียมการอีกสักหน่อย
เวินซีออกกำหนดการไปแล้วว่าร้านจะเปิดตอนกลางคืน เวลานี้คือตอนบ่าย นางกลัวว่าจะไม่ทันการจึงเรียกทหารลับให้ออกมาช่วย
ยามนี้ร้านของนางโด่งดังขึ้นมาก การมีคนรับใช้เพิ่มขึ้นจึงไม่ใช่เื่ที่ผิดแปลกใดๆ
ทหารลับเชื่อฟังคำสั่งของนาง พวกเขาออกไปซื้อโต๊ะไม้และกะละมังไฟทันที
เวินซีซื้อลวดเหล็กมาจากช่างตีเหล็ก แล้วดัดเป็ตาข่ายปิ้งย่างเท่าที่จำได้
ถันถั่นมองดูนางทำครั้งเดียวก็ทำเป็ จึงนั่งยองลงข้างๆ และช่วยนางอีกแรง
หลังจากที่ซื้อโต๊ะและกะละมังไฟมาจัดวางในร้านแล้ว เวินซีก็ทำตาข่ายปิ้งย่างเสร็จแล้วเช่นกัน
เพื่อความสวยงาม นางได้เรียกใช้ช่างไม้ทั้งหมดจากในเมืองมาเจาะรูตรงกลางโต๊ะ เมื่อวางกะละมังไฟลงไป ปากกะละมังจะอยู่ในระนาบเดียวกับผิวโต๊ะ ตามด้วยการนำตาข่ายปิ้งย่างติดลงบนกะละมังไฟ
จากนั้นก็ย้ายถ่านจากข้างนอกร้านเข้ามาวางที่มุม เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น เวินซีก็เริ่มทำเครื่องปรุงและน้ำจิ้ม
นางคิดจะให้ถันถั่นช่วยดูแลร้านนี้ จึงตั้งใจปรุงให้เห็น
นางบดพริกไทยเสฉวนให้เป็ผง สับต้นหอม พริก น้ำมัน...
เวินซีเตรียมเครื่องปรุงไว้ทุกอย่างเท่าที่ผู้คนจะ้า
“คุณหนูเวินซีเ้าคะ มีอันใดที่ต้องทำอีกหรือไม่เ้าคะ?” ถันถั่นดูนางตรียมเครื่องปรุงทั้งหมดเสร็จก็รู้สึกว่าตนนั้นว่างงานเกินไป
“ไปจุดไฟเถิด จุดไฟให้ทุกโต๊ะเลย” เวินซีเงยหน้าขึ้นมาพูดระหว่างที่ยุ่งอยู่
“เ้าค่ะ” ถันถั่นะโโลดเต้นและเริ่มจุดไฟ
ท้องฟ้าเริ่มมืด พวกนางยังเตรียมของไม่เสร็จเรียบร้อยดี ก็มีผู้คนพากันเข้ามานั่งรอที่โต๊ะแล้ว
“คุณหนูเวินซี ้าความช่วยเหลือหรือไม่? ข้าช่วยได้”
“คุณหนูเวินซี คืนนี้จะได้ทานใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“คุณหนูเวินซี ข้าช่วยดีกว่าขอรับ”
......
ทุกคนเห็นเวินซียุ่งวุ่นวายและเดินไปมาจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ
เวินซียื่นสบู่ให้ทุกคน “เช่นนั้นขอรบกวนหน่อยนะเ้าคะ ทุกท่านเชิญล้างมือกันก่อนเถิด”
“ได้เลย” ทุกคนมองสบู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เป็ครั้งแรกที่ล้างมือด้วยท่าทางเงอะงะ
หลังจากล้างมือเสร็จแล้ว พวกเขาก็เข้ามาช่วยหั่นผักและเสียบไม้ ทุกอย่างจึงเสร็จอย่างรวดเร็ว
เวินซีแบ่งเครื่องปรุงในแต่ละโต๊ะออกเป็สี่อย่าง
นางทำตามคำโฆษณาที่กล่าวออกไป เปิดร้านครั้งแรกทุกคนจะได้ทานโดยไม่ต้องเสียเงิน
เวินซีให้ถันถั่นไปเรียกจ้าวต้าน เอ้อเอ้อร์ ซันซานและจ่างกุ้ยออกมา หลังจากที่ทุกคนนั่งลงบนโต๊ะ นางก็เริ่มสาธิตการปิ้ง
จากนั้นคนอื่นๆ ก็ทำตาม
เสียงของเนื้อที่อยู่บนขดลวดตาข่ายดังขึ้น คนทั้งร้านเริ่มปิ้งอาหาร ไม่นานก็มีควันโขมงไปทั่ว
“พี่สะใภ้ กลิ่นนี้หอมมากเลยเ้าค่ะ”
กลิ่นหอมฟุ้งโชยออกมา เอ้อเอ้อร์ที่เฝ้าดูอย่างกระตือรือร้นอยากทานจนน้ำลายสอ นางหยิบตะเกียบขึ้นมาแอบคีบมะเขือไป ในตอนที่กำลังจะนำเข้าปากก็ถูกจ้าวต้านตีมือ
“อันนี้ยังดิบอยู่”
เขาพูดนิ่งๆ พลันคีบเนื้อที่ปรุงสุกแล้วใส่ชามของเอ้อเอ้อร์ นางที่นั่งหงอยและจะร้องไห้ก็รีบยกถ้วยมา ใส่เครื่องปรุงและเริ่มทานทันที
“เ้าทานเถิด ข้าจะย่างให้” จ้าวต้านเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเวินซียังไม่ได้ทานสักคำเพราะย่างอาหารให้ทุกคน
เวินซีหิวนานแล้ว นางพยักหน้าทันทีพลันนำแปรงจุ่มเครื่องปรุงส่งไปให้เขา
เขาเรียนรู้จากเวินซีและเริ่มย่างอาหารด้วยท่าทีที่ไม่คุ้นชิน
ส่วนคนอื่นๆ ในร้านก็เริ่มทานแล้ว บางคนเอ่ยชมไม่ขาดปาก บางคนก็อารมณ์เสียเพราะใส่เครื่องปรุงมากเกินไป บรรยากาศภายในร้านครึกครื้นมาก
“เ้ามิทานหรือ?”
เพราะไม่คุ้นชินกันควัน ถันถั่นจึงคีบอาหารใส่ถ้วยออกไปทานที่มุมร้าน นางได้เจอกับทหารลับผู้หนึ่งจึงเอ่ยถาม
แม้จะไม่รู้ว่าเขาคือผู้ใด แต่เมื่อเขาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ต้องเป็ลูกน้องของเวินซีแน่
สืออีมองดูเด็กสาว ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ทานหน่อยเถิด ไม่มีผู้ใดเห็นเสียหน่อย”
ถันถั่นคิดว่าเขากลัวเวินซีจะเห็นเข้า จึงหัวเราะเบาๆ พลันคีบอาหารไปให้ที่ปาก
สืออีถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
“ทานสักหน่อยเถิด ข้าจะไม่รบกวนแล้ว”
แววตาของถันถั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สืออีมองเข้าไปในแววตาของนาง ไม่นานก็พยักหน้า ทานของปิ้งย่างที่นางคีบให้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ถันถั่นก็หัวเราะเบาๆ พลันถือถ้วยเดินออกไป
......
เนื่องจากเป็การเตรียมการเฉพาะหน้า อาหารจึงมีไม่มากนัก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามอาหารก็หมด ทุกคนต่างมองหาเวินซีด้วยอารมณ์ที่ยังทานไม่หนำใจ
“คุณหนูเวินซี ต่อไปร้านนี้จะเปิดไปตลอดใช่หรือไม่ขอรับ?”
“คุณหนูตั้งราคาเช่นไรขอรับ? ราคาถูกหน่อยได้หรือไม่? ข้าชอบทานมาก”
“คุณหนูเวินซี...”
......
เวินซีวางถ้วยและตะเกียบลงท่ามกลางเสียงเรียกร้องของผู้คน นางกลืนอาหารคำสุดท้ายลงแล้วเอ่ยปากพูด
“ทุกท่าน ราคาของอาหารปิ้งย่างจะอยู่ในขอบเขตที่ทุกท่านสามารถจ่ายได้แน่นอนเ้าค่ะ จะมากหรือน้อยนั้นอยู่ที่ความ้าของแต่ละคน”
“เนื่องจากวันนี้เรารีบเปิดร้าน พื้นที่ชั้นบนจึงยังมิได้ปรับปรุง ร้านเราขอต้อนรับทุกท่านในวันหน้า ในเมื่อทานเสร็จแล้ว เชิญทุกท่านกลับกันเถิดเ้าค่ะ พวกเรายังต้องเก็บร้าน”
“คุณหนูเวินซีเลี้ยงของปิ้งย่างพวกเราแล้ว พวกเราจะให้คุณหนูเวินซีทำงานได้เช่นไรกัน”
“ถูกต้อง พวกเราเก็บกวาดที่ตนเองทานเถิด คุณหนูเวินซี มิต้องกังวลขอรับ”
......
ทุกคนยืนขึ้นและเริ่มทำความสะอาดร้านที่ไม่เป็ระเบียบจนเรียบร้อย ไม่นานร้านก็กลับสู่สภาพเดิม
ผู้คนแยกย้ายกันไปช้าๆ เวินซีจูงเอ้อเอ้อร์ที่ทานอิ่มจนเดินไม่ไหว ส่วนจ้าวต้านก็อุ้มซันซาน ทั้งครอบครัวพากันเดินกลับไปที่ร้านเครื่องหอม
สืออีเดินตามหลังพวกเขาไปเงียบๆ ั้แ่ที่ตนเองทรยศ เขาก็มิกล้าปรากฏตัวต่อหน้าเวินซี จึงทำได้เพียงอยู่อย่างไร้ตัวตนเท่านั้น
เมื่อเห็นเขาเดินเพียงคนเดียวข้างหลัง ถันถั่นก็จงใจเดินช้าๆ เพื่อรอและเดินไปกับเขา