เอลการ์เด้นคือสถานที่จัดงานระดับไฮคลาสในเมืองจงไห่ มันถูกออกแบบสไตล์อิตาเลี่ยนโกธิค
สิ่งที่ทำให้ที่นี่แตกต่างจากที่อื่นคือต้นไม้พืชพันธุ์อันเขียวขจีบริเวณโดยรอบคล้ายสวนพฤกษาขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าจะไปถึงประตูทางเข้า
โดยปกติแล้วสถานที่แห่งนี้ต่างมีนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและนักการเมืองใช้เป็ที่พูดคุยหารือเื่สำคัญและเป็ความลับ
แต่วันนี้มีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าระวังตามสถานที่ต่างๆ มากกว่าปกติ แต่ละคนมีหน้าที่เคร่งขรึมบึ้งตึงกำลังมองรถของแขกที่มาในงานอย่างเ็า
รถAston Martin สีดำคันหนึ่งขับอย่างช้าๆเข้าไปในลานจอดรถมีรถหรูเรียงรายเต็มไปหมด
เสี่ยวจ้าวในเวลานี้สลัดคราบของบาร์เทนเดอร์มาพร้อมกับชุดสูทสุดเท่ ลงมาจากรถตรงเข้าไปเปิดประตูหลัง
รองเท้าส้นสูงคริสทัลโผล่ออกมาจากประตูรถหรู พร้อมด้วยชุดราตรียาวสีแดงดำค่อยๆปรากฏสู่สายตาแขกภายในงาน
คืนนี้หญิงสาวขี้เบื่อมาในสไตล์เ้าหญิงทรงเสน่ห์ที่สูงส่งเกินอาจเอื้อม
เฉียงเวยเป็แขกสำคัญในงานคืนนี้และยังเป็จักรพรรดินีโลกใต้ดินที่สำคัญของเขตตะวันตก แขกที่นี่ต่างรู้จักเธอไม่กี่ปีที่ผ่านมาแก๊งหนามแดงเติบโตขึ้นอย่างก้าวะโจนไม่ด้อยไปกว่าพันธมิตรตะวันตกเลย เฉียงเวยที่เป็ผู้นำของกลุ่มจึงถูกจับตามองเป็พิเศษ
ทันทีที่ปรากฏตัวความงามของเธอก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายไม่อาจละสายตาไปได้ไม่มีใครคาดคิดว่าสาวงามคนนี้จะเป็หนึ่งในหัวหน้ามาเฟียในโลกใต้ดิน
"พี่เฉียงเวยทำไมพี่หยางยังไม่มาอีกละครับ" เสี่ยวจ้าวดูนาฬิกาก่อนเอ่ยถาม
เฉียงเวยถอนหายใจเบาๆแล้วหันกลับไปกวักมือเรียก คนที่อยู่ในรถอีกคน
เฉินหรงที่สวมชุดเ้าหญิงสีขาวธรรมดาเดินออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีเสน่ห์มากมายเหมือนอย่างเฉียงเวยแต่ก็มีเอกลักษณ์ที่เป็ตัวแทนของความบริสุทธิ์เธอก้มหน้าเดินออกมาจากรถอย่างเอียงอาย
"หรงหรงเธอน่ารักจริงๆ อย่าตื่นเต้นไปเลย" เฉียงเวยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
เฉินหรงรวบรวมความกล้าเมื่อเธอเงยหน้ามองสายตาชื่นชมของคนรอบข้างที่มองมาแล้ว เธอก็สงบจิตใจได้บ้าง
"มานี่แล้วบอกเสี่ยวจ้าวทีซิว่าทำไมพี่ใหญ่ของเธอยังไม่มาอีก"เฉียงเวยกล่าว
เฉินหรงร้อง"อา"ก่อนกะพริบตา กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า "หรือเป็เพราะพี่หยางไม่้าให้มันเด่นเกินไป?"
เฉียงเวยพยักหน้าอย่างพอใจแล้วหันไปบอกกับเสี่ยวจ้าวว่า
"นายเห็นไหม?หรงหรงเด็กกว่านายตั้งเยอะ เธอยังเข้าใจเลยนายอยากให้ฉันโมโหหรือไง?"
เสี่ยวจ้าวยิ้มเจื่อนๆกล่าวว่า "แต่พี่หยางบอกว่าจะมาไม่ใช่เหรอครับทำไมตอนนี้ถึงยังไม่เห็นวี่แวว? "
"เขาบอกจะมาแสดงว่าเขาจะต้องมาอย่างแน่นอน เราเข้าไปกันก่อนเถอะ"
"เจ้ใหญ่ด้วยพวกเราสามคนรวมทั้งพี่หยางที่ยังมาไม่ถึงพวกเราจะอยู่รอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนจริงๆ เหรอครับ"เสี่ยวจ้าวถามขึ้นอย่างกังวล
"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดอย่าไปคิดมากนักเลย"
ได้ยินดังนั้นเสี่ยวจ้าวก็งุนงงหนักกว่าเก่าเข้าไม่เข้าใจความหมายในคำเ่าั้ จึงเดินเข้าไปถามเฉินหรงที่กำลังมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"หรงหรงที่พี่เฉียงพูด เธอหมายความว่ายังไงเหรอ?"
เฉินหรงแกล้งถอนหายใจเหมือนผู้ใหญ่
"พี่เสี่ยวจ้าวอะไรที่ควรรู้ พี่ก็จะรู้เอง ส่วนอะไรที่พี่ไม่รู้ ก็ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรหรอก..."เฉินหรงบอกกับเสี่ยวจ้าว จากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป
"ทำไมมีเจ้ใหญ่ตรงนี้อีกคน..."เสี่ยวจ้าวถอนหายใจอย่างขมขื่น
เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงกว้างขวางที่มีโคมไฟระย้าคริสทัลสดใสส่องสว่างจนเหมือนตอนกลางวันอากาศที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นเครื่องดื่มค็อกเทล และน้ำหอมคละคลุ้ง
ขนมหวานแสนอร่อยและผลไม้ถูกจัดวางอย่างสวยงามเป็ระเบียบที่ด้านข้างบริกรหนุ่มสาวต่างเดินเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอยู่รายล้อม
ที่นี่เป็งานเลี้ยงพบปะกันระหว่างมาเฟียตะวันตกและตะวันออกโดยคนของฝั่งตะวันตกมีมากกว่าเหล่าหัวหน้าของฝั่งตะวันตกต่างพูดคุยกับคู่ค้าทางธุรกิจถูกกฎหมายอย่างสนุกสนาน
เมื่อเฉียงเวยปรากฏตัวขึ้นเธอก็ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที ใบหน้าของแต่ละคนมีทั้ง ประหลาดใจ เกลียดชังตัณหาราคะ และอีกหลากหลายอารมณ์ แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปทักทาย
หลายคนได้ยินข่าวลือมาว่าเฉียงเวยถูกยิง แต่เมื่อเห็นท่าทางอันปกติของหญิงสาวแล้วพวกเขาก็ลืมข่าวลือนั้นไปในทันที
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีคนสงสัยว่าเฉียงเวยกล้าเข้ามาในงานเลี้ยงของพันธมิตรตะวันตกโดยไม่มีบอดี้การ์ดได้อย่างไรและซ้ำยังนำสาวสวยคนหนึ่งมาด้วย หลายคนต่างคิดไปในทางเดียวกันว่าเธอประมาทเกินไปหรือเปล่า?
ขณะนั้นเองชายในชุดบริกรก็เดินไปยังเฉียงเวยพร้อมกล่าวว่า
"ท่านหญิงสุดสวยขอรับเป็เกียรติอย่างยิ่งหากท่านจะรับแชมเปญสักแก้ว"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเฉียงเวยก็รู้ได้ทันที เพราะเป็หยางเฉินเองที่กำลังคือถาดแก้วแชมเปญอยู่!
เฉียงเวยหยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาพร้อมเผยรอยยิ้มอันพร่างพราว และพูดขึ้นว่า
"นี่มันเซอร์ไพรซ์ในตำนานนี่นา?ทำไมคุณถึงกลายมาเป็บริกรได้?"
"เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดและมันก็ไม่สะดวกสำหรับผมด้วยที่จะเข้ามาพร้อมกับพวกคุณดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นที่จะเข้ามาในนี้โดยไม่ต้องต่อสู้โชคดีที่ผมเจอเ้าของชุดนี้กำลังไปทิ้งขยะเข้าพอดี"
"พี่หยางพี่ดูสบายใจจังนะ พวกเราจะประสาทกินกันหมดแล้ว แต่พี่กลับมาที่นี่เหมือนมาเล่นๆ!"เสี่ยวจ้าวศรัทธาสลายไปในทันที
ทันใดนั้นเองหยางเฉินก็มองไปที่เสี่ยวจ้าวด้วยรอยยิ้มซุกซน
"เสี่ยวจ้าวถอดเสื้อออก!"
"อะไรนะครับ"เสี่ยวจ้าวเผยสีหน้า ไม่อยากจะเชื่อ
"ฉันอยากสลับเสื้อผ้ากับนาย"หยางเฉินกะพริบตาให้เสี่ยวจ้าว
เสี่ยวจ้าวไม่อาจต่อต้านหยางเฉินได้เพราะเฉียงเวยที่ยืนอยู่ด้านหลังส่งสัญญาณให้เขาสลับชุดเสียแล้ว
คล้ายกับไม่อาจหลบหนีชะตากรรมของบริกรไปได้เสี่ยวจ้าวแสดงสีหน้าไร้เดียงสา และเช็ดน้ำตาอย่างน่าสมเพช เขาตามหยางเฉินไปที่ลับตาคนทันที
"เสื้อพวกนี้เหมาะกับพี่เสี่ยวจ้าวที่สุด"เฉินหรงกล่าวอย่างซุกซน
หยางเฉินไม่คิดว่าเฉียงเวยจะนำเฉินหรงมาที่นี่ด้วยถ้าเธอรับความกดดันและความโหดร้ายในวันนี้ไม่ไหวหยางเฉินก็ไม่รู้จะไปเจอหน้าเฉินป๋อยังไง!
"เฉียงเวยลูกรักในที่สุดลูกก็มาจนได้"
เสียงหยิ่งยโสดังขึ้นเขาจำได้อย่างแม่นยำว่ามันคือเสียงของซีถูิซื่อ
ซีถูิซื่อสวมเสื้อโค้ตตัวยาวคล้ายสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ ด้วยท่าทางที่ดูสุขุม และเด็ดเดี่ยวตามมาด้วยบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา
ข้างๆซีถูิซื่อคือชายรูปร่างเตี้ยในชุดสูทสีดำ เขาดูสูงวัยกว่าซีถูิซื่อ หน้าตาไม่จัดว่าดี แต่ก็ไม่ถือว่าแย่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูเหมือนกับซอมบี้ที่เพิ่งคลานขึ้นมาจากหลุม
เห็นดังนั้นเฉียงเวยก็หุบยิ้มลงทันที
"ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อสองหรือสามปีก่อน ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณอีก"
ซีถูิซื่อไม่ได้โกรธกลับกันเขาพูดขึ้นอย่างอบอุ่นว่า
"พ่อจะทำอย่างนั้นได้ยังไงเืย่อมข้นกว่าน้ำ ถ้าเป็วันธรรมดามันอาจไม่เป็อะไรแต่ลูกพูดกับพ่อแบบนั้นต่อหน้า ผู้ใหญ่คนอื่นๆ มันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะลูก"
การทักทายของพ่อลูกทำให้งานเลี้ยงดูตื่นเต้นขึ้น แขกหลายคนต่างพากันฟังพวกเขาพูดคุยกัน
เฉียงเวยไม่ได้พูดอะไรเธอหันไปคุยกับชายร่างเตี้ยอย่างยิ้มแย้มว่า
"คุณเป็ผู้นำของตงซิ่งกรุ๊ปโจวกวางเหนียนงั้นหรือคะ?"
โจวกวางเหนียนโบกมืออย่างสุภาพคล้ายลุงในหนังเอวีญี่ปุ่น
"ผมรู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่งที่คุณเฉียงเวยจำผมได้ แต่ว่าผมไม่ได้เป็ผู้นำของตงซิ่งกรุ๊ปมานานหลายปีแล้วตอนนี้ผมเป็แค่ประธานบริษัทเท่านั้น ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ"
เ้าพ่อมาเฟียตะวันออกถ่ายทอดเจตนารมณ์ที่ชัดเจนอย่างมากมาก ว่าพวกแกกับข้ามันคนละระดับกัน!