ใต้ท้องนภายามราตรี รัศมีสว่างไสวส่องขึ้นสู่์โดยมีต้นกำเนิดจากยอดเขาิเฟิง
ภาพตรงหน้างดงามประดุจดอกไม้ไฟบานสะพรั่ง มวลพลังอัดแน่นเป็รากบ่มเพาะแห่งรัตติกาลพร้อมหยั่งรากลึกลงในฟ้าดินราวเถาวัลย์เซียน ตามกิ่งก้านมีหงส์เพลิงเกาะอยู่ ทั้งยังมีน้ำเต้าเจ็ดสีแขวนประดับอย่างสวยงาม
ฉากแสนตระการตานี้ใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เงาและแสงจะแตกสลายกระจายไปตามสายลม
ลัวเซวียน เยี่ยอวิ่น และจางเหว่ยยังคงวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่หนิงเทียนซึ่งตามหลังพวกเขาเพียงหนึ่งก้าวมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ อย่างชัดเจน เพราะพลังของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต
ครู่ต่อมา หนิงเทียนก็รีบวิ่งเข้าประตูมิติเช่นกัน ทันทีที่ผ่านเข้าไป เขาก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ภายในม่านโปร่งแสงเต็มไปด้วยความผันผวนอันทรงพลัง หนิงเทียนมองเห็นรากอสูรและรากพฤกษาอย่างละสองชิ้น ทั้งหมดล้วนมีพลังมหาศาล เนื่องจากมันคือรากบ่มเพาะระดับนิลกาฬขั้นสูง
ทันใดนั้นก็มีกระบี่ยาวแวววาวลอยขึ้นกลางอากาศ และผนึกหินโบราณก็ส่องระยิบระยับในความว่างเปล่า
“กระบี่ิญญา!” ดวงตาเยี่ยอวิ่นเปล่งประกาย เขามองกระบี่แล้วโห่ร้องอย่างตื่นเต้น
ลัวเซวียนจับจ้องผนึกหินก่อนจะโพล่งออกมา “สมบัติิญญา! เยี่ยมเหลือเกิน”
ส่วนจางเหว่ยก็มองต้นไม้ทั้งสี่ต้น เขากวาดสายตาไปมาระหว่างกระบี่ิญญาและสมบัติิญญา จากนั้นก็มองที่เสาหินทั้งสาม
หนิงเทียนหันมองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “ของข้า! ทั้งหมดนี้เป็ของข้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยอวิ่นก็แผดเสียงทันที “เ้าโง่! กระบี่ิญญาเป็ของข้า”
ลัวเซวียนรีบวิ่งไปยังผนึกหินโดยไม่เสียเวลาสนใจสิ่งอื่นใด
รอยยิ้มเ้าเล่ห์ฉายขึ้นในแววตาของจางเหว่ย แทนที่จะแย่งชิงกระบี่หรือสมบัติิญญากับเยี่ยอวิ่นและลัวเซวียน เขากลับมุ่งไปคว้ารากบ่มเพาะ
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างของหนิงเทียนสั่นไหวไม่รู้จบ ทั้งยังปลดปล่อยความคิดอันหนักแน่นและชี้ตรงไปยังเสาหิน
หนิงเทียนรู้สึกสับสน เขาสังเกตเสาหินสามต้นอย่างระมัดระวัง มันมีลักษณะเป็ทรงกระบอกสูงประมาณสามจั้ง เส้นผ่านศูนย์กลางหกจั้ง พื้นผิวภายนอกผุกร่อนอย่างยิ่ง ส่วนบนของเสาปล่อยลำแสงสีเขียวเข้ม สีม่วงอมดำ และสีฟ้าอ่อน ซึ่งยึดโยงกันจนกลายเป็ม่านโปร่งแสง
เสาต้นที่แผ่รังสีม่วงอมดำ มีลวดลายโบราณสลักไว้้า
เมื่อหนิงเทียนตั้งสมาธิและใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ ทันใดนั้นก็มีเงาบงกชสีมรกตปรากฏขึ้นในเส้นลมปราณแรก
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตสั่นระรัว การเปลี่ยนแปลงของบงกชสีมรกตในเส้นลมปราณดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลอมรวมเข้าด้วยกันและช่วยให้หนิงเทียนเห็นว่าด้านในเสาหินมีรอยประทับคล้ายดอกบัวนูนขึ้นมา
ความคิดลึกลับหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจจนเขาแทบจะควบคุมไม่ได้ สุดท้ายเขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้าแล้วตัดสินใจเตะเท้าซ้ายใส่เสาหิน เพราะเป็ข้างที่ได้รับการปลุกเส้นลมปราณและมีความลึกลับขั้นสุดยอด ทั้งยังกำลังรวบรวมพลังและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงภัยพิบัติก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ที่บงกชสีมรกตต่อต้านทัณฑ์์
นี่เป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือเป็เพียงเื่บังเอิญ?
ระหว่างที่หนิงเทียนกำลังสับสน เขาก็ส่งแรงเตะออกไปอย่างไม่ลังเล และเท้าของเขาก็กระแทกตรงกลางเสาหินเต็มกำลัง
พลังิญญาพุ่งออกมาจากฝ่าเท้าของหนิงเทียนราวกับรากบัวทิ่มแทงเสาหิน การเปลี่ยนแปลงของิญญาทั้งเก้าในบงกชสีมรกตกระตุ้นพลังอันแข็งแกร่งไร้ผู้เทียบเทียม จากนั้นก็ทะลุผ่านชั้นเสาหินที่ขวางกั้นแล้วตรงไปยังจุดที่ลึกที่สุด
มีพลังดั้งเดิมแฝงอยู่ภายในซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของิญญาในบงกชสีมรกต
ยุทธศาสตร์ครอง์สั่นะเืเมื่อััได้ถึงพลังดั้งเดิม อีกทั้งยังอยากกลืนกินพลังนั้นด้วย
ใน่เวลาสำคัญเช่นนี้ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ช่วยเหลือหนิงเทียนด้วยปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงของิญญาทั้งเก้าในเส้นลมปราณแรกทำการหลอมรวมจนเสร็จสิ้น
หลังจากนั้น พลังเหนือจินตนาการก็หลั่งไหลเข้าสู่เส้นลมปราณแรกทันที ทั้งยังขยายเส้นลมปราณและไขความลับสุดยอดของการเปลี่ยนแปลงของิญญาทั้งเก้าในบงกชสีมรกต ก่อนจะก่อเกิดเป็รอยประทับ
หนิงเทียนสับสนอย่างมาก เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลยสักนิด ในขณะที่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดค่อยๆ จารึกลงในจิตใจของเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้รู้ว่ามันคือตราประทับจิตหยั่งลึก
ตราประทับนี้ต่างจากรากจิติญญาที่ผู้บำเพ็ญทั่วไปต้องรวบรวมเพื่อผ่านเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกอย่างสิ้นเชิง
หากผู้ใด้าเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึก ผู้นั้นจำเป็ต้องรวบรวมรากจิติญญาในเส้นลมปราณ ซึ่งจะเป็ไปตามคุณลักษณะของรากบ่มเพาะที่พวกเขามีอยู่ในร่างกาย
การรวบรวมรากจิติญญามีอยู่หลายวิธี และการเปลี่ยนแปลงของรากจิติญญาโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็สามสิบหกกระบวนท่า เจ็ดสิบสองกระบวนท่า และหนึ่งร้อยแปดกระบวนท่า
ยิ่งกระบวนท่าเปลี่ยนแปลงมากเพียงใด คนทั่วไปก็ยิ่งห่างไกลจากความสำเร็จมากเท่านั้น
รอยประทับลึกลับในเส้นลมปราณแรกของหนิงเทียนเป็การเปลี่ยนแปลงเหนือจินตนาการ ทั้งยังอยู่นอกเหนือขอบเขตของรากจิติญญาไปไกลแล้ว ซึ่งกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเรียกสิ่งนี้ว่า “แผนที่จิติญญา”
มันพัฒนาจากความซับซ้อนไปสู่ความเรียบง่าย จากเก้ากระบวนท่ากลับคืนสู่หนึ่ง โดยระหว่างการพัฒนาจนถึงขีดสุดนั้นเสาหินก็แตกสลาย และพลังดั้งเดิมทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหนิงเทียน ทำให้พลังบำเพ็ญของเขาพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่งจนสามารถบรรลุขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าในคราวเดียว และเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกทันที
บงกชสีมรกตปรากฏอยู่ด้านหลังหนิงเทียนพร้อมหยั่งรากในความว่างเปล่า พร้อมกลืนกินกลิ่นอายแห่งฟ้าดินด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมถึงสิบหกเท่า
ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับการปลดปล่อยจิติญญาของถังจิ้นอวี่อย่างมาก ซึ่งเหล่าจื๋อซิวเรียกสิ่งนี้ว่า “เจตภูตรากบ่มเพาะ”
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว ผู้บำเพ็ญสามารถเรียกภาพมายาของรากบ่มเพาะออกมานอกร่างได้ และการทำเช่นนี้ยังนำมาซึ่งความสามารถของรากบ่มเพาะอีกด้วย
แม้พลังของหนิงเทียนจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนน่าเกรงขาม แต่สถานการณ์ของเขาก็แตกต่างจากผู้บำเพ็ญคนอื่น
การพังทลายของเสาหินก่อให้เกิดอาเพศต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็การสั่นะเืของยอดเขาิเฟิง หรือฝูงนก ฝูงสัตว์ รวมถึงแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนร้องระงมไปทั่ว ตลอดจนต้นไม้สูงใหญ่นับพันก็ช่วยกันประสานเสียงอึกทึกครึกโครม
เสาหินอีกสองต้นล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เมื่อความสมดุลของเสาทั้งสามพังลง การทับซ้อนของลำแสงจึงเหลือเพียงสองเส้น พลันรอยแตกร้าวก็เริ่มลามไปทั่วม่านโปร่งแสง
“เ้าเด็กบ้า! เ้าทำอะไรลงไป?”
จางเหว่ยและเยี่ยอวิ่นคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พวกเขาอยากสับหนิงเทียนเป็ชิ้นๆ เหลือเกิน ส่วนสีหน้าของลัวเซวียนก็ไม่ค่อยน่ามองนัก เขาใกล้จะได้ผนึกหินแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันจนความพยายามก่อนหน้านี้ต้องสูญเปล่า
ทางด้านหนิงเทียนที่กำลังเพลินเพลินไปกับความแตกต่างระหว่างขอบเขตจิตหยั่งลึกและขอบเขตรวบรวมก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงก่นด่า
“จะเรียกทำบ้าอะไร! ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังฝึกฝนอยู่?” หนิงเทียนเหลือบมองอย่างเ็า บงกชสีมรกตด้านหลังก็ปลดปล่อยพลังอำมหิตออกมาจนจางเหว่ยและเยี่ยอวิ่นต้องก้มหน้างุด ทั้งยังรู้สึกสั่นะเืไปถึงหัวใจ
สายตาของชายผู้นี้ช่างน่ากลัวเสียจริง เขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ลัวเซวียนไม่พอใจอย่างมากและกำลังจะเปิดปากพูด ทว่าพวกเขาสังเกตเห็นแสงสว่างที่เอ่อล้นออกมาจากรอยร้าวของเสาหินอีกสองต้นเสียก่อน
“นะ...นี่คือ?”
จางเหว่ย เยี่ยอวิ่น และหนิงเทียนหันมองเสาหินทั้งสองต้นโดยพร้อมเพรียง แต่พวกเขากลับเห็นสิ่งที่ต่างกันออกไป
จางเหว่ยและเยี่ยอวิ่นเห็นเพียงแสงที่ส่องสว่างออกมาจากภายในเสา ทว่าไม่สามารถมองเห็นแหล่งกำเนิดแสงได้
ส่วนหนิงเทียนก็จับจ้องเสาหินทั้งสองต้น โดยมีบงกชสีมรกตด้านหลังปล่อยคลื่นพลังลึกลับออกมาเพื่อช่วยให้มองเห็นสถานการณ์ภายในเสาหิน
ในเสาต้นแรกมีน้ำเต้าเจ็ดสีส่องแสงเรืองรอง และเสาต้นที่สองมีหงส์แกะสลักจากหยกแดง
หนิงเทียนประหลาดใจมาก สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือฉากแสนงดงามละลานตาบนท้องฟ้าก่อนหน้านี้ ฉากที่เถาวัลย์เซียนหยั่งรากลงในฟ้าดิน ทั้งยังก่อตัวเป็น้ำเต้าเจ็ดสีและหงส์เพลิง
“ของชั้นเลิศ! ทั้งหมดต้องเป็ของข้า”
หนิงเทียนตื่นเต้นอย่างยิ่ง ขณะที่เยี่ยอวิ่นซึ่งอยู่ไม่ไกลก็พุ่งเข้าเตะเสาหิน พวกเขาอยากทำลายมันให้สิ้นซาก แต่ก็ต้องถูกดีดจนกระเด็นออกมา
ทางด้านจางเหว่ยและลัวเซวียนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่เข้าโจมตีเสาหินและได้ผลลัพธ์ที่น่าพิศวง
เสาหินที่แตกร้าวราวกับพร้อมสูญสลายเมื่อัั ทว่าการโจมตีอย่างสุดกำลังของยอดฝีมือขอบเขตจิตหยั่งลึกทั้งสามกลับล้มเหลวจนพวกเขายังต้องใ
“ประหลาดยิ่งนัก!” หนิงเทียนมองไปรอบๆ ด้วยสายตาชั่วร้ายแล้วเล็งไปยังกระบี่ิญญา ไม่แน่ว่าสิ่งนี้อาจทำลายเสาหินได้
ลัวเซวียน เยี่ยอวิ่น และจางเหว่ยก็ไม่ได้ขลาดเขลา ทั้งสามคนล้วนนึกถึงกระบี่และสมบัติิญญาเช่นกัน พวกเขาหันหลังกลับแล้วรีบพุ่งเข้าหากระบี่และผนึกหินทันที
หนิงเทียนช้าไปหนึ่งก้าวจึงได้แต่ทำหน้าตาบึ้งตึง ก่อนที่บงกชสีมรกตจะปล่อยพลังลึกลับออกมา พร้อมมุ่งไปยังรากบ่มเพาะทั้งสองชิ้น
ทันใดนั้นหัวใจของหนิงเทียนก็สั่นไหว เขาอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว เช่นนี้ก็สามารถยึดครองรากบ่มเพาะระดับนิลกาฬขั้นสูงได้แล้วใช่หรือไม่?
เพียงนึกถึงมูลค่าเป็หินิญญาหนึ่งแสนก้อน หัวใจของเขาก็เต้นระรัว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง บงกชสีมรกตด้านหลังค่อยๆ ลอยออกไปก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นในห้วงอากาศ พลังิญญาจากใบและเกสรดอกบัวเกี่ยวพันกันเป็ตาข่ายิญญา และเข้าปกคลุมรากบ่มเพาะทั้งสองทันที
รากบ่มเพาะทั้งสองชิ้นส่องแสงสว่างขึ้นพร้อมกันเมื่อััได้ถึงวิกฤต เผยให้เห็นดอกไม้และต้นหญ้าที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ
ดอกไม้บานสะพรั่งเริงระบำอยู่บนท้องนภา และมวลอากาศโดยรอบก็บิดเบี้ยวจนน่าสะพรึงกลัว
ใบสีเขียวของต้นหญ้าพลิ้วไสว ก่อนจะเปลี่ยนเป็แสงกระบี่สลายห้วงอากาศ ทั้งยังพยายามทำลายตาข่ายิญญาให้ขาดวิ่น
หนิงเทียนดวงตาลุกเป็ไฟและแผดเสียงคำรามลั่น “หากผู้ใดคิดต่อต้านต้องถูกปราบให้สิ้น!”
การเปลี่ยนแปลงทั้งเก้าของบงกชสีมรกตเต็มไปด้วยปริศนาลี้ลับ แม้หนิงเทียนจะอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก แต่เมื่อทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ผสานกับแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรก พลังของเขาจึงสุดจะหยั่งถึง
การตอบโต้ของรากบ่มเพาะทั้งสองนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของยอดฝีมือขอบเขตจิตหยั่งลึก แต่ตาข่ายิญญาของบงกชสีมรกตก็สามารถยับยั้งการโจมตีทั้งหมดไว้ได้
รากบ่มเพาะทั้งสองดิ้นไปมาอย่างสิ้นหวัง การรุกรานของยุทธศาสตร์ครอง์ทำให้พวกมันสั่นสะท้าน
หนิงเทียนชนะศึกแรกและยึดรากบ่มเพาะชั้นเลิศได้ทั้งสองชิ้น เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง ทว่าการเคลื่อนไหวของเขาก็ได้ทำลายสมดุลแห่งฟ้าดินอีกครา
กระบี่ิญญาและผนึกหินที่ลอยกลางอากาศหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเนื่องจากตรวจพบการรุกรานอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็เหตุให้ม่านโปร่งแสงแตกสลาย และรากอสูรอีกสองชิ้นก็หายไปท่ามกลางความมืดแห่งราตรีกาล
ลัวเซวียนคว้าผนึกหิน ส่วนเยี่ยอวิ่นคว้ากระบี่ิญญา มีแต่จางเหว่ยที่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า เขาจึงคำรามด้วยความโมโห “บ้าเอ๊ย!”
ลัวเซวียนและเยี่ยอวิ่นออกตัวพร้อมกัน กระบี่ิญญาและผนึกหินของพวกเขาโจมตีเสาหินทั้งสองต้นตามลำดับ เสียงพังทลายดังก้องพร้อมเสาหินที่แตกสลาย
น้ำเต้าเจ็ดสีลอยขึ้นสูง หงส์หยกแดงบินพาดผ่านน่านฟ้า และสามารถดึงดูดความสนใจของคนทั้งสี่ได้ทันที
“หลีกไป!” เยี่ยอวิ่นสะบัดกระบี่ิญญา เมื่อใบกระบี่แหลมคมตัดห้วงอากาศก็เกิดความรู้สึกเย็นวาบทั่วร่าง ทั้งยังหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
กระบี่ิญญานี้มีอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก มันสามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตจิตหยั่งลึกได้อย่างง่ายดาย
ลัวเซวียนเร่งเร้าผนึกหินปล่อยพลังแห่งพายุเพื่อเบี่ยงเบนพลังกระบี่ิญญาของเยี่ยอวิ่น จากนั้นก็เอื้อมมือคว้าหงส์หยกแดง
ทางด้านจางเหว่ยก็กระโจนเข้าหาน้ำเต้าเจ็ดสี เงาภาพูเาน้ำแข็งปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็แขนน้ำแข็งและยื่นออกไปคว้าน้ำเต้า
“คิดจะแย่งสมบัติของข้าหรือ? หลีกไป!” หนิงเทียนยกแขนโบกใบมีดราวสายรุ้ง บงกชสีมรกตนอกร่างแกว่งไกว ตราประทับทางจิติญญาท่ามกลางเกสรก็แปรปรวนจนไม่อาจคาดเดา
น้ำเต้าเจ็ดสีหลบหลีกแขนน้ำแข็งของจางเหว่ยอย่างว่องไว แต่ขณะที่กำลังจะลอยหนีไปก็เกิดคลื่นผันผวนแสนประหลาดขึ้นอย่างกะทันหัน
ทันทีที่จางเหว่ยสะบัดหลังมือ อากาศเย็นก็รวมตัวกันและพุ่งใส่หน้าอกของหนิงเทียน “ไปลงนรกเสียเถิด! ข้าอยากฆ่าเ้ามานานแล้ว!”
จางเหว่ยอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง และชีพจรหยวนในร่างของเขาก็ควบแน่นเป็รากสองหยวนแล้ว ความเร็วในการดูดกลืนพลังิญญาของเขาจึงเร็วกว่าขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าถึงยี่สิบเท่า พละกำลังของเขาเหนือกว่าถังจิ้นอวี่มาก
ทว่าหนิงเทียนหากลัวไม่ เขาปล่อยใบมีดแยกอากาศทำลายน้ำแข็งบนฝ่ามือของจางเหว่ยลงในพริบตา จนอีกฝ่ายต้องถอยกลับไปเจ็ดก้าวด้วยความใ
“บ้าเอ๊ย!”
จางเหว่ยคำราม ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายเป็เื่ยากที่จะยอมรับ
“กระบี่น้ำแข็งหักกระดูก!”
จางเหว่ยใช้วิชาต่อสู้ของสำนักหานเทียน เขาใช้มือเป็ดั่งกระบี่แล้วควบแน่นรัศมีน้ำแข็งบนขอบฝ่ามือ พลันกระบี่น้ำแข็งที่ลอยท่ามกลางพายุก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหนิงเทียน
“ทะยานหลงเงาตัดผกา!”
พลังของหนิงเทียนแทบกลืนภูผากินมหาสมุทร ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์เดือดพล่าน เส้นลมปราณแรกปล่อยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ก่อนจะพัฒนาเป็กระบี่ทำลายล้างเข้าจู่โจมกระบี่น้ำแข็งของจางเหว่ยเสียงดังก้อง
“ไม่!” ดวงตาของจางเหว่ยเผยความหวาดกลัว คมกระบี่ราวูเากำลังเข้ามาใกล้ เขาพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้
“อ๊าก!” เสียงโหยหวนแสดงถึงการต่อสู้ที่สิ้นสุด แขนของจางเหว่ยหักลงพร้อมกับร่างที่ลอยร่วงจากูเา
“เอามานี่” หนิงเทียนกล่าวพลางเอื้อมมือคว้าถุงมิติจากเอวของจางเหว่ย
ในเวลานี้ น้ำเต้าเจ็ดสีกลางอากาศปลดปล่อยพลังประหลาดออกมา ซึ่งมีปฏิกิริยาพิเศษกับบงกชสีมรกตด้านหลังของหนิงเทียน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้