เหนียนอีหลานมองเหนียนยวี่อย่างกังวล ตัวนางยอมรับความผิดพลาด ร้องขอความเมตตาถึงเพียงนี้แล้ว เหนียนยวี่จะยอมเพิกเฉยเื่บาดหมางครั้งเก่าก่อนหรือไม่?
เหนียนยวี่เงียบไปนาน ทว่าสายตากลับแปรเปลี่ยนอย่างชัดเจน
“ให้อภัยสิ แน่นอนว่าต้องให้อภัย พวกเราเป็พี่น้องที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ยวี่เอ๋อร์จดจำทุกเื่ราวที่ท่านพี่ปฏิบัติต่อยวี่เอ๋อร์ได้ั้แ่แรกเริ่มจนท้ายสุด มิกล้าลืมความดีของท่านพี่อย่างแน่นอน” เหนียนยวี่ยื่นมือออกไปลูบแก้มของเหนียนอีหลาน ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ดวงหน้าเล็กอันงดงามซีดเซียวขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
เหนียนอีหลาน... นางในชาติก่อนมีหนานกงเยวี่ยและตระกูลหนานกงคอยปกป้องเฝ้าระวัง นางไหนเลยจะเคยได้รับความทุกข์เข็ญเช่นนี้
ทว่าชาตินี้...
ข้าเคยกล่าวคำสาบานว่า ชาตินี้ข้าจะล้างแค้นพวกเขาให้ถึงที่สุด ไม่เพียงแต่เหนียนอีหลาน...ทว่ายังรวมถึงตระกูลหนานกงที่อยู่เื้ันางด้วย เลิกคิดจะหนีได้เลย!
ครั้นได้ยินถ้อยคำของเหนียนยวี่ในท้ายที่สุด รอยยิ้มบนใบหน้าของเหนียนอีหลานพลันบานสะพรั่งทันใด “ดียิ่ง น้องจำได้ก็ดี พี่ผิดไปแล้ว พี่เองก็ได้รับการสั่งสอนแล้ว หลังจากนี้จะไม่ฟังคำยั่วยุของผู้อื่นอีก ทำเป็ว่าไม่เคยมีเื่อันใดเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา น้องว่าดีหรือไม่?”
ทำเป็ว่าไม่เคยมีเื่อันใดเกิดขึ้นหรือ?
เหนียนอีหลาน นางทำได้หรือ?
ในใจของเหนียนยวี่รู้สึกขำขันเบาบาง นางรังเกียจเหนียนอีหลานที่ยังคิดจะรักษาความสงบนิ่งบนเปลือกนอกนั้น ทว่าในเมื่อเป็เช่นนี้ จะเป็เช่นไรหากข้าจะแสดงงิ้วเป็เพื่อนนางต่อไป?
“ดียิ่ง ยวี่เอ๋อร์ฟังท่านพี่” เหนียนยวี่กล่าวอย่างอ่อนโยน ท่าทีไร้พิษภัย ทำให้เหนียนอีหลานงุนงงเล็กน้อย
นางเห็นด้วยจริงหรือที่จะทำเป็ว่าไม่เคยเกิดเื่อันใดขึ้น?
เื่สวนร้อยสัตว์ นางจะไม่กล่าวโทษข้าจริงหรือ?
เหนียนอีหลานมองเหนียนยวี่ราวกับ้าจะจ้องมองบางอย่างให้ชัดเจน ทว่าความสงบนิ่งบนใบหน้า และความจริงใจในดวงตา ทำให้มองไม่ออกถึงการหลอกลวงแม้แต่น้อย
และใบหน้านั้น... ่เวลาสองสามวันที่ไม่ได้เจอ การปรากฏตัวของเหนียนยวี่ก็ยิ่งทำให้ผู้คนประทับใจมากขึ้น!
การค้นพบนี้ทำให้ในใจของเหนียนอีหลานมีหินก้อนใหญ่อุดขวาง นางสามารถจินตนาการถึงความจนตรอกในยามนี้ของตนเองได้เลย ทว่าเหนียนยวี่...กลับสง่างามสุดจะคณาถึงเพียงนี้!
ไม่ควรเป็เช่นนี้ นางกับเหนียนยวี่ควรจะสลับตำแหน่งกัน จึงจะถูกต้อง!
ในใจของเหนียนอีหลานรู้สึกโกรธแค้น รู้สึกไม่เต็มใจ ทว่าในยามนี้ นางรู้ดีที่สุดว่า ตนเองมิอาจเผยสิ่งใดต่อหน้าเหนียนยวี่ได้แม้แต่น้อย
“เป็เื่ดีเสียจริงที่น้องสามารถอภัยให้พี่ได้ พี่ผิดไปแล้ว... พี่รู้สึกผิดจริงๆ ยวี่เอ๋อร์... พี่ไม่ควร พี่ไม่ควรจริงๆ น้องเป็น้องสาวของพี่ พี่ทำเช่นนี้กับน้องได้อย่างไร?” เหนียนอีหลานกล่าว น้ำตาหยดแรกไหลรินอาบทั่วใบหน้า ตามด้วยหยดที่สอง หยดที่สาม...
ท่าทีเช่นนั้นดูเหมือนจะยอมสำนึกผิดและเสียใจจริงๆ “ยังดีที่น้องไม่ได้เป็อะไร น้องปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายก็ดียิ่งกว่าสิ่งใด มิเช่นนั้น ถึงแม้นพี่ต้องตายก็คงมิอาจชดใช้บาปของตนเองได้”
เหนียนยวี่มอง พลางลอบทอดถอนหายใจในฝีมือการแสดงของพี่สาวผู้นี้
“ท่านพี่ ท่านอย่าโทษตัวเองเลย ยวี่เอ๋อร์...ยวี่เอ๋อร์ มิกล่าวโทษท่านพี่จริง” เหนียนยวี่้าจะประคองเหนียนอีหลานให้ลุกขึ้น ทว่าทันทีที่นางเคลื่อนไหว เสียงของเจินกูกูด้านข้าง พลันดังขึ้นอย่างเ็า...
“คุณหนูยวี่ ท่านวางใจเถิด คุณหนูใหญ่เหนียนอยู่ที่นี่มีหมอหลวงคอยรักษาอาการาเ็ ในเมื่อคุณหนูได้เจอกับคุณหนูใหญ่เหนียนเรียบร้อยแล้วก็กลับเถิด มิเช่นนั้นบ่าวคงยากจะรายงาน”
ความหมายของถ้อยคำนี้คือ เหนียนยวี่ทำได้เพียง ‘เฝ้ามอง’ เหนียนอีหลานเท่านั้น
มือของเหนียนยวี่พลันชะงักค้างไปเล็กน้อย เหนียนอีหลานตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงรีบคว้ามือของเหนียนยวี่ทันใด น้ำตารื้นขอบตา สีหน้าร้อนรนยิ่งกว่าเดิม “ยวี่เอ๋อร์ น้องช่วยพี่ด้วย ที่นี่...พี่ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ พี่กลัว...”
นางกลัวว่าฮองเฮาอวี่เหวินจะทำอะไรกับนาง ทว่าเพราะอยู่ต่อหน้าเจินกูกู นางจึงไม่กล้ากล่าวชัดเกินไปนัก
เหนียนยวี่เห็นความกลัวในดวงตาของเหนียนอีหลาน ความหวาดกลัวนั้นประจักษ์ชัดอย่างแท้จริง เหนียนอีหลานหวาดกลัวจริงๆ!
ก็ย่อมถูกต้อง นางย่อมหวาดกลัวสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็ธรรมดา!
แต่ช่วยนางงั้นหรือ?
วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อช่วยนาง!
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว “ท่านพี่ ยวี่เอ๋อร์เป็แค่บุตรีอนุตัวกระจ้อย ไม่มีทางจริงๆ...”
“ไม่ เ้าไม่ใช่ เ้าเป็น้องสาวของพี่ น้องช่วยพี่ได้ น้องไปบอกท่านแม่ให้ท่านแม่คิดหาหนทาง ท่านแม่จะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน” เหนียนอีหลานมองเหนียนยวี่อย่างเร่งรีบ ขอเพียงแค่เหนียนยวี่สามารถนำถ้อยคำนี้ฝากไปให้ก็เพียงพอแล้ว
“หึ คุณหนูใหญ่สกุลเหนียน หรือท่านคิดว่าฮองเฮาทรงดูแลท่านไม่ดี?” เจินกูกูคำรามในลำคออย่างเ็า
ร่างกายของเหนียนอีหลานสั่นสะท้าน มิอาจซ่อนความตื่นตระหนก “ไม่ ฮองเฮาทรงประทานหมอหลวงมารักษาาแของอีหลาน นี่ช่างเป็พระคุณและเป็พระเมตตาอย่างใหญ่หลวง อีหลานไม่กล้า อีหลาน...”
“พอแล้ว คุณหนูยวี่ ท่านควรไปได้แล้ว” เจินกูกูตัดบทเหนียนอีหลานด้วยน้ำเสียงไม่ดี
“อืม” เหนียนยวี่อยากจะดึงมือออกมา ทว่าเหนียนอีหลานยังคงจับแน่นพร้อมกับจ้องมองนาง ไม่อยากให้นางจากไป หากเหนียนยวี่กลับไปก็จะเหลือแค่นางคนเดียวในกระโจมแห่งนี้อีกครั้ง ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับร่างไร้ิญญาของฟางเหอ เผชิญหน้ากับความหวาดกลัวของสัตว์ป่าที่สามารถปรากฏตัวด้านนอกกระโจมได้ทุกเมื่อ
“ท่านพี่ ท่านพักให้สบายเถิด ยวี่เอ๋อร์... พระนางทรงมีเมตตา จะต้องดูแลท่านพี่อย่างดีแน่” เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ใช้แรงทั้งหมดดึงมือที่ถูกเหนียนอีหลานจับออกมาอย่างรวดเร็ว ครั้นไร้ซึ่งแรงประคองจากมือของเหนียนยวี่ เหนียนอีหลานพลันทรุดล้มลงบนพื้นไปทั้งตัว
่เวลาที่เหนียนยวี่หันหลังกลับไป นางเห็นความหวาดกลัวและสิ้นหวังในดวงตาของเหนียนอีหลานอย่างแจ่มชัด
มุมปากของเหนียนยวี่ยกยิ้มเบาบาง ไม่สนใจเสียงเรียกของเหนียนอีหลานที่ดังมาตามหลัง เหนียนยวี่เดินอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะนางรู้ว่า ไม่ว่าเหนียนอีหลานจะเชื่อว่าตนเองให้อภัยนางจริงหรือไม่ สำหรับเหนียนอีหลานในยามนี้ ตัวนางคือคนเดียวที่ปลอบประโลมจิตใจของเหนียนอีหลานได้ และการเฝ้ามองนางเดินห่างไปไกลกับตาตัวเอง สำหรับเหนียนอีหลานแล้ว ความทุกข์ทรมานในใจก็มิได้ทุกข์น้อยไปกว่าาแบนร่างกาย
ภาพเหตุการณ์ในชาติก่อนพลันผุดเข้ามาในหัวของเหนียนยวี่ ภาพยามที่เหนียนอีหลานสั่งให้พาตัวนางไปโยนทิ้งไว้ท่ามกลางเหล่าสัตว์ร้ายในตำหนักชีอู๋ ภาพของสัตว์ร้ายเ่าั้อ้าปากกว้างที่เปื้อนไปด้วยเืใส่นาง...
ั์ตาของเหนียนยวี่พลันดำมืดยิ่งกว่าเดิม
“เจินกูกู ในสวนร้อยสัตว์ร้อยแห่งนี้ไม่มีหนอนั์ใช่หรือไม่? พี่สาวของข้าจะ...” น้ำเสียงของเหนียนยวี่มิอาจปกปิดความกังวลได้ เสียงนั้นไม่ดังมาก ทว่าด้วยระยะห่างนี้ ทำให้เหนียนอีหลานด้านหลังยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
อย่างที่คิด ครั้นได้ยินคำว่า ‘หนอนั์’ สองคำนี้ เสียงร้องเรียกชื่อนางพลันหยุดชะงักไปเล็กน้อย...
“คุณหนูยวี่ บ่าวผู้นี้เองก็ไม่แน่ใจนัก เพราะอย่างไรสวนร้อยสัตว์นี้เดิมทีเป็สถานที่กักขังเหล่าแมลงและหนอนั์พวกนั้น ยามที่ไทเฮาเซี่ยวหนิงยังทรงมีพระชนม์ ที่นี่มีสัตว์ป่ามากมายยิ่ง ต่อมาแม้จะถูกชะล้างแล้ว ทว่ายากจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีปลาเล็ดลอดตาข่าย แอบซ่อนตัวอยู่ในสวนร้อยสัตว์แห่งนี้ อีกอย่าง ด้านหลังของสวนร้อยสัตว์ยังติดกับเขาจิ่งชาน เขาจิ่งชานยังเป็พื้นที่ล่าสัตว์ของคนในราชวงศ์ สัตว์ป่าตรงนั้นดุร้ายอย่างยิ่ง เมื่อได้กลิ่นอายมนุษย์ที่ชื่นชอบที่สุดก็จะตามเข้ามา” เจินกูกูหัวเราะขำขันเบิกบาน นางผู้มากประสบการณ์ชีวิต ย่อมเข้าใจความหมายของเหนียนยวี่อย่างแน่นอน
เมื่อครู่นี้ เหนียนยวี่ทำตัวใจดีกับเหนียนอีหลานเช่นนั้น นางจึงคิดว่า เพราะถ้อยคำสำนึกผิดไม่กี่ประโยคของเหนียนอีหลาน คุณหนูยวี่ก็ให้อภัยเหนียนอีหลานแล้วจริงๆ ทว่ายามนี้เหนียนยวี่หันหลังกลับเมื่อครู่นี้ นางสังเกตเห็นความรังเกียจและความขุ่นเคืองในสายตาของเหนียนยวี่อย่างชัดเจน จึงได้เข้าใจว่า เหนียนอีหลานผู้นั้นแสร้งทำเป็เสียใจ แสร้งทำเป็ใจดี เหนียนยวี่ผู้นี้จึงตอบโต้ด้วยวิธีการของนาง!
เหนียนอีหลาน นางเสแสร้งเล่นละคร เหนียนยวี่จึงเล่นเป็เพื่อน!
หึ เหนียนยวี่ช่างเป็คนที่มีความคิดว่องไว ฉลาดเฉลียวอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
“จริงหรือ?” มุมปากของเหนียนยวี่ค่อยๆ ผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง นางแทบจะจินตนาการได้เลยว่า ในใจของเหนียนอีหลานที่อยู่ด้านหลังจะหวาดกลัวเช่นไร