เมื่อตัวอักษรเหล่านี้ปรากฏขึ้น ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นจึงเงียบเสียงลงทันที ทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงหล่นทั่วพื้นดินอย่างชัดเจน
ศิษย์ฝ่ายในผู้นั้นขยี้ตาอย่างรุนแรง สายตาที่กำลังมองหยวนจุนพร่ามัวเหมือนดั่งมีชั้นหมอกมาบดบัง เขาแสดงสีหน้าหวาดกลัว เืลมพุ่งขึ้นไปยังศีรษะจนทำให้รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึงอยู่ใกล้แท่นหินทันที แม้แต่หานโหรวก็ยังจ้องไปที่กลุ่มปราณที่กำลังจะหายไปในอากาศตาไม่กะพริบ ทั้งที่รู้ว่าหยวนจุนมีพลังเหนือกว่าผู้อื่นก็ยังต้องอุทานออกมา
“พระเ้า! เ้านั่นสามารถบรรลุเส้นปราณได้มากถึงหนึ่งพันห้าร้อยเส้น! ผู้ที่สามารถทำได้ถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะมีแต่จักรพรรดิที่ปกครองดินแดนทั้งเก้าคนปัจจุบันเท่านั้น!”
“ข้ารู้สึกถึงปราณดาราของเขาได้อย่างชัดเจน แต่เหตุใดเขาถึงไม่มีระดับล่ะ? ไม่แน่ว่าแท่นวัดระดับคงชำรุดแล้วแน่ๆ!”
สายตาของผู้คนมากมายในโรงเรียนยุทธ์ต่างจ้องมองมาที่เขา แม้หยวนจุนจะสามารถบรรลุเส้นปราณได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อยเส้น แต่เขานั้นไม่มีระดับพลังยุทธ์ เช่นนั้นคงไม่สามารถทำให้พวกเขาเชื่อถือได้
เมื่อหยวนจุนได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ เขาจึงเม้มปากแล้วลุกขึ้นยืน แม้ร่างกายของเขาจะไม่มีเส้นปราณ แต่การฝึกฝนอักษรลับเก้าตะวัน และการใช้ร่างสร้างเส้นปราณก็ทำให้ทั่วทุกชุ่นบนร่างกายของเขาสามารถดูดซับปราณดาราได้!
แต่เส้นปราณหนึ่งพันห้าร้อยเส้นที่ว่านั้นได้รับมาจากร่างกาย จึงทำให้มีข้อจำกัดเื่กระแสปราณ ดังนั้นขณะที่ร่างกายรับพลังปราณจะไม่สามารถแสดงพลังสูงสุดได้ชั่วขณะหนึ่ง
หยวนจุนเดาว่าการที่แผ่นทองเหลืองจับระดับการบ่มเพาะพลังยุทธ์ของเขาไม่ได้ น่าจะเกี่ยวข้องกับแท่นวัดระดับ เพราะแท่นจะจับพลังปราณดาราที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นปราณจริงเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่สามารถตรวจจับระดับของหยวนจุนได้
เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าวิธีของแท่นหินวัดระดับนั้นไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร
“เ้า...เ้ารอก่อน แท่นวัดระดับชำรุดแล้ว!”
ศิษย์ฝ่ายในของโรงเรียนลุกพรวดจากที่นั่งที่อยู่ข้างแท่นหินวัดระดับแล้วกลายเป็ลำแสงพุ่งออกไป จากนั้นเขาก็พาสตรีแปลกหน้าผู้หนึ่งที่มีริมฝีปากแดงอวบอิ่มกลับมาและกล่าวว่า “ศิษย์พี่สวี่ เ้าเด็กนั่นมีผลการวัดระดับการบรรลุเส้นปราณเป็หนึ่งพันห้าร้อยเส้น ข้าว่าแท่นหินวัดระดับน่าจะมีปัญหาแล้ว!”
“หนึ่งพันห้าร้อยเส้น?” สตรีงามผู้นั้นเหลือบมองหยวนจุนด้วยความประหลาดใจ นางััปราณดาราของเขาไม่ได้แม้แต่น้อย ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
“ต้องเข้าสู่ระดับตะวันถึงจะปกปิดกระแสปราณได้อย่างสมบูรณ์ แต่เ้าเด็กนั่นเพิ่งจะอายุสิบหกสิบเจ็ด จะไม่สามารถััคลื่นพลังจากร่างกายได้อย่างไร?”
จากนั้นสตรีผู้นี้จึงถามเสียงนิ่งว่า “พลังยุทธ์ของเขาอยู่ระดับใด”
ศิษย์ฝ่ายในที่นั่งอยู่ข้างๆ แท่นวัดระดับรีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วว่า “เรียนศิษย์พี่สวี่ ไม่มีระดับพลังยุทธ์”
“บรรลุเส้นปราณได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อยเส้นแต่ไม่มีระดับพลังยุทธ์ เ้าคิดว่าเป็ไปได้หรือไม่? ข้ามีอีกหลายเื่ที่ต้องจัดการ หากพบเื่แบบนี้อีกก็ตัดสินใจเองได้เลย”
สตรีที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่สวี่เหลือบมองหยวนจุนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินจากไป
“ไม่ผ่านการวัดระดับของโรงเรียนยุทธ์จูเสีย เ้ากลับไปเสียเถอะ!” ศิษย์ฝ่ายในของโรงเรียนกล่าวกับหยวนจุนด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างแท่นหินเช่นเดิม
เมื่อหานโหรวได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก นางจึงะโกลับไปว่า “นี่ เมื่อครู่นี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่าการบ่มเพาะพลังยุทธ์ของเขาถึงวงแหวนเล็กขั้นหกแล้ว ทั้งยังบรรลุเส้นปราณได้เป็จำนวนมากอีกด้วย อย่างน้อยเขาควรได้เป็ศิษย์ฝ่ายนอกมิใช่หรือ?”
“ศิษย์ของโรงเรียนยุทธ์จูเสียต้องมีความสามารถเพียบพร้อม การบ่มเพาะพลังยุทธ์กับการบรรลุเส้นปราณจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปมิได้!”
เมื่อฝ่ามือของหยวนจุนััได้ถึงความร้อน เขาจึงหยิบป้ายหยกขึ้นมาสะบัดเบาๆ ก่อนจะกลายเป็ตัวอักษรง่ายๆ ว่า ‘ไม่ผ่าน’
ทันใดนั้นเสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้น หยวนจุนจึงโยนป้ายหยกไปทางด้านหลังแล้วเดินจากไปทันที
“หยวนจุน รอข้าด้วย!”
หานโหรวรีบตามหยวนจุนออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจสายตาของศิษย์ฝ่ายในที่กำลังมองมา
“เ้าโกรธหรือ?”
หยวนจุนหยุดเดิน จากนั้นจึงหันกลับไปกล่าวเบาๆ ว่า “เหตุใดต้องโกรธด้วย?”
เมื่อเห็นหยวนจุนยังคงแสดงท่าทีเฉยเมย หานโหรวจึงได้แต่ขบฟัน ก่อนจะแสดงอาการอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรออกมา
“เพราะตามเ้าออกมา ข้าจึงเสียโอกาสในการเข้าร่วมโรงเรียนจูเสีย เ้าต้องรับผิดชอบข้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เย่อหยิ่งและไร้เหตุผลเช่นนี้ หยวนจุนจึงมองนางด้วยหางตาทันที เขากล่าวว่า “การที่เ้ายินดีที่จะเข้าร่วมโรงเรียนยุทธ์ นั่นถือเป็เื่ของเ้า และการที่เ้าตามข้าออกมา นั่นก็เป็เื่ที่เ้าตัดสินใจเอง เช่นนั้นข้าต้องรับผิดชอบสิ่งใดหรือ?”
“ต้องรับผิดชอบสิ จะให้ข้าอยู่เฉยๆ แล้วไม่สนใจเ้ามิได้หรอกนะ!”
หยวนจุนที่ไม่อยากเถียงกับนางจึงกล่าวออกไปว่า “พอแล้ว แม่นางหาน อยากทำสิ่งใดก็ตามใจเ้าเถอะ เลิกตามข้าได้แล้ว!”
“เ้าไม่อยากเข้าโรงเรียนยุทธ์เสวียนจีแล้วหรือ? เรากลับไปตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ!” เมื่อเห็นหยวนจุนเดินออกไปหลายเมตรแล้ว หานโหรวจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“การคัดเลือกของโรงเรียนยุทธ์ทั้งสี่แห่งใหญ่มิใช่วันเดียวกันหรอกหรือ?” หยวนจุนหยุดเดิน เขากล่าวเสียงนิ่งด้วยสายตาเป็ประกาย
เมื่อหานโหรวเดินตามทัน นางจึงกล่าวเสียงเบาออกมาว่า “นอกจากโรงเรียนยุทธ์จูเสียแล้ว ยังมีโรงเรียนยุทธ์อีกสามแห่ง ซึ่งการคัดเลือกแต่ละแห่งจะห่างกันหนึ่งวัน พวกนักยุทธ์ที่เ้าเห็นวันนี้ก็มิใช่ทั้งหมดที่จะสามารถเข้าโรงเรียนยุทธ์จูเสียได้”
“นักยุทธ์จำนวนไม่น้อยมีการเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว หากวันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ยังสามารถไปคัดเลือกที่โรงเรียนยุทธ์อีกสามแห่งได้ ซึ่งโรงเรียนยุทธ์ฮั่นซิงและโรงเรียนยุทธ์ลั่วเหอมักจะเป็ทางเลือกที่สองของพวกเขา”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หานโหรวจึงเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับหยวนจุนแล้วกล่าวว่า “โรงเรียนยุทธ์แต่ละแห่งมีวิธีการวัดระดับเป็ของตนเอง บางทีโรงเรียนยุทธ์เสวียนจีอาจเหมาะกับเ้ามากกว่า”
หยวนจุนพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณแม่นางหาน โรงเรียนเสวียนจีจะใช้วิธีที่แตกต่างจากโรงเรียนจูเสียอย่างไรนั้น ข้าคงต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว”
เมื่อเดินไปได้สองก้าว หยวนจุนก็เห็นว่านางยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป ดังนั้นเขาจึงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“ข้าออกมาจากโรงเรียนยุทธ์จูเสียแล้ว พวกเขาคงไม่้าข้าแล้วล่ะ ในเมื่อตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันแล้ว พวกเราไปด้วยกันดีกว่า!”
หยวนจุนถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา เขาต้องจำใจทำตามที่หานโหรวว่า ก่อนที่ทั้งเขาและนางจะมุ่งหน้าไปโดยที่มิได้หยุดพัก
เมื่อเทียบกับที่ตั้งของโรงเรียนยุทธ์จูเสียแล้ว ผู้คนที่เดินอยู่แถวนี้นั้นมีน้อยมาก โชคดีที่โรงเรียนยุทธ์ทั้งสี่แห่งนั้นอยู่ไม่ไกลกัน ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันทั้งสองก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนยุทธ์เสวียนจีแล้ว
ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง นักยุทธ์ที่้าเข้ารับการคัดเลือกก็ต่อแถวกันยาวแล้ว
วิธีการที่จะเข้าไปด้านในได้นั้นไม่ต่างอะไรกับโรงเรียนยุทธ์จูเสีย พวกเขาจะได้รับป้ายหยกและรอการวัดระดับในรอบแรก
เมื่อเห็นหานโหรวที่อยู่ตรงหน้ากำลังมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวจะพบคนรู้จัก หยวนจุนจึงเม้มริมฝีปากด้วยความสงสัย
“ต่อแถวให้เป็ระเบียบ ทุกคนจะได้รับการวัดระดับอย่างแน่นอน แม้แท่นวัดระดับจะมีไม่มาก แต่เราก็จะให้ทุกคนได้ทดสอบ ไม่ปล่อยให้จากไปโดยเปล่าประโยชน์อยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของสตรีกระโปรงยาวแห่งโรงเรียนยุทธ์เสวียนจีดังอยู่ตรงหน้า บุรุษทั้งหลายที่ได้ยินต่างก็ใจสั่นในทันที
แต่ยกเว้นหยวนจุน เพราะเขามองร่างนั้นด้วยความชื่นชมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเห็นขาเรียวยาวทั้งสองข้างของนางคลุมด้วยถุงน่องบางๆ สีดำ เรียวขานั้นยาวพอกันกับเรียวขาของเสี่ยวเมิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้