ระยะห่างที่ใกล้ชิดกลิ่นอายของเขาที่ลอยเข้ามาคล้ายกับยาเสน่ห์ที่ทำให้สมองและจิตใจของเธอปั่นป่วนไปหมด
ูเี่อันพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างเงียบเชียบ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ใจเย็น ูเี่อัน เธอต้องมีสติเข้าไว้
เธอยิ้มอย่าง‘อ่อนหวาน’ และพูดว่า “เอ๋ นายก็เข้ามาล้างมือเหมือนกันเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่มีทางหลงกลเธอง่ายๆอยู่แล้ว เขาหรี่ตามองเธอพลางตอบ
“อยากรู้เื่ของเครื่องบินลำนี้ทำไมไม่มาถามฉัน”
เขานึกว่าเธอจะเดินไปล้างมือแต่แล้วก็ได้ยินเสียงเธอคุยกับเสิ่นเยว่ชวนอยู่ด้านหลัง
ตอนนั่งอยู่ข้างเขาเธอทำสีหน้าอย่างกับอยากจะหนีไปให้พ้นๆแต่พริบตาเดียวกลับไปนั่งคุยสนุกสนานอยู่กับผู้ชายคนอื่น
ูเี่อันไม่แน่ใจว่าเขาไม่พอใจเธอหรือเปล่าจึงอธิบายอ้ำอึ้ง
“ก็ตอนนั้นนายกำลังยุ่งอยู่ฉะ...ฉันก็เลยไม่อยากไปรบกวนน่ะ”
อีกอย่างสีหน้าไม่ต้อนรับแขกของเขาเมื่อกี้ ยิ่งทำให้เธอไม่กล้ารบกวนเขาเข้าไปใหญ่
“พูดแบบนี้เหมือนเธอกำลังใส่ใจฉัน?” มุมปากของเขาแย้มยิ้มบางเบาดูไม่ออกว่าดีใจหรือแค่ยิ้มเยาะ “งั้นตอนเช้าที่เธอทำให้คนของฉันต้องรอเก้ออยู่ที่บ้านลั่วเสี่ยวซีก็เพราะเป็ห่วงว่าฉันจะงานยุ่ง?”
เื่เมื่อเช้า...ที่จริงูเี่อันตั้งใจหลบหน้าเขา
เธอยิ้มแห้งแกล้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับไป
“ฉะฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะนอนอยู่บ้านเสี่ยวซี”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้ว“เธอจะบอกว่าเป็ความผิดของฉันเอง?”
“...”ูเี่อันเถียงไม่ออก
ถ้าบอกว่าใช่เขาต้องโกรธแน่ แต่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ ก็ต้องเป็ความผิดของเธอแทนน่ะสิ
แบบนั้นเธอยิ่งซวยเข้าไปใหญ่!
สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจใช้ท่าไม้ตาย
“พี่เป๋าเหยียนคะฉัน...อื้อ...”
จู่ๆ เข้าก็ก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากเธอในทันใด
คนที่ไม่ทันตั้งหลักอย่างูเี่อันถึงกับลืมตาโพลงอย่างใ
ริมฝีปากได้รูปไร้ที่ติดของเขาค่อยๆประทับลงมาอย่างนุ่มนวล เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม ราวกับกำลังสูบพลังของเธอจนสติเริ่มบางเบา
สติที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างของเธอบอกว่าเธอจะปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้แต่มือของเธอกลับไร้เรี่ยวแรงที่จะผลักเขาให้ออกห่าง
ลู่เป๋าเหยียนเหมือนจะรู้สึกถึงการแข็งขืนของเธอเขาปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็อิสระพลางจ้องลึกเข้าในั์ตาเสียงของเขาแหบทุ้มต่ำกว่าทุกครา
“หลับตาลง”
ผ่านไปชั่วอึดใจเธอกะพริบเปลือกตาขึ้นลงพลางมองลู่เป๋าเหยียนอย่างคนที่ยังตั้งตัวไม่ได้กับสถานการณ์ตรงหน้า
ลู่เป๋าเหยียนถอนหายใจแล้วก้มตัวลงปิดกลีบปากเรียวงามของเธออีกครั้ง
คราวนี้เธอััมันได้อย่างชัดเจนเขาค่อยๆ เข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนรุ่มของเขาัักับผิวของเธอ
หัวใจเธอในตอนนี้เต้นเร็วแรงอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อเขาประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เธอก็หลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
เหมือนโลกในนี้มีเพียงเธอกับเขาเธอััได้ถึงทุกการกระทำของลู่เป๋าเหยียนได้อย่างชัดเจน
ริมฝีปากอุ่นของเขาบรรจงจูบเธออย่างนุ่มนวลคล้ายกำลังชิมของหวานรสชาติเยี่ยม ลมหายใจที่รดอยู่ตรงพวงแก้มทำให้ใบหน้างามเริ่มร้อนขึ้นอย่างช้าๆ
การจูบที่ผ่านมาครั้งนี้เป็ครั้งที่เธอััมันได้อย่างชัดเจนที่สุด และเป็ครั้งแรกที่ลู่เป๋าเหยียนอ่อนโยนกับเธอมากที่สุดเช่นเดียวกัน
เรียวปากงามค่อยๆ เปิดรับลิ้นอุ่นๆของเขาที่ส่งเข้ามาลิ้มรสความหวานอย่างเอาแต่ใจ
เธอรู้ดีว่าการทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องแต่เธอไม่อาจต้านทานเขาได้แม้แต่น้อย
คนที่อยู่ตรงหน้าผาอย่างเธอคงต้องหยุดดิ้นรน และปล่อยให้มันเป็ไป ดำดิ่งลงไป...
ลมหายใจของลู่เป๋าเหยียนเริ่มหนักขึ้นทุกชั่วขณะมือแกร่งที่ดันกำแพงอยู่เมื่อครู่เริ่มลดลงมาประคองใบหน้าของูเี่อัน แล้วค่อยๆลูบไล้ไปตามเรียวแขนงาม และโอบเอวบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ร่างกายของเธอกับเขาแนบชิดกันจนเธอรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆและในตอนนั้นเองที่ทำให้เธอเริ่มารู้ตัวว่าพวกเธอทั้งสองได้ก้าวข้ามเส้นกั้นของอะไรบางอย่างไปแล้ว
หากเป็อย่างนี้ต่อไปเธอคงเผลอตัวเผลอใจให้เขาไปเต็มร้อยอย่างหาทางกลับไม่ถูก
ตอนทีู่เี่อันกำลังคิดจะดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขาเขาก็ปล่อยเธอเป็อิสระพอดี
สายตาคมเข้มของเขามองหน้าเธอพลางพูดเสียงแหบต่ำ
“เจี่ยนอันทีหลังอย่าดื้ออีก”
ูเี่อันดูไม่ออกว่าสายตาอันแปรปรวนคู่นั้นกำลังสื่ออะไรอยู่เธอพยักหน้าไปอย่างงงๆ และหลุบตาลง
“เมื่อวานฉัน...ถึงแม้ว่าฉันจะตั้งใจหนีไปนอนที่โรงแรมแต่ฉันไม่เคยคิดอยากจะสร้างความลำบากให้นายนะ”
เธอก็แค่อยากจะยั่วโมโหเข้าเฉยๆไม่ได้้าทำให้เขาเสียเวลา
ลู่เป๋าเหยียนเองไม่อาจรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่แต่เขาไม่คิดจะไล่ต้อนเธออีกแล้ว จึงเปลี่ยนหัวข้อ
“เธอเห็นข่าวเมื่อเช้าแล้วหรือยัง”
ูเี่อันยังคงก้มหน้า“เห็นแล้วล่ะ”
“รู้แล้วว่าฉันกับหานรั่วซีไม่ได้มีอะไรกัน?”
“อืม...”
“เจี่ยนอัน”ลู่เป๋าเหยียนเรียกชื่อเธอเสียงต่ำ เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา และได้ยินเขาพูดว่า
“เธอกับหานรั่วซีฉันแยกได้อย่างชัดเจน”
ูเี่อันยิ้มออกมา“แยกได้ก็ดีแล้วล่ะ”
สักพักจึงพูดเสริมขึ้นอีกว่า“ที่จริง พวกนายจะทำอะไร ไม่ต้องสนใจฉันก็ได้ตอนที่เราแต่งงานกันก็คุยกันชัดเจนแล้วว่า เราจะไม่ก้าวก่ายเื่ของกันและกัน”
เธอพูดคำนี้ออกไปหาใช่เพียงเพื่อบอกเขาแต่เพื่อ้าเตือนตัวเองมากกว่า
ความรู้สึกอันน่าหลงใหลที่เขาให้กับเธอเมื่อครู่เธอคงรับมันไว้ไม่ได้
ลู่เป๋าเหยียนยังคงจดจำคำพูดที่เธอพูดอย่างโมโหเมื่อคืนได้อย่างดี “ฉันไม่ใช่หานรั่วซีนายมองให้ดีๆ!”
เขาแค่อยากบอกเธอว่าเขาไม่เคยคิดว่าเธอคือหานรั่วซี แต่เมื่อกี้เธอพูดอะไรออกมากัน?
สายตาของลู่เป๋าเหยียนเริ่มเย็นเยียบอีกครั้ง
“ถ้าฉันกับหานรั่วซีคิดจะทำอะไรกันแล้วเธอคิดว่าฉันทำกับเธอแบบเมื่อกี้ไปทำไม หือ?”
ความไม่แน่ใจปรากฏชัดในั์ตาของูเี่อัน
“คิดดอกเบี้ย?”
เธอติดหนี้เขาสามล้านเพราะเขาช่วยประมูลกำไลหยกของแม่มาให้เธอ ตอนนั้นเขาบอกเธอเองว่าจะคิดดอกเบี้ยด้วยวิธีนี้
แต่เธอไม่อาจปฏิเสธมันออกไปเพราะเธอชอบความรู้สึกที่ได้ใกล้ชิดกับเขา...
ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปากยิ้มเย็น“ูเี่อัน เธอนี่รู้สถานะตัวเองดียิ่งกว่าที่ฉันจินตนาการไว้อีกนะ”
จู่ๆ เขาก็ยกมือจับท้ายทอยเธอและประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้งอย่างดุดัน
จูบครั้งนี้ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่เขารัดเอวเธอไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ ทุกการกระทำช่างป่าเถื่อนและเอาแต่ใจเขาจูบเธออย่างดุดันบนรอยแผลที่เขาเป็คนทำไว้เมื่อวานถึงจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับเมื่อวานแต่ตอนนี้เขากำลังเอาเปรียบเรียวปากงามอย่างไม่ลดละ
ไม่นานเธอก็เริ่มเจ็บริมฝีปากขึ้นมา และเริ่มหายใจไม่ทัน
“อื้อ...”
เธอพยายามผลักเขาให้ออกห่างดีที่คราวนี้ลู่เป๋าเหยียนยังคงมีความเป็สุภาพบุรุษอยู่บ้างเขาจึงปล่อยเธอในทันที
เธอสูดหายใจลึกถลึงตามองเขาอย่างโมโห
“ฉันไปดูงานตั้งหลายวัน”ลู่เป๋าเหยียนยื่นมือมาััริมฝีปากอิ่มที่เริ่มบวมแดงอย่างแ่เบา“ถ้าจะขอคิดดอกเบี้ยรวดเดียวเลย เธอคงไม่ว่ากันใช่ไหม”
“...”ูเี่อันนิ่งไปชั่วขณะ “ออกไป ฉันจะล้างมือ”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางเปิดประตูห้องน้ำและเดินออกไป
เธอเงยหน้าขึ้นมาตัวเองในกระจกขณะที่กำลังล้างมือ
แก้มสองข้างเธอแดงก่ำริมฝีปากบวมนิดๆ
ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกรังเกียจหรือต่อต้านเลยสักนิด?
แต่อย่างน้อยในที่สุด ลู่เป๋าเหยียนก็ยอมเปิดปากอธิบายกับเธอเื่ในข่าวเสียทีว่าเขากับหานรั่วซีไม่ได้มีอะไรกัน
เธอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวแล้วจึงผลักประตูเดินออกไป แต่ก็ต้องใสะดุ้งเพราะลู่เป๋าเหยียนยังคงยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำ
“ฉันรอเธอ”
ลู่เป๋าเหยียนจูงมือูเี่อันพาเธอเดินกลับไปยังที่นั่งจากนั้นจึงส่งเสียงเรียกเสิ่นเยว่ชวน
เสิ่นเยว่ชวนเดินมาอย่างระมัดระวัง“มีอะไรให้รับใช้ครับ คุณผอ.ลู่”
ลู่เป๋าเหยียนยื่นเอกสารที่ยังไม่ได้เคลียร์ส่งให้เสิ่นเยว่ชวน
“จัดการเอกสารพวกนี้ให้เสร็จก่อนถึงเมืองG”
เสิ่นเยว่ชวนเริ่มเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเขาปรายตามองูเี่อันหนึ่งทีก่อนจะรับเอกสารเดินกลับไปยังที่นั่งของตนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ูเี่อันมองลู่เป๋าเหยียนอย่างสงสัย“เอกสารพวกนั้น ไม่ใช่ว่านายต้องเป็คนเซ็นด้วยตัวเองเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนตอบสีหน้าผ่อนคลาย“เขาปลอมลายเซ็นฉันได้”
เสียงเสิ่นเยว่ชวนดังขึ้นมาอย่างเคืองๆ“นั่นไม่ใช่เพราะนายบังคับฉันหรือไง!”
“...”ลู่เป๋าเหยียนเป็คนบ้าหัวรุนแรงชอบใช้กำลังจริงๆ ด้วย ูเี่อันคิด
สามชั่วโมงให้หลังเครื่องบินก็ได้มาถึงสนามบินนานาชาติของเมือง G
เมืองนี้ทางตอนเหนือของประเทศทำให้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าเมืองอื่นที่เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนไปแล้ว ูเี่อันลงจากเครื่องบินมาก็รู้สึกถึงความแตกต่างดังกล่าวได้ในทันทีเธอยกมือขึ้นกอดอก ลู่เป๋าเหยียนเห็นดังนั้นจึงโอบตัวเธอเข้ามา
“หนาวเหรอ?”
ูเี่อันฝืนตอบกลับไป
“พอไหว”
เธอขดตัวหลบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยอัตโนมัติอ้อมกอดของลู่เป๋าเหยียนมักจะอบอุ่นเสมอ
ลู่เป๋าเหยียนสังเกตเห็นการกระทำดังกล่าวในทันทีเขาจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมไหล่ให้เธอ และพาเธอออกจากสนามบินไป
หน้าประตูมีรถ S 600 จอดรออยู่ชายใส่สูทรองเท้าหนังคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ข้างรถเมื่อเขาเห็นูเี่อันก็ถึงกับนิ่งไป พลางทักทายอย่างนอบน้อม
“ท่านผอ. คุณนายยินดีต้อนรับสู่เมือง G ครับ”เห็นชัดว่าเขาคงนึกไม่ถึงว่าลู่เป๋าเหยียนมาทำงานทั้งที่ยังพาภรรยามาด้วยดูท่าเ้านายของเขากับภรรยาคงรักกันหวานชื่นเหมือนในข่าวจริงๆ เสียด้วยสิ
เธอเพิ่งเคยถูกคนเรียกว่า‘คุณนาย’ เป็ครั้งแรกจึงยังไม่ค่อยชิน ว่าแล้วจึงหันไปยิ้มกับเขาตามมารยาทลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูให้เธอเขาไปนั่งด้านหลัง และบอกกับชายคนนั้นว่า
“ไปที่โรงแรมก่อน”
“ครับ”
ชายคนนั้นนั่งลงที่เบาะข้างคนขับพลางสั่งการทางด้านเสิ่นเยว่ชวน เขาได้ขึ้นรถอีกคันหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังบริษัททันที
เลขาของลู่เป๋าเหยียนจัดการจองโรงแรมห้าดาวที่อยู่ใจกลางเมืองไว้ให้ลู่เป๋าเหยียนเป็ห้องเพรสซิเดนสูทที่อยู่ชั้นบนสุดที่ทั้งกว้างขว้างและสะดวกสบายเมื่อเดินออกมาจากห้องรับแขกก็จะพบสวนดอกไม้ลอยฟ้าที่ดูจัดแต่งไว้อย่างสวยงามเห็นดังนั้นูเี่อันก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วกับการมาที่นี่
“ฉันออกไปบริษัทก่อนอาจจะกลับมาดึกหน่อย” ลู่เป๋าเหยียนพูดอย่างรีบร้อน “ถ้า้าอะไรให้เรียกหาผู้จัดการโรงแรม ไม่ก็โทรหาฉัน”
ูเี่อันนิ่งไปชั่วครู่“ฉันอยากกินข้าว...”
เมื่อเที่ยงเธอกับลั่วเสี่ยวซีกลับไปถึงบ้านไม่ทันไรเธอก็ถูกเขาแบกออกมาเลย แถมสลัดผลไม้ที่กินบนเครื่องบินก็ไม่อยู่ท้องเลยสักนิด...
ลู่เป๋าเหยียนชะงักไปเสียงของเขาอ่อนยวบ
“ที่ชั้นสี่มีร้านอาหารยุโรปอยู่พอกินได้ไหม”
ูเี่อันพยักหน้าลู่เป๋าเหยียนจึงจูงมือเธอและพาเธอเดินลงไป
ร้านอาหารสไตล์ยุโรปของโรงแรมร้านนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหรามีระดับ พนักงานเสิร์ฟผู้ชายทุกคนอยู่ในชุดสูทรองเท้าหนังส่วนผู้หญิงก็แต่งกายงดงามดูประณีตเสียงเปียโนที่กำลังบรรเลงก็เข้ากับบรรยากาศในร้านได้อย่างดี
ลู่เป๋าเหยียนพาเธอมาส่งที่นี่เสร็จแล้วก็รีบออกไปูเี่อันสั่งสเต๊กเนื้อมาหนึ่งที่ ในขณะที่กำลังรออาหารอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้าเธอ
“ูเี่อัน? เธอคือูเี่อันใช่ไหม?”
ูเี่อันเงยหน้าขึ้นมองเธอรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อย่างไรไม่รู้สิ
“ฮ่าๆๆ”เขาหัวเราะอย่างดีใจ “เธอคือูเี่อันจริงๆ ด้วย! จำฉันได้หรือเปล่า ถังหยางิคนที่เคยตามจีบเธอตอนนั้นไง”
