ตอนที่กู้เจิงลงจากรถม้า นางก็เห็นนายหญิงเว่ยซื่อกับน้องสามมายืนรออยู่หน้าประตูจวน พอเห็นนางกับแม่เฒ่าซุนแต่ไม่เห็นกู้เหยา สายตาของทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
คนที่ไปสืบข้อมูลแถวบ้านสกุลฟู่กลับมาบอกว่ามีเด็กสาวอายุไล่เลี่ยกับคุณหนูสี่ปรากฏตัวอยู่แถวนั้นจริงๆ แต่ไม่ได้เข้าไปในบ้านสกุลฟู่ จึงไม่รู้ว่าเป็คุณหนูสี่หรือไม่ ต้องวาดรูปเหมือนไปถามถึงจะรู้ได้
“ถ้าวาดรูปเหมือนไปถามหาคน แล้วถูกคนรู้เข้าว่าคุณหนูสี่ของเราหายไป ไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปอย่างไรอีก” กู้หงหย่งโมโหจนปาแก้วแตกไปหลายใบ หลายวันมานี้ทุกอย่างไม่ราบรื่นเลยจริงๆ ลูกชายก็เกิดเื่เสียหาย แล้วลูกสาวก็ยังมาหายตัวไปอีก
กู้อิ๋งใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาอยู่เงียบๆ เว่ยซื่อหน้าซีดเผือด แต่กลับดูสงบนิ่ง
สองวันมานี้กู้เจิ้งชินถูกกักบริเวณอยู่ในห้องและถูกลงโทษ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย
“จำต้องวาดรูปเหมือนไปถามหาคนก่อน เื่ข่าวลือก็ต้องปล่อยไป การหาคนย่อมสำคัญกว่า เหยาเอ๋อร์ยิ่งอยู่ข้างนอกนานเท่าไรก็อันตรายมากเท่านั้น นางยังเป็แค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง” เว่ยซื่อตัดสินใจแล้วว่า ข่าวลือพวกนั้นไม่สำคัญอะไรถ้าต้องเทียบกับชีวิตลูกสาวของนาง “แม่เฒ่าซุน รีบไปหาช่างมาวาดภาพเหมือนเถอะ”
“เ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนรีบไปทำตามคำสั่ง
กู้เจิงรู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ “ข้าจะไปกับแม่เฒ่าซุนแล้วกันเ้าค่ะ”
เว่ยซื่อพยักหน้า เมื่อเห็นความห่วงใยในสายตาของกู้เจิง นางก็รู้สึกอุ่นวาบในใจ
ตอนที่จะออกจากบ้าน กู้เจิงแอบนึกถึงอีกสถานที่นึงขึ้นมา ในใจนางคิดว่ากู้เหยาจะอยู่กับซู่เหนียงหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าเป็ไปไม่ได้ กู้อิ๋งกู้เหยาเคยมาที่เรือนของซู่เหนียงเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
รถม้ามาหยุดลงที่ร้านชื่อว่า ‘ิฮว่าถัง’ พอเ้าของร้านเห็นตราสัญลักษณ์จวนกู้ที่ติดอยู่หน้ารถม้าที่ เขาก็รีบฉีกยิ้มและเดินออกมาต้อนรับ
แม่เฒ่าซุนรีบแจ้งธุระแก่เ้าของร้าน
“ช่างวาดภาพหรือ? โชคไม่ดีที่เขาถูกเรียกตัวไปก่อน ไม่เช่นนั้นท่านรอสักครึ่งชั่วยามได้ไหมขอรับ?”
อย่าว่าแต่ครึ่งชั่วยามเลย แม้แต่เวลาหนึ่งก้านธูปแม่เฒ่าซุนก็ไม่อยากรอ นาง้าหาตัวช่างวาดภาพเดี๋ยวนี้
“คุณหนูใหญ่ พวกเราไปดูที่อื่นกันเถอะเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนกล่าวอย่างร้อนใจ
กู้เจิงพยักหน้าเห็นด้วย
ตอนที่กำลังจะกลับขึ้นรถม้า นางได้ยินแม่เฒ่าซุนส่งเสียงเรียก “คุณหนูใหญ่ดูสิเ้าคะ รถม้าของตระกูลฟู่เ้าค่ะ”
กู้เจิงไล่สายตามองตามไป เป็รถม้าของตระกูลฟู่จริงๆ สาวใช้คนหนึ่งลงจากรถม้าเพื่อไปซื้อผลไม้แห้งจากร้านข้างทาง กู้เจิงแอบเห็นในรถม้าเมื่อม่านหน้าต่างถูกยกขึ้น นางเห็นฟู่ผิงเซียงนั่งอยู่ภายใน ใบหน้ารูปไข่อิ่มเอิบนั้นกำลังแสดงสีหน้าพอใจ
ฟู่ผิงเซียงเองก็เห็นนางเช่นกัน นางเลิกคิ้วขึ้นพร้อมทั้งยกยิ้มยียวนให้แล้วปล่อยม่านลง
“แม่เฒ่าซุน ท่านทำอะไรน่ะ?” กู้เจิงเห็นแม่เฒ่าซุนถลึงตาใส่รถม้าตระกูลฟู่อย่างฉุนเฉียว กู้เจิงต้องรีบดึงแม่เฒ่าซุนไว้ เพราะนางทำท่าจะเดินเข้าไปที่รถม้าคันนั้น
“ข้าจะไปถามว่าคุณหนูสี่อยู่กับนางหรือไม่ แล้วทำไมถึงต้องมาทำแบบนี้กับคุณชายรองของพวกเราด้วย”
แม่เฒ่าซุนเดิมทีไม่ใช่คนที่วู่วามเช่นนี้ การที่นางเป็แบบนี้ เห็นได้ชัดว่านางคงโกรธและเป็ห่วงน้องๆ ของนางจริงๆ
“คุณหนูใหญ่ปล่อยบ่าวเ้าค่ะ บ่าวอดทนต่อไปก็เท่ากับเป็คนไม่เอาไหน”
“แม่เฒ่าซุนพูดถูก แต่ตอนนี้เราอยู่บนถนนนะ”
แม่เฒ่าซุนมองไปรอบๆ เห็นผู้คนที่เดินอยู่บนถนนแอบมองมาที่พวกนาง นางโมโหตัวเองอยู่ไม่น้อย หากเมื่อครู่นางไปเอาเื่ที่รถม้าของตระกูลฟู่จริงๆ นี่ไม่ใช่ว่าจะยิ่งทำให้ตระกูลกู้ต้องผีซ้ำด้ามพลอย* หรอกหรือ? นางใกลัวไปหมด “ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่เตือนสติเ้าค่ะ”
(*หมายถึง มีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็มีปัญหาเข้ามาเพิ่มซ้ำเติมให้หนักกว่าเดิมอีก)
สิ่งสำคัญที่สุดที่รู้ตอนนี้คือ กู้เหยาไม่ได้อยู่ที่จวนฟู่ และหากตอนนี้ถ้าทำอะไรบุ่มบามเกินไปคนที่โชคร้ายก็มีแค่พวกเราเอง แต่เวลาที่ประจวบเหมาะเช่นนี้ย่อมมิอาจปล่อยผ่านไปได้ ขณะที่กู้เจิงกำลังคิดหาวิธีเหมาะๆ เพื่อมาลองหยั่งเชิงดูว่ากู้เหยาหายไปไหนกันแน่
จู่ๆ สาวใช้คนนั้นก็เดินมาทำความเคารพกู้เจิงตามมารยาท “คุณหนูใหญ่กู้ คุณหนูของข้าเชิญคุณหนูไปดื่มชาเ้าค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหนูจะให้เกียรติไปได้หรือไม่เ้าคะ”
“ได้สิ” กู้เจิงรีบตอบรับคำเชิญของนางทันที
แม่เฒ่าซุนต้องรีบไปหาช่างวาดภาพ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามกู้เจิงไปได้
ที่โรงน้ำชาอวิ๋นเซียง พวกนางถูกเสี่ยวเอ้อพามาที่ห้องส่วนตัว ห้องด้านข้างเป็ห้อง ‘ิเซียงหย่า’ ที่นางเคยมาดื่มชาครั้งก่อนกับฟู่ผิงเซียง
“่นี้ข้าอารมณ์ดีทุกวันเลย” ฟู่ผิงเซียงรินน้ำชาให้ตัวเอง พลางยิ้มมองกู้เจิงอย่างมีเลศนัย
นางสวมชุดกระโปรงยาว และสวมเสื้อกันหนาวสีเข้มหรูหรา ที่ผมปักปิ่นไข่มุกประกายแวววาว กู้เจิงมองนางอย่างเ็า
“เ้าโกรธมากหรือ? หากจะโกรธ ทำไมไม่ไปโกรธน้องรองของเ้าที่ทำเื่ไม่ดีขึ้นล่ะ?”ฟู่ผิงเซียงหัวเราะอย่างมีความสุข
กู้เจิงมองน้ำชาตรงหน้าฟู่ผิงเซียงอยู่ครู่ใหญ่ นางเอ่ยกับสาวรับใช้ของฟู่ผิงเซียงด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ในเมื่อคุณหนูของเ้าเชิญข้าให้มาดื่มชา ทำไมเ้ายังไม่รีบมารินชาให้ข้าอีก”
สาวรับใช้ของฟู่ผิงเซียงรีบหันไปมองคุณหนูของตน
“เ้ากล้าดียังไงมาสั่งสาวใช้ของข้า?” ฟู่ผิงเซียงวางแก้วชาลงอย่างแรง นางมองดูกู้เจิงที่หน้าตางดงามกว่าตนอย่างไม่พอใจ
“ฟู่ผิงเซียง เ้าช่างชั่วช้าจริงๆ” กู้เจิงเริ่มโมโหกับคนเช่นนี้
“ข้าชั่วช้า?”
“น้องรองของข้ามีความแค้นอะไรกับเ้า เ้าถึงต้องทำลายการแต่งงานของเขาเช่นนี้?”
“เ้ากำลังพูดเื่อะไร? ข้าไม่เข้าใจ” เมื่อเห็นกู้เจิงดูไม่มีความสุข ในใจฟู่ผิงเซียงก็พอใจมาก
“โง่เง่าจริงๆ” กู้เจิงสบถ ฟู่ผิงเซียงคงยังไม่รู้ว่าพวกนางรู้เื่ของบ่าวที่ถูกซื้อตัวมาทำงานให้นางแล้ว
“เ้าว่าอะไรนะ?”
“ฟู่ผิงเซียง ถ้าข้าเป็เ้า ข้าจะคิดหาวิธีที่จะใช้ชีวิตต่อไปให้ดียิ่งขึ้น แทนที่จะมาระบายความแค้นใส่คนอื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นนี้”
“เ้ารู้อะไรมา?”
“สิ่งที่เ้าทำ แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังมองออก หากคุณชายรองหนิงไม่ใช่บุตรของอนุ หากตระกูลหนิงเป็ตระกูลกงเจวี๋ย เ้ายังจะเกลือกกลิ้งทรมานเช่นนี้อยู่อีกหรือ? เ้าคงจะแต่งงานไปอย่างยินดียิ่งแล้วกระมัง?”
“เ้า?”
“ถูกข้าพูดแทงใจดำก็เลยพาลโกรธขึ้นมาหรือ?”
ฟู่ผิงเซียงยกมือขึ้นหมายจะตบหน้ากู้เจิง แต่กู้เจิงหรือจะยอมให้อีกฝ่ายทำได้ กู้เจิงจับแขนของอีกฝ่ายไว้
“ปล่อยข้านะ”
“เ้าคิดว่าตัวเองฉลาด และคิดว่าคนอื่นโง่ แต่กลับไม่รู้เลยว่าเ้านั่นแหละเป็คนที่โง่ที่สุด” กู้เจิงผลักนางลงกับพื้นอย่างแรง
“คุณหนู?” สาวรับใช้รีบเข้าไปประคองฟู่ผิงเซียง และนางก็ปรี่เข้ามาหมายจะเอาคืนกู้เจิง
แต่สาวใช้ยังลังเล เพราะกลัวในฐานะของกู้เจิงจึงไม่กล้าลงมือ กู้เจิงเห็นท่าทางของสาวใช้ จึงรีบจิกผมของนางแล้วดึงกระชากอย่างแรง
นางกรีดร้องเสียงดังด้วยความเ็ป
“เ้าเป็แค่สาวใช้คนหนึ่ง กล้าจะลงมือกับข้าหรือ?” กู้เจิงแผดเสียงใส่สาวใช้ของฟู่ผิงเซียง
ฟู่ผิงเซียงมองกู้เจิงอย่างโง่งม นางไม่เคยเห็นกู้เจิงโกรธขนาดนี้มาก่อน
กู้เจิงถีบสาวใช้ลงกับพื้นอย่างแรง นางมองฟู่ผิงเซียงด้วยสายตาเยือกเย็น “อย่างไรเสียเ้าก็จ้องจะจัดการข้าอยู่แล้ว อย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องออมมือแล้วสิ”
“เ้ากล้าแตะต้องข้าหรือ?” ฟู่ผิงเซียงผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
“เ้ากล้าทำร้ายน้องรองของข้า ทำไมข้าจะทำเ้าบ้างไม่ได้?” กู้เจิงมองฟู่ผิงเซียงอย่างดูแคลน
“ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยด้วย” ฟู่ผิงเซียงะโด้วยความหวาดกลัว
“เ้าะโไปเถอะ เื่เลวร้ายที่เ้าทำจะได้รู้กันทั่วทั้งเมืองเยว่เฉิง”
ฟู่ผิงเซียงรีบปิดปากเงียบทันที ที่จริงกู้เจิงไม่ได้คิดจะทำร้ายฟู่ผิงเซียง ที่นางทำก็เพียงจะขู่เท่านั้น
ฟู่ผิงเซียงเบิกตากว้าง นางมองมือของกู้เจิงที่ยกขึ้นมาอย่างหวาดผวา นางกลัวว่ากู้เจิงจะตบลงมาจริงๆ
น่าขันสิ้นดี คุณหนูฟู่ที่กลัวนางจนหัวหด แต่กลับกล้าทำเื่เลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าลับหลังนาง กู้เจิงแค่นเสียงถามว่า “น้องสี่ของข้าได้ไปหาเ้าบ้างหรือไม่?”
“นางจะมาหาข้าทำไม?” ฟู่ผิงเซียงโพล่งตอบอย่างหวาดกลัว
กู้เหยาไม่ได้ไปหาฟู่ผิงเซียง ขณะที่กู้เจิงกำลังขมวดคิ้วใช้ความคิด จู่ๆ ก็มีคนคุ้มกันสองคนกระแทกประตูเข้ามาในห้อง คนที่ตามเข้ามาด้วยเป็นายหญิงเว่ยซื่อกับแม่เฒ่าซุน
“ท่านแม่?” กู้เจิงมองเว่ยซื่อด้วยความประหลาดใจ แล้วหันไปมองแม่เฒ่าซุน
แม่เฒ่าซุนส่งยิ้มให้คุณหนูใหญ่ ที่จริงนางไม่ได้ไปหาช่างภาพ แต่นางเอาเงินไปจ้างเ้าของร้าน ‘ิฮว่าถัง’ ให้เขาหาช่างภาพให้นาง ส่วนนางหลังจากที่กู้เจิงตามฟู่ผิงเซียงมาที่โรงน้ำชา นางก็รีบกลับจวนไปรายงานให้นายหญิงทราบ
เว่ยซื่อกวาดสายตามองสภาพภายในห้อง นางเห็นฟู่ผิงเซียงมองกู้เจิงอย่างหวาดกลัว ยามที่นางมาถึง นางเผอิญได้ยินกู้เจิงถามฟู่ผิงเซียงว่า ‘น้องสี่ของข้าได้ไปหาเ้าบ้างหรือไม่?’ พอดี
“เจิงเอ๋อร์ เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ”
เว่ยซื่อพยักหน้า สายตาเยือกเย็นของนางจับจ้องไปที่ฟู่ผิงเซียง จู่ๆ นางก็ยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดกับกู้เจิง “กลับบ้านกันเถอะ”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงตอบรับอย่างว่าง่าย