เขากลับบ้านหลังเสร็จธุระ ภรรยาตัวน้อยก็หายไปแล้ว
จากนั้นหวางกุ้ยเซียงเล่าเื่ราวให้ฟัง เขาไล่ตามไปทันที
แม้พวกเขาจะยังไม่ย้ายเข้าบ้าน แต่หวางฟู่กุ้ยกับหวางทงเป่าอยู่เฝ้าให้ทุกวัน เจียงหงหย่วนจึงไม่กังวลว่าจะมีของหาย
เขาวิ่งแบบสุดชีวิต
กลัวหลินหวั่นชิวเป็กระไร เพราะคนบ้านหลินชั่วร้าย ไม่รู้หลินฉินจะเล่นลูกไม้กระไรหรือไม่
ถูกชายฉกรรจ์โอบกอด ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นระรัวเพราะเพิ่งผ่านการวิ่งมา หัวใจนางถูกเติมเต็ม
“วางใจเถิด ข้าไม่มีทางเป็กระไร นี่ข้าก็พาฟู่กุ้ยมาด้วยกันไม่ใช่หรือ?”
หลินหวั่นชิวโอบเอวชายฉกรรจ์ ลูบมือไปมาบนหลังเขา
“ใส่เสื้อเถิด เดี๋ยวจะไม่สบาย” ผ่านไปสักพัก หลินหวั่นชิวพูดกับเจียงหงหย่วน
เขาร้อนเพราะวิ่งมา วิ่งได้ไม่เท่าไรจึงถอดเสื้อมาถือไว้
“อื้ม” เจียงหงหย่วนปล่อยหลินหวั่นชิว สวมเสื้ออย่างเชื่อฟัง แม้เขาจะไม่รู้สึกหนาว แต่ภรรยาตัวน้อยอุตส่าห์พูด เขาย่อมไม่ทำลายน้ำใจนาง
“ขนจิ้งจอกจะหายก็หายไปสิ นางขโมยไปแล้ว ไล่ตามไปก็เปล่าประโยชน์ ขนจิ้งจอกนั่นไม่ได้มีเครื่องหมายกระไรด้วย ถึงจะไล่ตามไปก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็ของเ้า…สุดท้ายมีแต่เสียใจที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม ถ้าเ้าชอบ ข้าจะขึ้นเขาไปล่ามาให้อีก”
“ผู้ใดบอกท่านว่าขนจิ้งจอกไม่มีเครื่องหมาย?” หลินหวั่นชิวมองชายฉกรรจ์ยิ้มๆ เขากลัวนางเสียใจ บอกว่าขนจิ้งจอกหายไปก็ไม่ใช่เื่ใหญ่ บอกว่าจะขึ้นเขาไปล่ามาให้อีก
คำรักหวานนี้ช่างแน่แท้
นางชอบฟัง
“หือ…” เจียงหงหย่วนยังไม่รู้ว่าหลินหวั่นชิวตามเสื้อขนจิ้งจอกกลับคืนมาได้
“เช่นนั้นเ้าเอากลับมาได้หรือ?” เจียงหงหย่วนประหลาดใจเล็กน้อย
หลินหวั่นชิวกางขนจิ้งจอกในมือ ชี้แผ่นผ้าบนคอเสื้อด้านในให้เขาดู
“หวั่นชิว…หงหย่วน…” เจียงหงหย่วนอ่านออกเสียง มุมปากยกโค้ง
หลินหวั่นชิวเอื้อมมือไปแตะมุมปากเขา แววตามีความตื่นเต้น “หย่วนเกอ…ท่านยิ้มแล้ว…”
เจียงหงหย่วนผงะ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าทันที
เขายิ้มแล้ว…
ภรรยาตัวน้อยจะกลัวหรือไม่…
ชายฉกรรจ์กังวลในใจ
“ยิ้มอีกสิหย่วนเกอ… ข้าชอบเห็นท่านยิ้ม ชอบเห็นท่านยิ้มให้ข้า” หลินหวั่นชิวปลุกปั่นเขา ดวงตาดอกท้อจดจ้องอย่างไม่ละสายตา
เจียงหงหย่วนเหมือนถูกมอมเมา มุมปากยกโค้งอีกครั้ง
แผลเป็บนหน้าเขาบิดเบี้ยวตาม แต่แผลเป็นี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ใจหลินหวั่นชิวปวดร้าวในใจ
รอยแผลเป็นี้…ตอนนั้นเขาต้องเจ็บขนาดไหนกัน
นางลูบนิ้วไปบนแผลเป็
“หย่วนเกอไม่ชอบยิ้มเพราะแผลเป็นี้หรือ?” นางถาม
เจียงหงหย่วนประหม่าเล็กน้อย เห็นหรือไม่ ภรรยาตัวน้อยกลัวเขาเสียแล้ว… เขาพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “เด็กเห็นก็กลัวจนร้องไห้…ทำฟู่เหรินขวัญอ่อนใจนเป็ลม…แล้วยังทำให้สตรีหนีไปถึงสองคน…” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ยิ้มต่อหน้าผู้ใดอีก
“เ้า…เ้ากลัวหรือไม่?” เจียงหงหย่วนพูดกับหลินหวั่นชิวตะกุกตะกัก ทั้งที่เป็บุรุษร่างสูงใหญ่ราวกับหมาป่าที่แค่อ้าปาก (เอื้อมมือ) ก็กัดเ้าตายได้ แต่เขากลับมองเ้าอย่างน่าสงสารประหนึ่งกำลัง…รอการตัดสิน
หลินหวั่นชิวอดใจลูบศีรษะเขาเบาๆ ไม่ได้
“ไม่กลัว” หลินหวั่นชิวยิ้มตอบ
“ทั้งยังชอบมากด้วย!” นางพูดต่อ
“เพราะหากไม่มีแผลเป็นี้…หย่วนเกอคงไม่ใช่ของข้า คงโดนผู้อื่นแย่งไปแล้ว”
หลินหวั่นชิวขยับตัวไปนั่งบนตักเขา ยกมือโอบรอบคอ ลูบนิ้วไปบนแผลเป็ที่ใบหน้าพร้อมกับพูดเบาๆ
“จริงหรือ?” เจียงหงหย่วนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
หลินหวั่นชิวจ้องตาเขา พยักหน้ายิ้ม “จริงสิ”
ชายฉกรรจ์คว้ามือที่ลูบหน้าตัวเองของหลินหวั่นชิวมาจูบ กระทั่งหลินหวั่นชิวเป็ฝ่ายเริ่มประกบปากเข้ามา
เ้าช่างดีเหลือเกิน…
เจียงหงหย่วนพูดในใจ
เจียงหงหย่วนกอดหลินหวั่นชิว ภรรยาตัวน้อยอยู่ในอ้อมอก เขาแทบไม่อยากปล่อยไป
หลินหวั่นชิวยอมให้เขากอด นางรู้สึกสบายใจและปลอดภัยในอ้อมกอดเขามาก
“เล่าให้ข้าฟังที ว่าเ้าเอาเสื้อขนจิ้งจอกกลับมาได้อย่างไร?” เจียงหงหย่วนถาม
พูดถึงเื่นี้แล้วหลินหวั่นชิวตื่นเต้น นางเล่าให้เจียงหงหย่วนฟังอย่างละเอียด ภูมิใจในตัวเองยิ่งนัก
“ท่านดูเถิด นี่คือเงินที่ข้าได้จากหลินกุ้ยฮวา…คิดจะไถเงินข้าหรือ นางนั่นแหละต้องเสียเงินเอง!” ยี่สิบตำลึงเชียวนะ นี่เป็จำนวนที่มากสำหรับครอบครัวคนธรรมดา
“ข้าเก่งหรือไม่?” หลินหวั่นชิวเขย่าเงินในมือ เงยหน้าขอคำชม
“เก่งมาก!” เจียงหงหย่วนตอบ
“แต่ข้าเก่งกว่า!” เขาพูดเสริม “ไว้เข้าหอแล้วเ้าจะรู้เอง”
ดวงตาดำขลับของชายฉกรรจ์ลุ่มลึกขึ้นมา หลินหวั่นชิวโดนเขาจ้องจนหน้าแดงใจเต้นระรัว
บุรุษผู้นี้พูดกระไรก็สามารถโยงเข้าเื่ห้องหอได้หมด!
แต่ว่า…
เวลานางถูกเขากอดเขาจูบ…นางเหมือนจะตั้งตาคอยขึ้นมานิดๆ แล้วเช่นกัน…
“จริงสิ เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนสวีเทากำลังปกป้องคนบ้านหลิน” หลินหวั่นชิวเปลี่ยนเื่คุย นางรู้ว่าสวีเทาอยากได้บ้านของพวกนางเช่นกัน แต่นางรู้สึกว่าสวีเทาไม่น่าจะแค่ร่วมมือกับบ้านหลิน
น่าจะยังมีกระไรอยู่เื้ัอีก
“มีบางอย่างที่ข้าไม่ได้บอกเ้า กลัวหูเ้าจะสกปรก” เจียงหงหย่วนพูด แววตาเขาเ็าขึ้นเมื่อพูดถึงเื่นี้
“เื่กระไรหรือ?” หลินหวั่นชิวรีบถาม ฟังจากน้ำเสียงเจียงหงหย่วน นางรู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษกับสตรี
“หลินซย่าจื้อเป็ชู้กับสวีเทา!” เจียงหงหย่วนพูด
หลินหวั่นชิวตบเข่าฉาด “มิน่าเล่า…”
“มิน่าเล่ากระไรหรือ?” เจียงหงหย่วนถาม
“ตอนอยู่บ้านตระกูลหลินข้าเคยเจอเขา แต่ตอนนั้นข้าเอาแต่ก้มหน้าจึงเห็นไม่ชัด จำได้ว่าท่านพ่อเรียกเขาว่าลูกเทา ตอนนั้นไม่ได้เก็บเอาเื่นี้มาใส่ใจ ตอนนี้ลองคิดดู ที่ท่านพ่อเรียกสวีเทาว่าลูกเทาได้ พวกเขาต้องสนิทกันมากแน่ พอมาได้ยินท่านเล่าเช่นนี้…บ้านหลินน่าจะรู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างสวีเทากับหลินซย่าจื้อ เช่นนั้น…สมองของโจวเอ้อร์เหนิงตอนนี้ไม่ขี่ม้าได้แล้วหรือ?”
“ขี่ม้า?” เจียงหงหย่วนเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ในสมองมีทุ่งหญ้าเขียวขจีไร้ขอบเขต เท่ากับขี่ม้าได้ไม่ใช่หรือ” แม่เ้า คนบ้านหลินรู้เื่นี้ เขาย่อมรู้เื่ด้วยเป็แน่ แต่นี่เขากลับใช้ชีวิตเป็สามีภรรยากับหลินซย่าจื้ออย่างมีความสุข… ขี้ขลาดจนไร้ทางช่วยเสียแล้ว…