วันรุ่งขึ้น เป็วันที่ต้องไปที่โรงเรียนเพื่อกรอกใบเลือกอันดับมหาวิทยาลัย หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ สวี่ฮุ่ยจึงรีบไปที่โรงเรียนทันที
เธอกรอกชื่อ ‘มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์โหย่วเหอ สาขาอายุรศาสตร์’ ลงไปเป็อันดับแรกโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด
ชาติที่แล้วกู่ซิ่วมักจะตำหนิว่าสวี่ฮุ่ยแย่งสารอาหารของสวี่เยว่ตอนอยู่ในครรภ์ เพราะร่างกายของสวี่เยว่ไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้สวี่ฮุ่ยรู้สึกผิดอยู่เสมอ
สมัยเรียนมัธยมต้น เธอเลยแอบไปเรียนแพทย์กับชายวัยกลางคนแปลก ๆ คนหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญวิชาการแพทย์ เธอหวังว่าจะสามารถรักษาอาการป่วยของสวี่เยว่ได้
แต่หลังจากเรียนได้ไม่กี่ปี ชายคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนจากไป เขาได้ทิ้งตำราแพทย์ไว้ให้เธอกองหนึ่ง
หลายครั้งเธอเอาแต่นึกว่าหากชาติที่แล้วเธอมีประสบการณ์ทางการแพทย์มากกว่านี้ บางทีเธออาจจะสามารถช่วย…
ชาตินี้เธออยากเรียนแพทย์ ไม่ใช่เพื่อยัยน้องสาวชั่วช้าอย่างสวี่เยว่อีกต่อไป แต่เพื่อรักษาชีวิตผู้คน และที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อ…เขาคนนั้นในชาติก่อนหลังจากกรอกใบสมัครเรียบร้อยแล้ว สวี่ฮุ่ยก็ขึ้นรถไปที่ตัวอำเภอทันที
อำนาจทางการเงินของครอบครัวอยู่ในกำมือกู่ซิ่วกู่ซิ่ว ซึ่งกู่กู่ซิ่วไม่มีทางให้เงินเธอไปเรียนหนังสือแน่
ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะมีเงินช่วยเหลือนักศึกษาอยู่บ้าง แต่มันก็ยังไม่พอค่าใช้จ่าย แล้วไหนยังต้องจ่ายค่าเล่าเรียนอีก
ดังนั้นเธอต้องอาศัยเวลา่ก่อนเปิดภาคเรียนหาเงินค่าเล่าเรียนปีแรกและค่าครองชีพใน่สองเดือนแรกให้ได้
เธอเคยได้ยินมาว่าค่าเล่าเรียนปีแรกของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์โหย่วเหอเท่ากับ 58 หยวน ส่วนค่าครองชีพต่อเดือนคือ 15 หยวน
หากอิงตามมาตรฐานนี้ เธอคงต้องหาเงินมากกว่า 80 หยวนใน่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนสองเดือนให้ได้ เพราะฉะนั้นเธอต้องไปหางานทำในตัวอำเภอ
โชคดีที่ชาติที่แล้วเธอเคยทำงานพิเศษมาบ้าง เธอจึงมีทั้งช่องทางและประสบการณ์
จากตำบลเถาฮวาไปยังตัวอำเภอใช้เวลาไม่นาน เพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
สวี่ฮุ่ยลงจากรถปุ๊บ เธอก็ตรงไปยังสถานีรถไฟทันที
ใกล้ ๆ สถานีรถไฟมีร้านบะหมี่ปลาไหลชื่อ ‘ห่าวไจ้ไหล’ อยู่เ้าหนึ่ง ชาติที่แล้วขอเพียงแค่ปิดเทอม สวี่ฮุ่ยก็จะจับปลาไหลมาขายที่นี่ตลอด
เ้าของร้านบะหมี่แซ่จาง เขากำลังต่อรองราคากับลุงขายปลาไหลคนหนึ่งอยู่
สวี่ฮุ่ยตรงเข้าไปทักทายเขา “คุณลุงจาง”
เถ้าแก่จางก็เอ่ยถามอย่างเป็มิตร “อยากขายปลาไหลให้ฉันเหรอ?”สวี่ฮุ่ยส่งเสียง ‘อืม’ เบาๆ
เถ้าแก่จางพยักหน้า “ได้ งั้นก็ตามระเบียบเดิม ราคาชั่งละสามเหมา วันละสิบชั่ง เธอเริ่มส่งของพรุ่งนี้เลยนะ”
ในหนึ่งวันขายปลาไหลสิบชั่งขายได้เงินสามหยวน หลังจากหักค่ารถและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วก็จะเหลือเงินเก็บประมาณร้อยกว่าหยวนภายในสองเดือน
พอมีเงิน ใครก็ห้ามเธอไปเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ มุมปากของสวี่ฮุ่ยก็ยกสูงขึ้น
เธอกำลังจะหันหลังกลับไป ก็เห็นภรรยาของเถ้าแก่กำลังเด็ดผักโขมปวยเล้งอยู่เสียก่อน
สวี่ฮุ่ยนึกถึงสิ่งที่ได้อ่านในตำราแพทย์เมื่อชาติที่แล้วโดยอัตโนมัติ
‘ปลาไหลมีฤทธิ์หวานและอบอุ่น ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมพลังชี่ ขจัดความเย็นในร่างกาย ส่วนผักโขมมีรสชาติหวานและเย็น ลดพลังชี่ มีสรรพคุณในการให้ความชุ่มชื้น ดังนั้นหากนำผักโขมปวยเล้งไปทำอาหารกับปลาไหลคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก’
สวี่ฮุ่ยรีบกล่าวกับภรรยาเถ้าแก่ว่า “คุณป้าคะ ผักโขมปวยเล้งกับปลาไหลกินด้วยกันไม่ได้นะคะ มันจะทำให้ท้องเสียอย่างรุนแรง”
ภรรยาเถ้าแก่ประหลาดใจมาก “จริงเหรอ? มิน่าล่ะถึงมีลูกค้ามาร้องเรียนว่าร้านเราทำความสะอาดวัตถุดิบได้ไม่ดี พอกินแล้วท้องเสีย ที่แท้ไม่ใช่เพราะพวกเราล้างวัตถุดิบไม่สะอาด แต่เป็เพราะจับคู่วัตถุดิบไม่ถูกนี่เอง งั้นเราควรเอาผักอะไรไปทำคู่กับปลาไหลดีล่ะ?”
“ผักโขมจีนหรือแตงกวาก็ได้ค่ะ”
เมื่อสวี่ฮุ่ยกลับมาถึงบ้านพักพนักงาน สวี่เยว่ก็เดินออกมาจากบ้าน
ตัวยังไม่ทันเดินมาถึงก็ตะเบ็งเสียงเอ่ยว่า “พี่คะ พี่สอบมหาลัยไม่ติดพี่ก็ไม่ควรกรอกใบเลือกคณะส่งเดชสิคะ พี่ทำแบบนี้พ่อคงโกรธน่าดู”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้