“แบบสองลานอยู่ที่ตรอกทางทิศใต้ ท่านทั้งสองจะเรียกรถหรือเดินไปขอรับ” คนกลางถาม
หลินหวั่นชิวได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าบ้านอีกแห่งอยู่ค่อนข้างไกล
“เรียกรถไปเถิด” หลินหวั่นชิวพูด นางอยากรีบจัดการให้เสร็จ ไม่มีเวลามามัวชักช้า
ถึงพวกนางจะมีรถล่อเป็ของตัวเอง แต่มันจอดอยู่ที่โรงเตี๊ยม หากย้อนกลับไปเอาก็คงเดินถึงที่หมายแล้ว
“ได้ขอรับ” คนกลางช่วยไปเรียกรถม้าให้ที่ท้ายตรอก เจียงหงหย่วนประคองหลินหวั่นชิวขึ้นรถแล้วตามเข้าไปนั่งด้วยกัน
คนกลางนั่งด้านนอกด้วยกันกับคนขับ และคอยบอกที่อยู่ให้คนขับทราบ
สำหรับบุรุษที่คอยจ้องหาโอกาสลวนลามนางอยู่ตลอด หลินหวั่นชิวเลิกคิดจะรักษาอาการของเขาเสียแล้ว เ้าหมอนี่ ด้านนอกมีคนอยู่นะ ยังจะกล้าลวนลามเช่นนี้อีก!
ตอนประคองนางขึ้นรถเขาััโดนหน้าอกของนาง แล้วยังจะมาทำท่าทีเหมือนไม่ตั้งใจอีก
พอรถม้าเคลื่อนตัวก็สบโอกาสััหน้าอกของนางอีกครั้ง
เขาราวกับหมาป่าหิวโหยอย่างไรอย่างนั้น
หลินหวั่นชิวขยับก้นถอยห่างจากเขา แต่เปล่าประโยชน์ บุรุษบึกบึนขยับตามมาทันที
โชคดีที่รถม้าออกวิ่งไม่นานก็หยุดลง ไม่เช่นนั้น…นางรู้สึกจริงๆ ว่าเขากล้าััตัวนางมากกว่านี้บนรถม้า
ถนนที่ตรอกทางใต้กว้างกว่าตรอกถงหลัวมาก รถม้าสองคันเคลื่อนผ่านได้แบบไม่มีปัญหาใด บ้านสองลานที่คนกลางแนะนำก็อยู่ห่างจากถนนไม่ไกล ทำเลดีมากเช่นกัน
“เมื่อก่อนหน้าร้านสองห้องนี้ขายตำราและเครื่องเขียน ลูกค้ามีแต่คนเรียนหนังสือ เดิมทีเ้าของบ้านให้หลานชายตัวเองมาใช้บ้านหลังนี้ ร้านตำราก็เป็กิจการของหลายชายเขาเช่นกัน แต่ปีนี้ทั้งสองครอบครัวเกิดแตกคอกัน เ้าของบ้านจึงยึดบ้านและหน้าร้านกลับคืน”
หน้าร้านสองห้องใหญ่ประมาณสามสิบกว่าตารางเมตร เดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาจะเจอกำแพงภาพที่สลักคำว่าฝู[1] ผ่านกำแพงเข้าไปด้านในจะเจอกับสวนเล็กๆ ภายในสวนปลูกต้นจำปีเหลืองสองต้นกับดอกเหมยเหลืองสองต้น ตรงกลางเป็เรือนประธานสามห้อง เรือนข้างขนาบซ้ายขวาสองห้อง ลานชั้นที่สองด้านหลังมีอีกสี่ห้อง
ที่หายากที่สุดคือ ข้างห้องด้านหลังมีโรงเลี้ยงสัตว์ มีที่ให้เลี้ยงล่อแล้ว
ถึงจะขนาดไม่เท่าที่ในชนบทแต่ก็ใหญ่กว่าบ้านแบบหนึ่งลานที่ไปดูมาก่อนหน้านี้ กระนั้นหลินหวั่นชิวก็ยังรู้สึกว่าบ้านแบบสองลานหลังนี้ก็ยังเล็กกระทัดรัดอยู่ดี
แต่ดีที่มีจำนวนห้องเยอะ
หลินหวั่นชิวค่อนข้างพึงพอใจ
“ปีละสี่สิบตำลึงยังแพงไปหน่อย อำเภอเฉาไม่ใช่อำเภอใหญ่ ห่างไกลความเจริญเช่นนี้…ค่าเช่าบ้านแพงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน” ดูเสร็จก็คุยราคา เหมาะสมก็เช่า ไม่เหมาะสมก็ไม่เอา
ค่าเช่าแพงขนาดนี้สู้เก็บเงินสองเดือนซื้อบ้านไปเลยเสียดีกว่า
“ไท่ไท่อยากได้จากใจจริงหรือไม่ขอรับ? ถ้าอยากได้จากใจจริง เ้าของบ้านก็พอลดราคาให้ได้”
“ก็ต้องอยากได้จากใจจริงอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย?” เจียงหงหย่วนไม่พอใจเล็กน้อย ภรรยาตัวน้อยอุตส่าห์ถามแต่ยังจะยกข้ออ้างต่างๆ มาพูด
เขาหน้าตาน่ากลัว น้ำเสียงของเขาทำให้คนกลางใสะดุ้ง แต่คิดว่าอีกฝ่ายเป็คนที่เหลียงเหยียแนะนำมาจึงไม่กล้าล่วงเกิน รีบขอโทษว่า “ข้าน้อยพูดจุกจิกเอง ไท่ไท่ เ้าของบ้านลดราคาให้ได้ต่ำสุดที่ปีละสามสิบแปดตำลึงขอรับ”
สามสิบแปดตำลึง ราคานี้หลินหวั่นชิวรับได้ อันที่จริงลองคิดดูแล้วก็ค่อนข้างถูก บ้านหลังใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังมีหน้าร้านสองห้อง!
นางส่งเจียงหงหย่วนไปทำสัญญากับคนกลาง ส่วนนางไปเดินสอดส่องดูรอบบ้านให้ทั่ว
ห้องด้านหลังยังพอจะมีเครื่องเรือนอยู่ แต่ส่วนใหญ่ผุพังหมดแล้ว ส่วนห้องเก็บของก็มีของรกรุงรังไปเสียหมด
หลินหวั่นชิวไม่สนใจของพวกนี้แม้แต่น้อย นางเดินออกไปเรียกคนแบกหามเข้ามาสองคน จ่ายเงินพวกเขาคนละหนึ่งพวง ให้พวกเขาช่วยยกของผุพังพวกนี้ออกไปทิ้ง
หลินหวั่นชิวไม่สนใจของพวกนี้ แต่คนแบกหามกลับสนใจ ในนี้อาจยังมีของที่ยังใช้ได้หลายอย่าง
ต่อให้ไม่จ่ายค่าแรงพวกเขาย่อมเต็มใจทำ
คนแบกหามสองคนได้เงินแล้วยิ่งทำงานอย่างขยันขันแข็ง คิดในใจว่าวันหน้าหลินหวั่นชิวจะย้ายมาอยู่ที่นี่ก็อยากเอาใจ หากอนาคตมีงานกระไรอีกจะได้เรียกใช้พวกเขา ด้วยเหตุนี้ พวกเขาขนของออกไปเสร็จแล้วจึงกลับมาช่วยหลินหวั่นชิวทำความสะอาด
ช่วยให้หลินหวั่นชิวเหนื่อยน้อยลงมาก
นางคิดว่าในเมื่อเช่าบ้านหลังนี้ไปแล้ว เช่นนั้นพวกนางทั้งครอบครัวย้ายมาอยู่ในอำเภอย่อมได้ บ้านที่ชนบทสร้างเสร็จเมื่อไรค่อยกลับ
ไม่นาน เจียงหงหย่วนก็กลับมาพร้อมกับรถล่อ
“เ้าเก็บสัญญาเช่าไว้” เจียงหงหย่วนยื่นสัญญาแผ่นหนึ่งให้หลินหวั่นชิว นางเปิดออกดู รายละเอียดในสัญญาระบุชัดเจนมาก ทั้งยังได้รับการรับรองจากที่ว่าการอำเภอ เห็นได้ว่าเจียงหงหย่วนเป็คนทำงานรอบคอบ
ปกติเวลาชาวบ้านเช่าซื้อที่ดินจะไม่อยากเสียเงินไปทำสัญญาทางการที่ที่ว่าการอำเภอ แต่จะเลือกทำสัญญากันเอง สัญญาแบบส่วนตัวไม่ต้องเสียเงินแต่จะไม่รับประกันความเสี่ยง หากทำสัญญาหายก็ถือว่าไม่นับ
ผิดกับสัญญาทางการที่ถึงจะทำหายก็ยังมีสำรองอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอ
ตอนเจียงหงหย่วนบอกว่าจะไปทำสัญญาที่ที่ว่าการอำเภอ เ้าของบ้านแปลกใจมาก แต่เมื่อเขาบอกว่าจะจ่ายค่าทำสัญญาเอง เ้าของบ้านก็ไม่พูดกระไรอีก ยินดีตามเขาไปที่ว่าการอำเภอ
“ท่านกลับมาพอดี พวกเราออกไปซื้อเครื่องเรือนเก่ากันเถิด” หลินหวั่นชิวพูดขึ้นหลังจากที่ดูรอบบ้านเป็เพื่อนเจียงหงหย่วนอีกรอบ
“ได้” เจียงหงหย่วนตอบตกลง ประคองหลินหวั่นชิวขึ้นรถล่อ ยิ่งนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในรถม้าก่อนหน้านี้ ความคิดที่อยากซื้อคนขับรถก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ตลาดตะวันตกมีของเก่าทุกรูปแบบขาย รวมถึงคนและสัตว์
มาถึงที่หมาย เจียงหงหย่วนจอดรถล่อไว้ด้านนอกร้านแห่งหนึ่ง มีพนักงานช่วยดูแลให้ ทั้งคู่เดินตามพนักงานอีกคนเข้าไปเลือกเครื่องเรือนเก่า
เครื่องเรือนเก่าที่ตั้งอยู่ด้านนอกดูไม่ต่างกระไรกับพวกที่หลินหวั่นชิวโยนทิ้งไป นางไม่ถูกใจสักชิ้น
พนักงานเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แต่งตัวเหมือนคนมีเงินแต่ก็ไม่ได้ดูถูก นั่นเพราะรูปลักษณ์ของเจียงหงหย่วนน่ากลัว เขาไม่กล้าดูถูก
พนักงานพาทั้งคู่เดินเข้าด้านใน ด้านในมีของสภาพดี เป็ของที่ครอบครัวร่ำรวยตกอับขายทั้งนั้น
หลินหวั่นชิวพึงพอใจกับเครื่องเรือนพวกนี้มาก ถึงจะบอกว่าเป็เครื่องเรือนเก่าแต่ก็ทำจากไม้เนื้อดี เคลือบเงาอย่างดี ทั้งยังมันวาวเพราะใช้มานานแล้ว
ให้ทั้งความรู้สึกล้ำค่าและสวยหรู
เครื่องเรือนหลายชิ้นแกะสลักอย่างสวยงาม บางชิ้นประดับด้วยทองคำและเงิน
เชิงอรรถ
[1] ฝู(福) หมายถึง ความสุข โชคลาภ ความเป็สิริมงคล
