ฝันร้าย ในฝันนั้นข้ากำลังเผชิญหน้ากับความกลัวที่อยู่ลึกลงไปภายใต้จิตใจส่วนพวกเขาหรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือพวกมันนั่นเอง
ความเ็ปที่ไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้ ราวกับเปลวไฟที่ไหลลามไปเส้นเืและแผดเผาทั่วทั้งร่างซึ่งเป็เื่ยากที่คนธรรมดาจะทานทนได้
หลังจากนั้นร่างกายก็เหนื่อยล้าอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เสียงที่ดังขึ้นทำให้รู้ว่ามีคนกำลังคุยกันอยู่ด้านนอก
“ปราณิญญาถูกเผาไหม้”เป็เสียงของปู่เก้า หนึ่งในบุคคลที่ผู้คนในเมืองให้ความเคารพนับถือแต่ก็เป็ที่เล่าลือว่าเขาเป็เพียงเทพปลอมๆ ที่สามารถทำนายอนาคตก็ได้เท่านั้น
ไม่นานเขาก็พูดต่อ“ในตัวเ้าเด็กนี่ไม่มีพลังิญญาเลยแม้แต่นิดเดียวสิ่งที่เคยบำเพ็ญมาก่อนหน้ามันได้สลายหายได้หมดแล้ว”
ท่านพ่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ“ไม่มีทางแก้มันเลยอย่างงั้นหรือ? ถ้า...หากว่าปราณิญญาไม่ฟื้นกลับมาอีกครั้งข้ากลัวว่าชีวิตของเขาต่อจากนี้ไปก็คงไม่ต่างจากพวกไร้น้ำยา”
“ข้าเองก็ไร้ซึ่งหนทางเหมือนกัน”ลุงเก้าลุกจากเก้าอี้ที่เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดก่อนจะพูดปลอบประโลมผู้เป็พ่อ“ท่านลุงปู้ ถึงแม้ว่าปราณิญญาจะสลายไปแล้วก็จริงแต่ท่านก็ยังสามารถหางานที่ไม่ต้องใช้พลังให้กับเขาได้ อย่างการเป็อาจารย์ยาอาจารย์อาวุธ เสี่ยวเชวียนเป็เด็กแข็งแกร่งข้าเชื่อว่าเขาจะต้องผ่านมันไปได้...ข้าขอตัวก่อนละกัน ท่านก็อย่าเป็กังวลไปเลย”
“ให้คนไปส่งท่านปู่เก้า”
“ขอรับ นายท่าน”
ท่านพ่อออกคำสั่งและคนที่ขานรับก็คือลุงฝู
ข้าพยายามที่จะลืมตาขึ้นทั่วทั้งร่างสั่นเทาราวกับว่าต้องมนต์สะกดของปีศาจร้ายที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างท่านพ่อกับลุงฝูแม้อยากจะลืมตาสักเพียงใด แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งยากที่ยกขึ้นได้
ผ่านไปไม่กี่นาทีลุงฝูก็กลับมา “นายท่านคุณหนูใหญ่กลับมาแล้วขอรับ!”
“ฮะ เสวียนยินกลับมาแล้วงั้นหรือ?”
ท่านพ่อถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดีอกดีใจข้าเองก็เช่นกันที่พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มี จนสุดท้ายก็สามารถลืมตาขึ้นได้พอเปลือกตาเปิดออกก็เจอกับหน้าแก่ๆ ของลุงฝูที่กำลังยิ้มจนหน้าบาน “นายท่านนายน้อยตื่นแล้วขอรับ!”
“เสี่ยวเชวียนเ้านอนพักผ่อนเอาแรงซะก่อน อย่าเพิ่งรีบขยับ”
ข้ารับรู้ถึงความเ็ปที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายปลุกปราณิญญา์ที่ติดตัวข้ามาั้แ่หกขวบมันก็หายไปแล้ว...มันเป็เหมือนกับกองไฟที่เผาไหม้ั้แ่เส้นลมปราณแล้วลุกลามไปจนหมด
“ข้าหลับไปนานเท่าไร...”หลังจากที่ตื่นมาและได้สูดอากาศเย็นๆ เข้าปอดแล้ว ข้าก็ถามขึ้นเป็ประโยคแรก
“เจ็ดวัน”ใบหน้าของท่านพ่อบ่งบอกถึงความสงสาร
...
และในเวลานี้ลมก็พัดพากลิ่นหอมรัญจวนเข้ามา
พี่เสวียนยินกลับมาแล้ว นางสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในและผ้าคลุมด้านนอกพันคอด้วยผ้าสีแดงเข้มสายตาคู่นั้นกำลังมองมาที่ข้าด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความเป็ห่วงและใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ปู้เสวียนยินเดิมเป็ลูกพี่ลูกน้องของข้า แต่เป็เพราะพี่เสวียนยินถูกพ่อผู้ให้กำเนิดทอดทิ้งไปั้แ่ยังเด็กทำให้ท่านพ่อเอานางมาเลี้ยงจนโต และมันก็ทำให้ข้าเห็นนางไม่ต่างไปจากพี่สาวแท้ๆ
“เสี่ยวเชวียน!”
ดวงตาคู่ใสมีน้ำตาคลอขึ้นมาเต็มเบ้านางนั่งลงและกุมมือของข้าเอาไว้ด้วยความอบอุ่น“ทำไมถึงเป็แบบนี้ไปได้?ทำไมถึง...”
“ท่านพี่...ซูซีอวี๋เป็คนที่ท่านแนะนำมาไม่ใช่หรือไง?”ข้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็แบบนี้ไปได้...”ปู้เสวียนยินเม้มริมฝีปากแดงแล้วพูดขึ้นต่อ “มันจะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆไม่งั้นคงไม่กลายเป็แบบนี้...”
พอได้เห็นดวงตาแดงก่ำคู่นั้นแล้วข้าก็หัวเราะออกมาและพูดด้วยน้ำเสียที่อ่อนแรงกว่าปกติ “พี่เสวียนยินท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกข้าไม่ได้เป็อะไรสักหน่อย”
“เ้าเด็กนี่จะไม่ให้ข้ากังวลได้ยังไง!”
ปู้เสวียนยินเกือบจะร้องไห้ออกมาก่อนจะหันไปคุยกับผู้เป็พ่อ “ท่านพ่อ พอข้าได้ยินก็รีบกลับมาทันทีแต่ว่าสภาพของเสี่ยวเชวียนตอนนี้มันแปลกจริงๆ เพราะข้าเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันท่านใจเย็นลงก่อน ข้าเชื่อว่าจะต้องมีทางรักษาอย่างแน่นอนเสี่ยวเชวียนมีพร์ที่โดดเด่นและยากที่จะพบเจอ จะต้องมีทางรักษาแน่ๆ”
ผู้เป็พ่อพยักหน้าแล้วพูดขึ้น“เสวียนยิน เ้านั่งคุยเป็เพื่อนเสี่ยวเชวียนก่อนอาฝูพวกเราไปเตรียมข้าวเย็นกันเถอะ เสวียนยินกลับมาแล้วต้องเพิ่มกับข้าวขึ้นอีก”
“ขอรับ นายท่าน”
...
“เสี่ยวเชวียนเ้าโทษข้าหรือเปล่า?” ปู้เสวียนยินที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้นด้วยดวงตาที่แดงเล็กน้อย
“ไม่หรอกท่านอย่าตำหนิตัวเองไปเลย” ข้าพูดพลางนึกย้อนภาพเหตุการณ์วันนั้น ก่อนจะพูดต่อว่า“แต่ข้าเองก็รู้สึกแปลกๆ ขณะที่กำลังรับยาปลุกพลังอยู่นั้นข้าก็เห็นเงาปรากฏท่ามกลางแสงสีส้ม และก็เห็นตัวเองเช่นกันหลังจากนั้นก็กลายเป็อย่างที่เ้าเห็นร่างกายและพลังของข้าเหมือนโดนสะกดด้วยอานุภาพของพลังบางอย่าง เส้นเืถูกแผดเผาปราณิญญาก็หายไปแล้วเช่นกัน”
ปู้เสวียนยินขมวดคิ้วเล็กๆก่อนจะถามขึ้นต่อ “แค่นี้เองหรือ? แล้วคนที่เ้าเห็นนั่นหน้าตาเป็ยังไง?”
“เป็คนแปลกๆถูกโซ่ทองแดงล่ามไว้บนเสาหิน มีเปลวไฟที่ลุกโชนแผดเผาแต่กลับไม่ตายข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมองภาพที่อยู่ในระยะไกลได้อย่างชัดเจนขนาดนี้”
“อืม ข้าได้ยินแล้ว...”ปู้เสวียนยินเงียบไปครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“และก็มีเื่หนึ่งที่มันแปลกๆ”
“ว่ามา”
“เทพศาสตราซูซีอวี๋นั้นดูเด็กกว่าที่ข้าคิดไว้มากอายุอย่างมากก็ไม่น่าจะเกินยี่สิบ ไม่เหมือนเทพศาสตราที่อายุสามสิบเลยสักนิดมันอาจจะมีอะไรแฝงอยู่ หรือว่าคนคนนั้นอาจไม่ใช่ซูซีอวี๋ั้แ่แรก?”
“เื่นี้...”
ปู้เสวียนยินกะพริบตาถี่ๆ เหมือนกับว่าคิดอะไรออก“ไม่รู้ว่าเย็นวันนี้ท่านพ่อกับลุงฝูจะทำอะไรอร่อยๆ ให้ข้ากินกันนะ!”
ข้าพูดทักท้วงขึ้นอย่างจนปัญญา“ท่านอย่าเปลี่ยนเื่ดื้อๆ แบบนี้สิ เทพศาสตราหญิงคนนั้นเป็ใครกันแน่?”
“เป็คนมีที่ไปที่มาคนหนึ่ง”
พี่เสวีนยินปัดไม้ปัดมือแล้วพูดขึ้น“เสี่ยวเชวียน ตอนนี้เ้าอย่าเพิ่งซักไซ้เื่นี้เลยพี่สาวคนนี้รู้ดีว่าจะต้องจัดการกับเื่นี้ยังไงเื่ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเื่รักษาปราณพลังของเ้าที่หายไปส่วนประเด็นปัญหาว่าคนที่เ้าเห็นในแสงสีส้มนั่นเป็ใคร ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ข้าพยักหน้าก่อนจะชายตาลงมองฝ่ามือตัวเองปราณฟ้าดินทั้งสามได้ร่วงโรยลงไปและนั่นก็หมายความว่าข้าจะไม่สามารถใช้พลังิญญาได้อีกแล้ว
“อย่ากังวลไปเลยเื่พลังที่หายไป ข้าจะช่วยเ้านำกลับมาเอง”ปู้เสวียนยินที่ดูออกว่าข้ากำลังจิตตกพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มแล้วพูดต่อ “เสี่ยวเชวียนไหนๆ เื่มันก็เป็แบบนี้แล้ว ข้ามีข้อเสนอมาให้ เ้ายินดีจะรับฟังหรือเปล่า?”
“ท่านว่ามาสิ”
“ข้าว่าเ้าตามข้าไปที่สำนักหมื่นิญญาในเมืองหลินเสี่ยเฉิงไม่ดีกว่าหรือไง? ที่นั่นมีิญญาพิเศษอยู่ไม่น้อย บางทีอาจจะช่วยรักษาเ้าได้บ้างและอีกอย่างตอนนี้ข้าก็เป็ถึงรองเ้าสำนักสามารถใช้เส้นสายเพื่อให้เ้าได้เข้าไปเป็ศิษย์ใหม่ได้เลย”
“หืม?”
ข้าหรี่ตาลงแล้วถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม“พี่เสวียนยินข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ท่านเป็หนึ่งในเทพศาสตราหญิงทั้งสามสิบสามคนแล้วใช่ไหม?”
เทพศาสตราคือบุคคลในอาณาบริเวณของหลงหลิงและทั่วแคว้นแดนไกลที่มีวรยุทธ์สูงส่งเพียงสามสิบสามท่านแห่งเทพศาสตราซึ่งแต่ละท่านต่างก็ใช้พลังเรียกลมเรียกฝนได้เช่นกัน
“ใช่”
ปู้เสวียนยินตอบกลับโดยไม่ได้หลบสายตาก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง“เพราะฉะนั้นแค่เ้าตามข้ากลับไปที่สำนักหมื่นิญญาข้าก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พลังของเ้ากลับคืนมาหรืออาจจะถึงขั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“แต่เท่าที่ข้าได้ยินมาคนที่จะเป็ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาได้จะต้องปลุกพลัง์เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ท่านดูข้าตอนนี้สิไม่เพียงปลุกพลัง์ไม่ได้พลังเดิมที่เคยมีอยู่ก็หายไปด้วย”
นางพูดปลอบอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็ไรหรอกน่า ก็บอกแล้วไงว่าข้าเป็ถึงรองเ้าสำนัก มีตำแหน่งอยู่บ้างในนั้นเ้ายังจะกังวลอะไรอีก?”
“ถ้าอย่างงั้น...ท่านคิดจะทำยังไงต่อไป?”
“ยังไม่ได้คิด”ปู้เสวียนยินลุกขึ้นยืนแล้วปลดผ้าพันคอออกเผยให้เห็นสัดส่วนที่เข้ารูปนางหรี่ตามองข้าพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเกิดพูดถึงเื่ที่ต้องวางแผนละก็ตอนนี้ข้าเป็เทพศาสตราหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพหลงหลิงแล้วและก็หวังว่าเ้าจะรีบฟื้นคืนพลังกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมาเป็ตัวถ่วงให้กับข้า เ้าว่าไง?”
ข้าลุกขึ้นนั่งด้วยดวงตาที่แวววาว “ฟังๆดูแล้วมันก็ไม่เลว แต่ตอนนี้ข้าปวดฉี่แล้วล่ะ”
ปู้เสวียนยินหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ“ไป เดี๋ยวข้าช่วยพยุง”
“...”
...
“เ้าจะให้เสี่ยวเชวียนกลับไปที่สำนักหมื่นิญญาด้วยงั้นหรือ?”
หลังจากที่ทานอาหารค่ำเสร็จท่านพ่อก็เอายาเส้นออกมาสูบพร้อมกับถามขึ้นด้วยความกังวลคิ้วทั้งสองขมวดเป็ปมเพราะการที่ส่งข้าไปยังสำนักหมื่นิญญาก็เท่ากลับว่าต้องห่างบ้านสู่แดนไกลกว่าร้อยลี้จะกลับบ้านครั้งหนึ่งก็ไม่ใช่เื่ง่าย
ปู้เสวียนยินลุกขึ้นแล้วนวดไหล่ให้ผู้เป็พ่อแล้วว่าพลางยิ้ม“ท่านพ่อ ในเมื่อเสี่ยวเชวียนได้เสียปราณิญญาไปแล้วถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ต่อก็จะต้องโดนคนต่ำต้อยพวกนั้นเหยียดหยามให้กลับสำนักหมื่นิญญาไปกับข้าไม่ดีกว่าหรือ?”
ข้าพูดขึ้น“ไปให้คนสำนักหมื่นิญญาเหยียดหยาม...”
“นี่ เ้าก็อย่าพูดมาก...”
พี่สาวที่เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนกลับมาวันนี้ก็กลายเป็สาวรูปงามที่ร่างกายเติบโตท่าทางร่าเริงและรอยยิ้มเผยให้เห็นบนใบหน้าที่งดงามหลายอารมณ์และนางก็โน้มน้าวท่านพ่อต่อ “มีข้าดูแลอยู่ทั้งคนอย่างน้อยตอนอยู่ที่นั่นเสี่ยวเชวียนก็จะไม่ถูกรังแกสำนักหมื่นิญญาได้ชื่อว่าเป็หนึ่งในสำนักวิทยายุทธ์ใหญ่ของแผ่นดินมีทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายให้เลือกสรร ซึ่งเมืองเหยินเย่เฉิงไม่มีทางเปรียบได้หรือว่าท่านพ่ออยากจะให้เสี่ยวเชวียนอยู่ในเมืองเล็กๆ นี่ไปตลอดชีวิตงั้นหรือ?”
ท่านพ่อยังคงคิ้วขมวดแล้วพูดขึ้น “เอาอย่างงั้นก็ได้พวกเ้าสองพี่น้องอยู่ด้วยกันข้าก็สบายใจขึ้นมาหน่อยแต่ว่า...จะต้องกลับมาบ้านบ่อยๆอย่าเป็เหมือนเ้าที่พอออกบ้านไปก็ไร้ข่าวคราวตั้งหลายปี”
“ข้ารู้แล้วน่า ขอบคุณนะท่านพ่อ!”
สำนักหมื่นิญญาที่ยิ่งใหญ่และดีที่สุดในแถบยุทธภพทางเหนือตามคำเล่าลือบอกว่า ที่สำนักแห่งนี้จะรับศิษย์ที่มีความสามารถเพียงไม่กี่คนรวมถึงผู้สืบทอดอำนาจทั้งหลายด้วยที่นี่จึงเป็เหมือนสำนักที่รวบรวมผู้ดีที่เก่งกล้าสามารถมาไว้ด้วยกันอย่างที่พี่เสวียนยินพูดเอาไว้ว่าการได้เข้าไปศิษย์ในสำนักเดิมก็ถือเป็เกียรติอันสูงส่งอยู่แล้วและยิ่งเป็ศิษย์ที่พิเศษอย่างข้าอีกต่างหาก
...
ผ่านไปหลายวันร่างกายของข้าก็เริ่มลุกขึ้นมาเดินได้แล้วก็ได้ลองใช้เพลงหมัดหนึ่งกระบวนท่า แต่เป็เพราะไม่สามารถใช้พลัง์ได้ทำให้มันเป็เพียงกระบวนท่าที่สวยงามแต่ไร้ซึ่งพลังอำนาจใดๆ
“ดูเหมือนก็มีพละกำลังไม่เบานี่!”
พี่เสวียนยินที่เดินมาบนทางเท้าปรบมือแบบไร้ความจริงใจแล้วยิ้มออกมา“ถ้าอย่างนั้นข้าก็วางใจแล้วล่ะ ข้าเตรียมรถเรียบร้อยแล้วตอนบ่ายก็จะออกเดินทาง”
“ฮะ? รีบขนาดนั้นเลยหรือ?”
“อื้มมีเื่ในสำนักที่รอให้ข้าไปจัดการอีกตั้งเยอะ!”
“ก็ได้”
และในเวลานี้เองท่านพ่อก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับห่อผ้าในมือ“เสวียนยินนี่เป็เงินที่ข้าเอาเหล็กไปแลกมาประมาณห้าหมื่นกว่าถือเป็ค่าเล่าเรียนกับค่ากินค่าอยู่ของเสี่ยวเชวียนแล้วกัน”
“ไม่ต้อง”
ปู้เสวียนยินรีบยัดเงินนั่นกลับเข้าไปในกระเป๋าของท่านพ่อแล้วพูดขึ้น“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างของเสี่ยวเชวียนในเมืองหลินเสี่ยเฉิงข้าจะเป็คนจัดการเองท่านเก็บเงินพวกนี้ไว้ใช้เถอะ”
“ไม่ต้องจริงๆ หรือ?” ท่านพ่อถามด้วยความงงงวย
“ไม่ต้องจริงๆพอทานข้าวเที่ยงเสร็จข้าก็จะพาเสี่ยวเชวียนออกเดินทาง ท่านพ่อรักษาสุขภาพด้วยล่ะพวกเราจะกลับมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ แน่นอน”
“อืม”
ท่านพ่อดูซึมไปเล็กน้อยสุดท้ายแล้วชะตาที่ถูกกำหนดไว้มันก็มาถึง ลูกๆทั้งสองอย่างไรก็ต้องจากบ้านไปไกลเพื่อไปฝึกฝนตัวเองอยู่ดี
...
ในตอนบ่ายรถเหล็กสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่หน้าบ้านตระกูลปู้มันเป็ยานพาหนะของพี่เสวียนยินนั่นเอง ของสิ่งนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาก่อนเดี๋ยวนี้ทางสหพันธ์หลงหลิงต่างก็ดัดแปลงรถม้าที่ใช้ออกรบล่าสัตว์มาเป็รถเหล็กไฟฟ้าและรถแบบนี้ก็เป็หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์จากช่างกลของสหพันธ์ ถึงแม้มันจะดูแปลกๆแต่ก็เร็วกว่ากำลังคนอย่างแน่นอน
“ขึ้นรถ”
ปู้เสวียนยินขึ้นไปก่อนจะเรียกข้าขึ้นไปนั่งข้างๆที่เบาะหลัง ส่วนคนขับที่อยู่เบาะหน้าก็ถามด้วยความเคารพ “ท่านรองเ้าสำนักออกเดินทางเลยไหมขอรับ?”
“อื้ม ไปเลย”
“ขอรับ!”
เมื่อหันหลังกลับไปมองร่างของท่านพ่อกับลุงฝูที่ไกลออกไปทุกทีข้าก็รู้สึกใจหายวาบเมื่อก่อนมักจะวาดฝันว่าได้จากบ้านออกไปผจญโลกภายนอกแต่พออยู่ในสภาพที่สูญเสียพลังเหมือนคนไร้ความสามารถแถมต้องจากบ้านไปรับเสียงหัวเราะเย้ยหยันและการต่อสู้แบบนี้มันช่างสวนทางกับสิ่งที่ข้าเคยวาดฝันเอาไว้ซะเหลือเกิน