หลังจากที่นารินคลอดน้องดาวออกมา ไม่กี่วันเธอก็ย้ายกลับคอนโด เพราะอีกไม่กี่วัน โรงเรียนก็จะเปิด และตลอดเวลาที่ไม่ได้มาโรงเรียน ทั้งนารินและดาหวันก็เรียนทางไกลอยู่กับบ้านเป็กรณีพิเศษเพราะพ่อเธอ เขียนในรายงาน นารินป่วยไม่สามารมาโรงเรียนได้ตามปกติ จึงให้เรียนทางไกลอยู่ที่บ้านเป็เวลา 1 ปี เพื่อรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็ปกติ ส่วนดาหวันที่เป็พี่ ต้องอยู่ดูแลนารินที่ป่วย จึงให้เรียนทางไกลเช่นกัน แต่เมื่อถึงเวลาสอบ ถ้าทั้งสองคนทำคะแนนได้ไม่ถึง3.50 ต่ำสุดไม่เกิน 3.40 ให้ถือว่าปีนั้น ทั้งคู่สอบไม่ผ่าน ให้กลับมาเรียนใหม่ที่ โรงเรียนโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะคนทั้งสองเป็ถึงประธานนักเรียนและรองประธาน ต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีการยกเว้นว่าคือ ลูกของใคร
ซึ่งพอนารินกับดาหวันกลับไปก็ต้องไปสอบทันทีที่โรงเรียนเพราะอีกไม่ถึง อาทิตย์ โรงเรียนก็จะเปิด พวกเธอจึงต้องรีบสอบว่าจะทำคะแนนได้ถึงเกณฑ์มั้ย เพราะคะแนนเก็บของพวกเธอ ก็สูงถึง3.30 แล้วขาดอีก 0.10 ซึ่งเอาเข้าจริง ด้วยความฉลาดของทั้งสองคนสามารถทำได้เกินเกณฑ์แน่นอน ดาหวันก็เรียนจบม.ต้นมาจากปีนัง ข้อสอบแค่นี้ง่ายมากสำหรับเธอ เมื่อเทียบกับข้อสอบของคอนแวนที่ปีนัง ส่วนนารินยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะสิ่งเดียวที่เยียวยาจิตใจเธอให้สงบลงได้ก็คือเื่เรียนและงานในสภานักเรียน
พวกเธอสองคนสอบเสร็จทุกวิชาภายใน 2 วัน สามารถทำออกมาได้ดีมากทุกวิชาจริงๆ คะแนนของพวกเธอสองคนทำได้ออกมาเกินเกณฑ์ที่คนเป็พ่อตั้งเอาไว้
เื่ในบ้านคนเป็พ่อตามใจพวกเธอทุกอย่าง แต่ยกเว้นเื่ในโรงเรียน และเื่ในสภานักเรียน กฎของโรงเรียนก็ต้องเป็กฎไม่มีข้อละเว้นใดๆทั้งสิ้นรวมถึงลูกสาวทั้งสองคนของเขาด้วย เพราะเมื่อพ่ออยู่ใน โรงเรียนก็คือครูไม่ใช่พ่อ นอกจากอยู่กันลำพังแค่ส่วนตัวพ่อกับลูกๆ ถึงจะเรียกพ่อได้
เมื่อคนเป็พ่อเห็นผลการสอบของลูกสาวทั้งสองคน ก็ชื่นใจมาก พวกเธอไม่เคยทำให้พ่อผิดหวังสักครั้งเดียวไม่ว่าเื่ใดก็ตาม ยังคงวางตัวเหมาะสม ทำหน้าที่ของคนเป็ลูกได้สมบูรณ์แบบทั้งคู่ ยกเว้นแต่เื่ที่พวกเธอเอาแต่ใจนี่แหละ ที่คนเป็พ่อต้องยอมให้ เพราะเด็กทั้งสองคนเป็โรคซึมเศร้าทั้งคู่ ถึงคนภายนอกจะดูไม่ออก แต่คนเป็พ่อเป็แม่กลับดูออก เพราะการแสดงออกถึงความก้าวร้าวต่อหน้าพ่อในบางครั้ง มันเห็นได้ชัดว่า เด็กทั้งสองคน้าเยียวยาแผลใจให้กันและกันมากแค่ไหน ยิ่งลูกสาวแท้ๆของเขาเอง เขายิ่งสงสารมาก ไม่กล้าขัดใจสักเื่เดียว เพราะเด็กคนนั้นพร้อมที่จะตายได้ตลอดเวลา ถ้าคิดหาทางออกให้กับตัวเองไม่เจอ และไม่มีใครอยู่ข้างๆ เขาอาจจะเสียลูกสาวทั้งสองคนไปแล้วก็ได้ และในวันนี้เขาคงไม่มีลูกสาวถึง 4 คนแน่ๆ
นารินกับดาหวันย้ายกลับเข้ามาอยู่หอในของเด็กประจำ และอยู่ห้องเดิมด้วยกันลำพังสองคน ซึ่งเป็ห้องสำหรับประธานนักเรียน คนเป็พ่อจัดเตรียมไว้ให้ใหม่ ก่อนที่จะโทรบอกกับอาจารย์ประจำหอว่า
“ผมฝากลูกสาวทั้งสองคนด้วยนะครูพลอย ถ้าอะไรที่ตามใจได้ช่วยตามใจพวกเธอด้วย อะไรที่ผ่อนผันได้ก็ปล่อยไปทำเป็ไม่เห็น แต่ผมขอให้ครูพลอยสบายใจได้ เด็กสองคนไม่ใช่คนเกเรอะไร แต่พวกเธอเจออะไรมากกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน จนทำให้ทั้งคู่บางครั้งอาจดูก้าวร้าวไปบ้าง หรือภายในห้องอาจจะเสียงดังไปบ้าง แต่ผมขอให้ครูพลอยเข้าใจพวกเธอด้วย ลูกสาวคนโตของผมถึงจะดูภายนอกว่าเข้มแข็ง แต่ลึกๆแล้วเธออ่อนแอมากแตกร้าวได้ง่าย ส่วนลูกคนที่สองของผม เธอเปราะบางยิ่งกว่าพี่สาวหลายร้อยเท่า เธอพร้อมที่จะแตกสลายได้ในพริบตา ผมเคยเกิบสูญเสียลูกคนนี้มาแล้ว ผมขอร้องครูพลอย ให้ละเว้นกฎบางข้อ อย่ากดดันพวกเธอมากเกินไปเหมือนเด็กคนอื่นนะครับ ผมไม่อยากเสียเด็กทั้งสองคนไป”
ครูพลอยที่ฟังจบก็ถามผอ.ว่า
“น้องริน เท่าที่ดิฉันสังเกตมานาน ั้แ่น้องรินยังอยู่ชั้นม.ต้น เธอดูสดใส่ร่าเริงดีไม่ใช่หรือคะ แต่ตอนขึ้นม.4 ดิฉันสังเกตเห็นว่าเธอดูเศร้าตลอดเวลา และบางครั้งในคาบเรียนก็มีน้ำตาไหลซึมออกมาเฉยๆ พอเรียนไปไม่ถึง 2 เดือน เธอก็ป่วยจนหยุดเรียนไป ดิฉันอยากทราบว่า่ที่ปิดเทอมไป มันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคะ ช่วยบอกดิฉันได้มั้ยในฐานะทั้งครูคุมหอแล้วครูที่ปรึกษา จะได้ระวังถูก และดูแลถูก ไม่ว่าจะเื่อะไร ดิฉันสัญญาด้วยเกียรติของคนเป็ครูที่สอนอยู่ที่นี่มากกว่า10ปีคะ ส่วนเื่น้องดาเท่าที่ดิฉันสังเกตไม่มีอะไรที่ผิดปกติไปมากนัก ไม่เหมือนน้องรินที่ดิฉันเห็นมาั้แ่เข้าม.ต้นมาค่ะ”
พ่อนิ่งเงียบไปพักหนึ่งตัดสินใจว่าจะบอกคนที่เป็ทั้งครูและทั้งเพื่อนสนิทดีมั้ย แต่เขาคิดว่า เขาไว้ใจเพื่อนคนนี้ได้ ไม่งั้นคงไม่ตั้งให้เป็รองผอ.หรอก
“ได้ครับครูพลอย เพราะผมเชื่อใจคุณในฐานะเพื่อนสนิท คุณจำวันที่เราไปประชุมด่วนที่เชียงรายได้มั้ย แล้วฝนก็ตกหนักมากทำให้เราไม่กล้าขับรถกลับกัน เลยค้างคืนที่นั่น เมื่อเื่มันเกิดขึ้นคืนนั้นแหละครับ ผมทิ้งภรรยาที่ป่วยเป็โรค Sex addiction กับโรค Hysteria ไว้กับน้องรินเพียงลำพังสองคนเพราะคิดว่า เย็นๆตัวเองคงกลับได้ และน้องดาก็กำลังเดินทางกลับจากปีนังจะถึงไม่เกินบ่าย 3 แน่นอนแต่ทุกอย่างกลับผิดพลาดไปหมด เมื่อภรรยาผมเกิดมีอารมณ์ทางเพศรุนแรงขึ้นมา ถ้าไม่ระบายออกตัวเธอเองก็ทนไม่ไหว คืนนั้นภรรยาผมขาดสติโดยสิ้นเชิง ตรงไปที่ห้องน้องรินแล้วลงมืออย่างโหดร้ายที่สุด จนสร้างแผลที่มันฝังลึกภายในใจน้องริน และน้องดาที่กลับถึงตอนเช้าเพราะติดพายุ ก็พบแม่แท้ๆที่กำลังขนกระเป๋ากำลังจะออกไปจากบ้าน น้องดาก็รู้ดีว่าแม่เธอป่วย เธอวิ่งขึ้นไปหาน้องรินอย่างเร็ว และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทั้งน้องดาและน้องรินปวดร้าวใจจนถึงทุกวันนี้ น้องดาดูเหมือนจะไม่เป็ไร แต่เธอต้องทนเห็นน้องรินในสภาพนั้นที่แม่ของเธอทำเอาไว้ และต้องทนเห็นน้องรินใจสลายไปต่อหน้าแทบทุกคืนแต่ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แค่มองดูเฉยๆ และคอยปลอบใจอยู่ข้างๆ ส่วนน้องรินที่ใจสลายโดยสิ้นเชิง ภายนอกดูเข้มแข็งแต่ภายในเหมือนมีมีดมาคอยกรีดแทงหัวใจจนเืไหลไม่หยุดตลอดเวลา พวกเธอยังเด็กจะทนได้มากแค่ไหน แล้วที่ผมบอกว่าน้องรินป่วยต้องรักษาตัวนานถึง 1 ปี ครูพลอยคงพอจะเดาออกใช่มั้ยครับว่าเพราะอะไร (ค่ะ) ลูกสาวของผมตอนนี้เปราะบางมาก และทั้งคู่ดูเหมือนจะมีอาการของโรคซึมเศร้าด้วย ยังไงช่วยดูแลแทนผมตอนพวกเธออยู่หอด้วยนะครับ เพราะเด็กสองคนนั้นไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ พอจะเข้าไปหาแต่ละรอบ พอเจอหน้ากัน น้องรินก็เอาแต่ไล้ผม หลบหน้าผม หงุดหงิดใส่ผมตลอดเวลา น้องดาเองก็คอยแต่ระแวงผมเช่นกัน ทำให้ผมดูแลพวกแกได้ไม่เต็มที่ ทำได้แค่เพียงให้การศึกษาที่ดีที่สุดและสุงที่สุดเท่าที่พวกเธอ้า”
ครูพลอยฟังแล้วใจหาย ถึงกับน้ำตาซึมเพราะถ้าเด็กสองคนนั้นเป็ลูกสาวเธอ ถ้าเื่นี้เกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอ เธอคงใจสลายตามลูกแน่ๆ
“คะดิฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วคะ ดิฉันจะดูแลเป็พิเศษสำหรับเด็กสองคนนั้นอย่างดีคะ เพราะถึงยังไง เด็กสองคนไม่เคยทำตัวให้เสียเกียรติเลยสักครั้ง วางตัวดีมาก ผลการเรียนก็ดีมากเช่นกัน เด็กแบบนั้น ดิฉันเต็มใจดูแล และทุกคำพูดที่ดิฉันได้ยินในครั้งนี้ จะไม่มีบุคคลที่สามรู้เื่แน่นอนคะ (ขอบคุณครับครูพลอย)”
แล้วสายก็ตัดไป ครูพลอยจึงเดินไปที่ห้องพักของเด็กทั้งสองคน ในห้องมี 2 เตียง แต่คนทั้งคู่กลับผลักดันเข้าหากันจนกลายเป็เตียงเดียวกัน เธอก็เข้าใจได้ ถ้าเธอรู้ จะจัดเตียงใหญ่ให้ เมื่อคนทั้งสองรู้สึกว่ากำลังโดนมอง ดาหวันก็หันกลับไปดู ส่วนนารินพอถึงกลางคืนเธอก็ยังคงหวาดระแวงเหมือนเดิม เธอไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง แล้วเอามือปิดหน้า ทำเหมือนกำลังจะร้องไห้ ทำให้ครูพลอยเข้าใจสถานการณ์ เลยบอกไปว่า
“ครูแค่มาเดินตรวจตามปกติก่อนจะไล้ปิดไฟ เพื่อให้นกเรียนเตรียมเข้านอนนะ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ พวกเธอก็รีบนอนพักซะ เดียวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหวกัน เธอ 2 คน มีหน้าที่ตรวจอยู่หน้าประตูโรงเรียนั้แ่ 6.30am นะอย่าลืมละประธานและรองประธานนักเรียน” ดาหวันตอบกลับว่า
“คะ แต่เวลา6.30มีแค่คนในสภานักเรียนทั้ง 10 คน ที่ต้องไปยืนตรวจระเบียบของเครื่องแต่งกายของนักเรียนทุกคนเท่านั้น ส่วนประธานและรองประธานสามารถตามไปที่หน้าประตูโรงเรียนได้ตอน 7.30amคะ หรือไม่ต้องไปก็ได้ เพราะพวกเราต้องเดินตรวจตามหอพักนักเรียนประจำก่อนั้แ่ 6.30am-7.00am ให้นักเรียนประจำออกจากหอนอนและแต่งตัวให้เสร็จก่อน 6.30am เพื่อไป ทานอาหารเช้าตอน 6.30am และ ไปที่โรงเรียนให้ทันก่อนเวลา7.00am เพื่อที่ประธานและรองประธานได้ตรวจตามล็อคเกอร์ของเด็กประจำ ว่ามีของผิดกฎแอบซ่อนไว้หรือเปล่าและเป็ระเบียบมั้ย รวมไปถึงในหอรวมของเด็กประจำ ว่าเก็บที่นอนเรียบร้อยหรือเปล่าให้เสร็จก่อน 7.30amคะ นั่นคือหน้าทีประจำของพวกเรา ไม่ใช่ที่หน้าประตูโรงเรียนคะ”
พอครูพลอยฟังก็ ตะลึงไป เพราะดาหวันบอกรายละเอียดสำหรับหน้าที่ของพวกเธอได้ละเอียด รวมไปถึงหน้าที่ของคนในสภานักเรียนด้วย เพราะเธอมีความจำเป็เลิศ ผลการเรียนถึงออกมาดีขนาดนั้นและเข้าใจว่าถ้าเธอตั้งใจทำข้อสอบจริงๆ เธออาจจะทำได้ถูกทั้งหมดเลยก็ได้ ซึ่งนั้นจะทำให้สะดุดตามากเกินไป แต่เสียดาย ที่ภายในใจของเธอกลับไม่ปกติ ครูพลอยเดินจากไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้