ใต้ทะเลสาบเย็นเยือก แผ่นหลังนูนและรูปร่างปราดเปรียวช่วยให้เย่เฟิงแหวกว่ายในน้ำได้รวดเร็วราวกับปลา เมื่อเข้าใกล้จนแสงสลัวชัดเจนกว่าเดิม เย่เฟิงจึงเห็นหลงหว่านเอ๋อร์แหวกว่ายอยู่กลางน้ำ แม้ความเร็วของเธอจะเทียบเขาไม่ได้ ทว่าดูคล่องตัวและเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ใต้ทะเลสาบแห่งนี้นอกจากน้ำแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอยู่เลยแม้แต่พื้นที่ให้หายใจ พวกเขาแหวกว่ายตามทางที่ทอดยาว ดูคดเคี้ยวซับซ้อนจนไม่รู้เลยว่าจะต้องว่ายไปอีกนานแค่ไหน
หลงหว่านเอ๋อร์สะกดลมหายใจ ถึงเธอจะเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์แต่ก็ยากที่จะกลั้นหายใจเป็เวลานาน
หลังจากว่ายไปได้ไม่ไกล เย่เฟิงก็ได้ยินเสียงดินถล่มดังมาจากด้านหลัง เป็สัญญาณบอกว่าสุสานโบราณถล่มลงมาทั้งหมดแล้ว ดูจากกระแสน้ำในตอนนี้ทะเลสาบใต้ดินคงเต็มไปด้วยเศษหินและดินจำนวนมาก
หากซูเฟ่ยหยิ่งอยู่ข้างในล่ะ... เย่เฟิงกังวลใจเล็กน้อย
แม้ซูเฟยหยิ่งจะเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนซึ่งมีระดับพลังลมปราณนับร้อยปี สามารถใช้กระบวนท่าสายฟ้าฟาดะเิูเาทั้งลูกได้ การถล่มของสุสานโบราณย่อมไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เย่เฟิงกลัวว่าท่านอาจารย์อาจเกิดเหตุเช่นเดียวกับเขา และสูญเสียพลังลมปราณไป...
ชายหนุ่มขบคิดพลางเร่งความเร็วแหวกว่ายไปข้างหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาหลงหว่านเอ๋อร์ออกไปอย่างปลอดภัยก่อนแล้วค่อยกลับมาตามหาท่านอาจารย์อีกครั้ง
ทันใดนั้นเย่เฟิงเกร็งไปทั้งร่าง เพราะััถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาจากด้านหน้า! เงาขนาดใหญ่พลันปรากฏใกล้หลงหว่านเอ๋อร์ คมเขี้ยวสะท้อนแสงเลือนรางของไข่มุกราตรี มันคือปลารูปร่างประหลาดดูดุร้ายซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับมนุษย์ กำลังอ้าปากกว้างเพื่อกัดหัวของหญิงสาว!
หลงหว่านเอ๋อร์เห็นปลาประหลาดชัดเจน จึงรีบตั้งสมาธิส่งพลังลมปราณไปที่ขาก่อนวาดเท้าเตะขากรรไกรของมันเต็มแรงจนมันกระเด็นไปอีกทาง
ดูเหมือนสถานการณ์ตรงหน้าจะดีขึ้น แต่แล้วเสียงร้องแ่เบาก็ลอยเข้าหูเย่เฟิง เขารู้ทันทีว่าการใช้ท่าร่างรุนแรงแบบนั้นต้องส่งผลกระทบต่อเธอ ชายหนุ่มเริ่มกังวลจึงเร่งความเร็วไปข้างหน้า น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถใช้วิชาย่างก้าวไร้เงาในน้ำได้ มิเช่นนั้นคงไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนี้
ทุกหนแห่งในโลกเทวะเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดดุร้าย บางชนิดทรงพลังมาก กระทั่งผู้ฝึกวิถีเซียนซึ่งฝึกพลังลมปราณมานับร้อยปียังกลายเป็อาหารพวกมัน ช่างโเี้และน่าหวาดกลัว
แม้จะไม่รู้ว่าปลาประหลาดตัวนี้คืออะไร แต่มันก็ทรงพลังมากทีเดียว หากหลงหว่านเอ๋อร์อยู่เพียงลำพังล่ะก็ จุดจบคงมีแต่ถูกมันกินแน่
เย่เฟิงอยู่ห่างจากเธอราวร้อยเมตร เขาทำได้เพียงดูหลงหว่านเอ๋อร์ดิ้นรนต่อสู้กับมันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นแสงแวววาวจากไข่มุกราตรีก็เริ่มปะปนกับเืสีแดงสด
หญิงสาวได้รับาเ็!
ตอนนี้เธอไม่คล่องตัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งการโจมตีจากปลาประหลาดยิ่งทวีความรุนแรง ท่าทางจะกัดเธอเป็ชิ้นๆ แล้วกลืนเธอลงท้อง
“รนหาที่ตายแล้วไอ้สัตว์ประหลาด!” ในที่สุดเย่เฟิงก็มาถึงตัวเธอทันเวลา เขารวบรวมพลังไปที่แหวนกระบี่ัโบราณจนปรากฏเพลงกระบี่ที่รวดเร็วและดุดันฟาดฟันในน้ำอย่างต่อเนื่อง!
เวลานี้ปลาตัวนั้นกำลังสนใจแต่จะกัดหัวของหลงหว่านเอ๋อร์ ประกายสีส้มสว่างวาบใต้ผืนน้ำ หัวของปลาประหลาดขาดออกจากกัน เืสีดำราวน้ำหมึกกระจายเป็วงกว้าง
“เืมันเป็พิษ!” เย่เฟิงรีบคว้าเอวของหลงหว่านเอ๋อร์ก่อนหมุนตัวพาเธอออกห่างจากที่แห่งนี้ แสงสว่างของไข่มุกราตรีที่อยู่ในอ้อมอกเธอทำให้เห็นว่าแขนและขาของเธอได้รับาเ็ ร่างกายอ่อนแอไร้กำลัง
“ นาย...” เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์เห็นชายสวมหน้ากากกอดเธอก็ใช้ดวงตาคู่สวยจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เธอเปิดปากเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับต้องสำลัก เนื่องจากน้ำในทะเลสาบไหลเข้าปากของเธอ
ขณะเผชิญสถานการณ์เฉียดตายกลับมีคนช่วยเหลือ ทั้งยังเป็ชายสวมหน้ากากที่เธออยากใช้มีดพันเล่มฉีกเขาเป็ชิ้นๆ หญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตนควรรู้สึกอย่างไร แม้อยากฆ่าเขาแล้วค่อยฆ่าตัวตายตาม แต่ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่แรงจะขยับร่างกาย
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะพาเธอออกไปเอง” เย่เฟิงพูดเสียงเบาพลางกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้ก่อนมุ่งไปขางหน้าอย่างรวดเร็ว ฝูงปลาหลากสีแหวกว่ายไปมาในทะเลสาบแห่งนี้ โชคดีที่ไม่พบปลาประหลาดเหมือนเมื่อครู่อีก
เขานึกถึงกระบี่เมื่อครู่ เดิมมันเป็สีแดงแต่ตอนนี้กลายเป็สีส้ม? ชายหนุ่มสันนิษฐานว่าเพราะการฝึกวิชาของตนเลื่อนขึ้นอีกระดับ สีของกระบี่อาจขึ้นอยู่กับระดับพลังของผู้ใช้ เช่น จากสีแดงเป็สีส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วงตามลำดับ แสดงว่ากระบี่เล่มนี้สามารถแสดงอานุภาพได้มากกว่านี้อีกสินะ? เขาไม่คิดมากไปกว่านั้น พลังของกระบี่เพิ่มขึ้นได้ก็เป็เื่ดีพอแล้ว
ไม่นานนักหลงหว่านเอ๋อร์ก็หน้าแดงก่ำเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ เย่เฟิงรับรู้สภาพของคนในอ้อมแขนได้ทันที จึงดันหน้ากากพ้นปากและจมูก ก่อนโน้มตัวส่งอากาศเข้าปากเธอโดยไม่คิดอะไร
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ไม่ทันไรริมฝีปากนุ่มก็ถูกปิดผนึกโดยเย่เฟิงเสียแล้ว อากาศบริสุทธิ์ไหลเข้าปากจนเธอกลับเป็ปกติในที่สุด
ใต้ผืนน้ำอันมืดมิด แสงเลือนรางของไข่มุกราตรีทำให้ฝูงปลาใกลัวจนต้องหลบในพืชน้ำ
คนทั้งสองกอดกันแแ่ขณะแหวกว่ายในทะเลสาบเย็นะเื
อบอุ่นจัง...
หลงหว่านเอ๋อร์ยื่นมือคู่สวยกอดร่างเย่เฟิงแนบกายโดยไม่รู้ตัว ทำให้ทั้งสองร่างแนบชิดกันมากกว่าเดิม
เย่เฟิงเศร้าใจ หากหลงหว่านเอ๋อร์รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา เธอจะทำอย่างไร? แม้เธอจะยอมรับ‘โม่จิ่วเกอ’ ได้ แต่เขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับเย่เฟิง เพราะตระกูลเย่และตระกูลหลงคือศัตรูคู่อาฆาต มีแต่ความเกลียดชังและแรงแค้นให้กัน
เวลาเพียงครู่เดียวแต่กลับรู้สึกเนิ่นนาน ในที่สุดก็ปรากฏแสงสีน้ำเงินเหนือหัวคนทั้งสองส่องลงมาใต้ผืนน้ำลึกที่เงียบสงบ
แสงจากดวงดาวหรือดวงจันทร์? ไม่ว่าจะเป็แสงจากอะไรอย่างน้อยก็ทำให้เย่เฟิงรู้ว่าพวกเขาถึงทางออกแล้ว
เย่เฟิงโอบหลงหว่านเอ๋อร์ขึ้นจากน้ำ
“แค่กๆ...” หญิงสาวผละออกจากเขาทันที แล้วไออย่างหนักจากการสำลักน้ำ
เย่เฟิงไม่สนใจและเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ ชายหนุ่มพบว่าที่นี่คือแอ่งน้ำกลางหุบเขาซึ่งมีหน้าผาสูงชันล้อมสามด้าน มีเพียงด้านเดียวที่เป็ทางออกสู่ภายนอก ทางออกนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์และต้นไม้สูงตระหง่าน ดูจากร่องรอยก็พอจะรู้ว่าที่นี่มีคนผ่านทางน้อยมาก แสงจันทร์ส่องถึงเพียงเลือนราง
“เธอเป็อะไรไหม?” เย่เฟิงก้มมองหลงหว่านเอ๋อร์และเห็นว่าเธอเปียกโชกไปทั้งตัว เสื้อบางเบาแนบไปกับร่างกายอันงดงาม ผมเปียกระผิวขาวเนียน สภาพน่าหลงใหลของเธอดึงดูดใจเย่เฟิงได้โดยไม่ต้องสงสัย! น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่อยู่ในอ้อมแขนของเขานานนัก ซ้ำยังพยายามอยู่ห่างจากเขาอีก เธอรีบว่ายน้ำไปอีกฝั่งของแอ่งน้ำเพื่อพักหายใจ
เย่เฟิงเดินนำไปข้างหน้าเพื่อดูลาดเลาและให้พ่อของเธอหาพบ จากนั้นเขาจะได้กลับไปสุสานโบราณเพื่อหาซูเฟยหยิ่งอย่างสบายใจ ทันใดนั้นเย่เฟิงก็หน้าเปลี่ยนสี แย่แล้ว!
“คิกๆ อยู่ที่นี่กันจริงๆ ด้วยสินะ” สุ้มเสียงเย็นเยียบดังจากทางเข้าหนึ่งเดียวของหุบเขานี้ ตามมาด้วยคนสองคนในชุดสีเทาและสวมหมวกฟาง เพียงพริบตาพวกมันก็หยุดอยู่ริมแอ่งน้ำ พวกมันคือคู่ชายหญิงจากวิหารดาบ์!
เมื่อเห็นดังนั้นใจของหลงหว่านเอ๋อร์ก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้