เซวียเสี่ยวหรั่นหาที่ลับตาคนจัดการธุระส่วนตัวก่อนเป็อย่างแรก จากนั้นก็วิ่งไปล้างหน้าบ้วนปากริมแม่น้ำ
พอสายน้ำเย็นฉ่ำประพรมลงมาบนใบหน้า เซวียเสี่ยวหรั่นก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เงยหน้ามองไปโดยรอบ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังของแม่น้ำล้วนอุดมไปด้วยพืชพรรณเขียวขจีนานาชนิด และต้นไม้ใหญ่เก่าแก่สูงตระหง่าน
แค่เห็นสีเขียวสุดลูกหูลูกตา รอยยิ้มขื่นก็ปรากฏบนมุมปากของเซวียเสี่ยวหรั่น ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งตนเองจะต้องติดอยู่ในป่าหาทางออกไม่ได้
เธอหยิบกระเป๋าสีชมพูใบเล็กออกมาจากเป้ ในนั้นใส่ของใช้กระจุกกระจิกสำหรับผู้หญิง มีหวีกับกระจกอันเล็กๆ ยางรัดผมสีดำ ลิปบาล์มสีส้ม ดินสอเขียนคิ้ว โลชั่นกันแดด กรรไกรตัดเล็บ กระดาษชำระ แล้วก็ผ้าอนามัยชนิดบางสองแผ่น รวมถึงธนบัตรย่อยอีกสองสามใบ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ของติดตัวเล็กๆ น้อยๆ เห็นแบงก์ย่อยสองสามใบนั้นแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกปวดใจ ในมือถือของเธอยังมีเงินอีกตั้งหลายพันหยวน นั่นเป็อั่งเปาที่เธออุตส่าห์สะสมมาหลายปี ตอนนี้สูญสลายกลายเป็ความว่างเปล่าไปหมดแล้ว
เธอถอนหายใจอย่างหดหู่ หยิบกระจกขึ้นมาส่อง ใบหน้ากลมเกลี้ยงขาวผ่องสะท้อนอยู่ในนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นเป็สาวเ้าเนื้อ สีผิวก็ขาวจั๊วะ ดังนั้นจึงทั้งขาวและอวบอิ่ม
เธอไว้หน้าม้าเรียบๆ เหมือนนักเรียนหญิงทั่วไป คิ้วไม่หนาไม่บาง เปลือกตาเป็สองชั้นคมเข้ม แต่เสียดายเพราะสายตาสั้นจึงแลดูไม่มีชีวิตชีวา ประกอบกับชอบอ่านหนังสือจนดึกดื่น รอยคล้ำรอบดวงตาเลยยิ่งเด่นชัด สันจมูกไม่โด่งนัก แต่ยังนับว่าน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ริมฝีปากอวบอิ่มเล็กน้อย ฟันเรียงเป็ระเบียบ เครื่องเคราใบหน้าโดยรวมดูเป็ผู้หญิงที่สะสวยคนหนึ่ง แต่ด้วยใบหน้ากลมแถมคางสองชั้น ต่อให้หน้าสวยแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
เซวียเสี่ยวหรั่นติดนิสัยชอบยู่ปากมาข้างหน้า เพราะทำแบบนี้ใบหน้าก็จะดูเรียวขึ้น แต่แล้วเธอก็เบ้ปากด้วยความหงุดหงิดก่อนบ่นว่าตัวเอง
"เฮ่อ... ฉันยังมีอารมณ์รังเกียจใบหน้าอวบอ้วนของตัวเองอีกหรือนี่ อีกสามสี่วัน เนื้อของฉันก็คงหายเกลี้ยงหมดแล้ว"
เธอวางกระจก หยิบหวีขึ้นมา หลังจากดึงยางรัดผมจากด้านหลังศีรษะออกแล้ว ก็หวีผมให้เป็ระเบียบเรียบร้อย ผมของเธอเพิ่งยาวประบ่าจัดทรงง่าย หวีเพียงสามสี่ทีก็รวมมัดได้เลย
พอหวีผมเสร็จเรียบร้อยก็เก็บเข้าไปในกระเป๋า ของใช้ถึงมีไม่มาก แต่ถ้าหายไปสักชิ้น ก็จนปัญญาจะหาซื้อได้อีกแล้ว
หวีผมเสร็จ ก็เดินมาล้างมือ ความหนาวเย็นที่ทิ้งไว้บนปลายนิ้วทำให้เธอคอตก แต่พอเห็นแม่น้ำใสแจ๋วไหลเอื่อยตรงหน้า สีหน้าห่อเหี่ยวของเซวียเสี่ยวหรั่นก็กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
มีน้ำย่อมมีปลา เธอเองก็ว่ายน้ำเป็ ถึงแม้ไม่อาจนับได้ว่าชำนาญก็ตาม
การจับปลาอาจยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ถ้าลองหลายๆ ครั้งเข้า อย่างไรก็ต้องสำเร็จ ตราบใดที่มีอาหารกับไฟ เธอกับเขาก็ไม่ต้องอดตายแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นมองโลกในแง่ดี
พ่อแม่ของเซวียเสี่ยวหรั่นแยกทางกันั้แ่เธอยังเล็ก ั้แ่บิดาแต่งงานใหม่ เธอก็อาศัยอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่บ้านเดิมมาโดยตลอด แม้อายุไม่มาก แต่ก็สามารถดูแลตนเองได้เป็อย่างดี
ตอนคุณปู่ของเธอยังหนุ่มเคยเป็เชฟในโรงแรม เคยเปิดร้านอาหาร หาเงินทองมาจุนเจือครอบครัวได้มากมาย หลังจากซื้อห้องชุดในเมืองให้คุณพ่อกับคุณอาของเธอคนละห้องแล้ว คุณปู่กับคุณย่าก็กลับมาบ้านเกิดในชนบท ทำงานเป็เชฟรับจัดงานเลี้ยงงานมงคล ดูแลเื่อาหารและเครื่องดื่มสำหรับงานมงคลให้แก่คนในหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างมืออาชีพ
คุณปู่เก่งการทำอาหาร คนที่มาเชิญท่านไปเป็เชฟในงานเลี้ยงมีไม่ขาดสาย ด้วยฝีมือระดับนี้ ครอบครัวของเธอที่บ้านเดิมจึงมีฐานะร่ำรวย เซวียเสี่ยวหรั่นเติบโตมาอย่างเพียบพร้อม มีกินมีใช้ไม่เคยลำบาก ถึงแม้ไม่มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกว่าขาดอะไรไป
ั้แ่เข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมต้นเป็ต้นมา คุณปูก็เริ่มถ่ายทอดวิชาการทำอาหารให้กับเธอ เซวียเสี่ยวหรั่นเป็นักกินตัวยง เมื่อชอบกินก็ย่อมชอบเข้าครัวเป็ธรรมดา หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี ทักษะการทำอาหารของเธอก็นับว่าใช้ได้แล้ว
ต่อมาพอขึ้นชั้นมัธยมปลาย เธอก็ต้องไปอยู่หอพักของโรงเรียนในเมือง เวลาในการทำอาหารก็ลดลงมาก แต่่ปิดภาคเรียนฤดูหนาวของทุกปีได้หยุดกลับบ้าน เธอก็รับหน้าที่ทำอาหารอยู่เสมอ ฝีมือจึงยังไม่ตก
ในป่าย่อมมีวัตถุดิบอาหารตามธรรมชาติที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ์ หมู่บ้านของพวกเขามีูเาอยู่ใกล้ๆ คุณปู่มักพาเธอขึ้นเขาไปเก็บเห็ดและหาของป่าอยู่เป็ประจำ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับป่าเขา และเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มีหม้อกับไฟ ทั้งเขาและเธอจะไม่มีใครอดตายแน่นอน
เพียงแต่ในป่าลึกแบบนี้เธอจะหาหม้อกับไฟจากที่ไหนได้ล่ะ?
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมเมื่อครู่นี้พลันห่อเหี่ยวลงทันตา
อย่างแรกมาคิดก่อนดีกว่าทำอย่างไรถึงจะก่อไฟได้ เมื่อคืนหนาวจนเกือบแข็งตาย เธอไม่อยากประสบกับอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
น้ำแร่ก็เหลือเพียงคำสุดท้าย เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปาก กลั้นใจไม่ดื่ม ถึงแม้ว่าน้ำในแม่น้ำตรงหน้าจะดูใสสะอาด แต่อย่างไรเสียก็เป็น้ำดิบ หากท้องเสียขึ้นมาก็คงจะขำไม่ออก ลองไปเสาะหาน้ำพุหรือน้ำบาดาลก่อนดีกว่า อย่างไรเสียแหล่งน้ำแบบนั้นก็สะอาดกว่านี้
เธอลากขาที่แสนจะเมื่อยล้าค่อยๆ เดินกลับไปเชิงเขา
ผู้ชายคนนั้นยังนอนอยู่ไม่ขยับเขยื้อน แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาบนใบหน้าฟกช้ำ าแอันน่าสยดสยองยิ่งเด่นชัดจนทำให้คนอดผวาไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นกลืนน้ำลายก่อนเดินเข้าไปใกล้ ความปวดเมื่อยตามตัวทำให้เธอไม่สนใจอะไรมากมายนัก หย่อนก้นลงนั่งข้างกายเขา
"เอ่อ... นี่คุณ ตื่นหรือยัง?"
เธอยื่นนิ้วมือเข้าไปจิ้มๆ ตัวเขา ชายหนุ่มลืมตาครึ่งหนึ่ง ขยับศีรษะเล็กน้อยเป็การให้คำตอบกับเธอแล้ว
"ฉันช่วยพยุงคุณขึ้นมานั่งแล้วกัน"
ต้องทนหิวทนหนาวมาทั้งคืน เป็ใครก็คงตัวแข็งกันทั้งนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นใช้มือหนึ่งประคองไหล่ อีกมือพยุงที่ข้อศอกของเขา
จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้หลบเลี่ยง เพราะไม่เคยชินกับการให้คนแปลกหน้าแตะต้องตัวมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าจู่ๆ ภาพที่พวกเขาสองคนนอนกอดก่ายกันทั้งคืนก็ผุดขึ้นมาในความคิด ท่าทางหลบเลี่ยงก็เลยหยุดชะงักไป
เซวียเสี่ยวหรั่นออกแรงพยุงเขาขึ้นมานั่งพิงโขดหินด้านข้าง
"ฉันชื่อเซวียเสี่ยวหรั่น ปีนี้อายุสิบ... แปดแล้ว คุณล่ะชื่ออะไร ลอยจากไหนมาถึงนี่"
พอพูดถึงอายุ เธอก็ชะงักไปจังหวะหนึ่ง เพราะเมื่อต้นเดือนหน้าเธอก็จะครบสิบเก้าปีเต็ม เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันที่จะบอกว่าตนเองอายุสิบแปดปีได้
แต่ชายคนนั้นยังคงไม่พูดเหมือนเดิม ขยับแค่ดวงตาเพียงเล็กน้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาด้วยความสงสัย ั้แ่เมื่อวานที่เก็บเขากลับมาได้ ก็ไม่เห็นเขาพูดสักประโยค หรือว่า...
"นี่คุณ... พูดไม่ได้หรือ" เธอเบิ่งตา ถามออกมาอย่างอดไม่ได้
ตาของเขาต้องมีปัญหา ดวงตาไร้ประกายแบบนั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนปรกติ ถ้าหากพูดไม่ได้อีกอย่าง ไม่เท่ากับทั้งตาบอดและเป็ใบ้เลยหรือ
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากเชื่อการคาดคะเนของตัวเอง เดิมทีแค่ตกลงมาในป่าดงดิบร้างผู้คนแบบนี้ก็ว่าอนาถแล้ว ยังเก็บคนพิการทั้งเป็ใบ้และตาบอดมาเพิ่มภาระอีก นี่เป็อุปสรรคสุดหินในการอยู่รอดของเธอเลยนะเนี่ย
ชายหนุ่มผงกศีรษะน้อยๆ จนแทบสังเกตไม่เห็น เซวียเสี่ยวหรั่นพลันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า
์หนอ์ ล้อเล่นกันอย่างนี้ไม่แรงไปหน่อยหรือ
ตอนแรกเธอยังคิดว่ารอให้าแของชายคนนี้หายดีค่อยให้เขาพาออกจากป่า แต่เขาทั้งตาบอดและเป็ใบ้ นี่มัน....
"โครก!"
เสียงท้องร้องโครกครากรั้งสติที่เตลิดเปิดเปิงของเซวียเสี่ยวหรั่นกลับเข้าที่
ใช่แล้ว เปล่าประโยชน์ที่จะมาหวั่นวิตกกับเื่เหล่านี้ สิ่งสำคัญคือเผชิญหน้ากับความจริง แก้ปัญหาเื่ 'ท้องอิ่มกับนอนอุ่น' โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า
เธอเปิดเป้ แล้วค้นขนมปังนมสดออกมาฉีกซอง กลิ่นหอมของเนยสดยั่วยวนชวนน้ำลายสอ
เซวียเสี่ยวหรั่นกลืนน้ำลาย ปรายตาไปที่ชายหนุ่มบนพื้น ก่อนแบ่งขนมปังนมสดออกเป็สองส่วน หลังเปรียบเทียบกันแล้ว เธอก็กัดครึ่งที่ใหญ่กว่านิดหน่อยไปคำหนึ่ง
อีกประเดี๋ยวเธอมีงานต้องทำอีกมาก กินเยอะหน่อยถึงจะมีแรงทำงาน เซวียเสี่ยวหรั่นหาเหตุผลในการกินอย่างสบายใจ
ขนมปังนมสดชิ้นขนาดเท่าฝ่ามือแบ่งเป็สองส่วน กินแค่สองสามคำก็หมดแล้ว หลังกลืนขนมปังลงท้อง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยื่นอีกครึ่งหนึ่งให้ชายหนุ่มด้วยความรู้สึกปวดใจ ถึงเขาจะพิการอย่างไร ก็เป็คนมีเืเนื้อมีชีวิต ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ไม่อาจมองเขาอดตายไปต่อหน้าต่อตา
"เอ้า ขนมปังอีกครึ่งหนึ่งนี่ของคุณ ฉันพกมาไม่มาก ต้องประหยัดกินเอาหน่อย ไม่อย่างนั้นเกิดหาของกินอย่างอื่นไม่ได้ อีกสองสามวันพวกเราคงได้หิวตายในป่า"
เมื่อคืนตอนชายผู้นี้บีบคอเธอ เรี่ยวแรงไม่น้อย แสดงว่ามือและเท้าของเขายังขยับได้
ผ่านไปครู่ใหญ่ชายคนนั้นก็ยังคงนิ่งไม่ขยับ เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งนึกได้ว่าเขาเป็ใบ้ ตาก็มองไม่เห็น
หัวใจพลันรู้สึกเหมือนถูกกดทับจนหายใจลำบาก