หญิงชราวัยเจ็ดสิบปีหรือย่ารดาผู้าุโสูงสุดของวังเปรมเดินกลับออกมาจากสวนดอกไม้ด้านหลังวังพร้อมกับสาวใช้นับสิบคนเดินตามหลังของหญิงผู้มีอำนาจ ถึงแม้อายุจะแตะเลขเจ็ดแล้วแต่สุขภาพของเธอยังคงแข็งแรงดี ขาที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นให้เห็นเด่นชัดก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นจนพาตัวเองมายืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง
“เพิ่งตื่นหรอคามิน ลงมาซะสายเลย” เสียงทุ้มพร่าของคนอายุมากทักหลานชายที่เพิ่งโผล่มาให้เห็นหน้าเป็ครั้งแรกของวัน
“ครับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบตีสองแหนะ” ปากหนาคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะก้าวขาเดินลงบันไดฝั่งห้องของตน
ั์ตาที่ยังคงสวยไม่สร่างมองตามร่างแกร่งก้าวเดินลงบันไดมาทีละขั้นเพื่อรอหลานลงมาคุยกันด้านล่าง
วืดดด ปั่ก ปั่ก ปั่ก!!
“ว้ายยยย / กรี๊ดดดดด”
เสียงกรีดร้องและเสียงะโออกมาด้วยความใดังขึ้นทันทีที่องค์รัชทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลก้าวพลาดเสียหลักแล้วหงายหลังลงหัวฟาดเข้ากับขั้นบันไดอย่างจังจนชายหนุ่มหมดสตินอนคอพับไปตรงนั้น…
“คามิน!! มัวยืนงงอะไรกัน เรียกรถพยาบาลสิ!!!”
ผู้มีศักดิ์เป็ย่ารีบวิ่งเข้าไปหาหลานของตนแล้วจับตัวของเขาด้วยความระมัดระวังเพื่อสังเกตอาการเบื้องต้น ก่อนจะหันไปตะคอกใส่บรรดาสาวใช้ที่เอาแต่ร้องกรี๊ดทำให้หญิงสาวเ่าั้ได้สติเรียกรถพยาบาลตามคำสั่งของเธอ
“คามิน ได้ยินย่าไหม…คามิน”
นิ้วเหี่ยวย่นยื่นไปอังตรงปลายจมูกของหลานชายเพื่อเช็กลมหายใจของเขาเพราะเธอพยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไร้การตอบกลับ และสิ่งที่ทำให้ใจของหญิงชราแทบหยุดเต้นคือไม่มีััจากลมอุ่นร้อนใดๆ โดนที่นิ้วของเธอเลย…
“คะ คามิน คามินลูก ได้ยินย่าไหม” เสียงของผู้เป็ย่าสั่นเครือทันทีพร้อมกับหยดน้ำใสเอ่อล้นลงมา
“คุณย่าคะ คุณย่าคะ…คุณย่ารดา ได้ยินไหมคะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณย่ารดาคะ…”
เสียงเรียกดังขึ้นจนกระทบเข้าที่โสตประสาทหูของคนที่นอนอยู่ด้านใน ทำให้หนังตาที่ปิดสนิทอยู่ปรือขึ้นมาช้าๆ พร้อมกับความชื้นเปียกรอบดวงตา หญิงชรานอนนิ่งไม่ได้เอ่ยตอบอะไรสาวใช้ที่เรียกชื่อเธอตรงหน้าห้องเพราะตอนนี้คนสูงวัยกำลังทำจิตใจของตัวเองให้กลับเป็ปกติ หลังจากตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายก่อนหน้าที่ทำเอาใบหน้าและหมอนเปียกชื้นไปหมด
“…ย่ารดาคะ ได้ยินไหมคะ”
“อะ อื้ม…ฉันตื่นแล้ว เดี๋ยวออกไป” หญิงผมขาวหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เป็ปกติแล้วตอบคนดูแลที่รออยู่หน้าห้อง
ทำไม่นี้ถึงฝันไม่ดีบ่อยเหลือเกิน…จะเกิดอะไรขึ้นอีกนะ
สี่สิบนาทีให้หลัง
“วันนี้ไมอายังไม่มาส่งขนมอีกหรอช่อ” คนสูงวัยหันไปถามหญิงคนสนิท
“ค่ะ สงสัยที่ร้านยุ่งเลยมาช้า”
ป้าช่อตอบออกไปเพราะปกติสาวสวยเ้าของร้านเป็คนตรงต่อเวลา จะมีเข้ามาส่งขนม่บ่ายบ้างแต่ก็เป็เพราะขายดีจนปลีกตัวออกมาไม่ได้
“ต้นอ้อ ไปตามไมอามาหาย่าหน่อยสิ”
“ได้ค่ะคุณย่า” เสียงใสรับคำสั่งแล้วเดินตรงออกจากวังไป
“คามินยังไม่ลงมาใช่ไหม…” พอเห็นต้นอ้อเดินออกไปรดาวรรณก็หันมาถามช่อต่อ
“ใช่ค่ะ วันนี้คุณคามินยังไม่ลงมาเลยั้แ่เช้า”
“อืม” ใบหน้าเหี่ยวพยักขึ้นลงอย่างเข้าใจ
เธอก็แค่ต้องรอเวลา…
ร้านหอมละมุน
“นี่จะเที่ยงแล้วหรอเนี่ย รีบเอาขนมไปส่งในวังก่อนดีกว่า”
ปากเล็กพูดออกมาก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนสีน่ารักออกจากตัวหลังจากที่เธอเพิ่งมีเวลาพักหายใจเพียงไม่กี่นาที เพราะวันนี้ั้แ่เปิดร้านจนถึงเมื่อสิบนาทีก่อนก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ไม่มีเวลาปลีกตัวออกไปส่งขนมให้ย่ารดาเลย
มือเรียวจับขนมที่เธอแยกใส่กล่องเอาไว้ต่างหากลงถุงผ้าเตรียมจะเดินออกไปจากร้าน
กริ๊ง ~ เสียงกระดิ่งดังขึ้นทำให้ร่างบางหมุนตัวหันกลับมาที่หน้าร้านอีกครั้ง
“อ้าว…ต้นอ้อ” ไมอามองหลานของป้าช่อเดินเข้ามาในร้านด้วยความแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะปกติจะเจอกันแต่ในวัง
“พี่ไมอากำลังจะไปส่งของในวังใช่ไหม” ใบหน้าสวยใสถามพร้อมกับตาที่มองถุงผ้าที่เธอถืออยู่
“ใช่จ้ะ พอดีเพิ่งว่างน่ะ มีอะไรหรอ”
“เปล่าค่ะ ย่าแค่ให้มาตามพี่เข้าไปพบเฉยๆ”
“อ๋อ งั้นไปสิ เดินไปด้วยกัน” เธอดันหลังหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเธอสองปีให้เดินออกมาที่หน้าร้าน ก่อนจะใช้กุญแจล็อกประตูร้านไว้จากด้านนอกแล้วพากันเดินเข้าไปด้านในของพระราชวัง
“เป็อะไร ทำไมวันนี้เราดูไม่ค่อยร่าเริงคุยเก่งเหมือนทุกวันเลย” ไมอาหันไปถามต้นอ้อที่เดินอยู่ข้างกัน
“่นี้ใกล้สอบน่ะค่ะ กลัวจะอ่านหนังสือไม่ทัน อีกอย่างต้นอ้อไม่ใช่คนหัวดีด้วยเลยใช้เวลามากกว่าคนอื่น…”
“ไม่ต้องคิดมากน่า ยิ่งเครียดหรือกดดันมากเกินไปสมองจะทำงานได้ไม่ดีนะ ใจเย็นๆ แล้วก็ค่อยๆ อ่านค่อยๆ ทวน”
เธอพูดแนะนำออกไปเพราะจำได้ว่าต้นอ้อเรียนจบช้ากว่าเพื่อน เนื่องจากต้องทำงานหลายอย่างทั้งในวังและงานพาร์ทไทม์เลยไม่แปลกที่สาวน้อยจะกังวลใจเื่เวลาในการอ่านหนังสือ
“ค่ะ ต้นอ้อจะพยายาม” สาวน้อยหันมาพยักหน้าให้ไมอาแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ
“…ไมอา มาพอดีเลยลูก”
ย่ารดาหันหน้ากลับมามองเธอที่เพิ่งเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ของวัง ทำให้ใบหน้าสวยเหลือบสายตามองตามสิ่งก่อนหน้าที่หญิงสูงวัยมองอยู่ ก็เห็นหลานชายของเขากำลังเดินลงมาจากบันไดซึ่งเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยก้าวขาเดินตรงไปหาหญิงสูงวัยที่นั่งรออยู่ตรงปลายบันไดแทน
แต่ในจังหวะที่ร่างบางเป็ฝ่ายเดินมาถึงก่อนแล้วจะย่อตัวลงนั่งข้างตัวของผู้อุปถัมภ์ชายหนุ่มที่กำลังเดินลงบันไดก็เสียหลักทำท่าเหมือนจะล้มไถลลงมา ทำให้เธอรีบลุกพรวดเด้งตัวจะไปคว้าช่วยเขาตามสัญชาตญาณแต่ร่างกายของชายหนุ่มกลับล้มลงมาปะทะทางเธอจนร่างแบบบางกระแทกลงที่พื้นตามด้วยตัวของเขาที่ทาบทับลงมา…
ปั่ก! อึก
ไม่มีเสียงร้องด้วยความเ็ปออกมาจากทั้งเธอและเขาเพราะต่างคนต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเก็บความจุกไว้ในใจ
“ฟู่วววว ~” หญิงสูงวัยพ่นลมหายใจออกมาเสียงดังด้วยความรู้สึกโล่งใจเพราะคิดว่าไมอาจะมาไม่ทันเสียแล้ว
“นะ นี่…นายจะลุกได้หรือยัง มันหนัก”
สองสายตามองประสานกันไม่ใช่เพราะความโรแมนติกแต่เป็สายตาของความรำคาญใจเสียมากกว่าจากเธอ
ร่างหนาพอได้สติก็ยันแขนแกร่งดันตัวขึ้นโดยไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปตรงหน้าเพื่อดึงคนตัวเล็กอีกคนขึ้นมาด้วย ซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาเพราะลำพังตัวเองก็ไม่มีแรงเหมือนกันในตอนนี้…
“ขอบใจ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“เช่นกัน แต่คราวหลังช่วยระมัดระวังมากกว่านี้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็สะดุดเดี๋ยวก็ล้ม อ่อนแอชะมัด!”
ถึงแม้จะไม่ได้หนักหนาอะไรแต่ไมอาก็อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้เพราะคนตัวสูงแลจะซุ่มซ่ามเสียเหลือเกินจนเธอพลอยลำบากไปด้วย ั์ตาสวยมองหน้าเขานิ่งซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดจากวนประสาทอะไรออกมาในครั้งนี้…สงสัยจะเจ็บอยู่ล่ะมั้ง
สายตาอีกคู่ของหญิงชราที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าั้แ่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้เลยได้ข้อสรุปให้กับตัวเองในใจ…ปกติสิ่งที่เธอฝันมันจะเกิดขึ้นเสมอแค่ไม่รู้ว่าจะเป็เมื่อไหร่ ตอนไหน หรือที่ไหน แล้วก็จะไม่มีอะไรไปขวางมันไว้ได้อย่างเหตุการในอดีตที่เคยมีให้เห็นแล้วกับสามีของเธอรวมไปถึงพ่อแม่ของคามิน แต่่หลังมานี้มันกลับไม่เป็ไปแบบเดิมเพราะทุกครั้งที่เธอฝันว่าหลานชายของตนจะได้รับาเ็จะมีหนูไมอาเข้ามาช่วยได้ทันเวลาเสมออย่างกับถูกกำหนดไว้แล้ว…
“ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีวันนี้ที่ร้านค่อนข้างยุ่งเลย” ไมอาหันกลับมาสนใจย่ารดาที่นั่งอยู่บนวีลแชร์แทนแม้จะยังรู้สึกปวดตามตัวเล็กน้อย
“ไม่เป็ไร จะมาขอโทษย่าทำไมขายดีก็ดีแล้วสิ” มือเหี่ยวของหญิงมีอายุลูบผมนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ย่าทานขนมเลยไหมคะ เพิ่งอบมาไม่นานน่าจะยังอุ่นๆ อยู่เลย”
“อืม เอาสิ”
ไมอาที่เห็นย่ารดาพยักหน้าเห็นด้วยก็ลุกเดินไปหยิบถุงขนมของเธอออกมาทำให้กลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายทันที
“คามินชิมหน่อยไหม” หญิงสูงวัยไม่ลืมหันไปถามหลานของตัวเอง
“ไม่ดีกว่าครับ เราไม่มีร้านอื่นให้เลือกเลยหรอ ผมกินทุกวันจนเอียนหมดแล้ว” คามินพูดออกมาหลังจากยืนเงียบมานาน
“จริงๆ นายยืนเงียบต่อไปก็ดีแล้วนะ” ไมอาหันขวับแล้วพูดสวนเขาทันที
“5555 สองคนนี้จะไม่สงบศึกกันจริงๆ สินะ” ย่ารดาขำออกมากับการทำตัวเป็เด็กของคนทั้งคู่
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับมีธุระต้องออกไปจัดการ…ปะนนท์” เสียงทุ้มหันไปบอกย่าก่อนจะเรียกนนท์ชายหนุ่มผู้ช่วยของเขาแล้วเดินนำออกไป
“เราก็กลับไปเปิดร้านใช่ไหมตอนบ่าย” พอหลานชายขอปลีกตัวออกไปก่อนหญิงสูงวัยก็หันมาถามสาวร่างเล็กข้างตัวแทน
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวหนูต้องออกไปส่งขนมให้อาธเนศที่บริษัท”
ร่างสูงโปร่งที่ยังเดินไม่พ้นตรงประตูเสียจังหวะในการเดินทันทีที่หูของเขาได้ยินประโยคที่ไมอาเพิ่งพูดออกมา แต่เพียงครู่เดียวชายหนุ่มก็ก้าวเดินต่อตามปกติ…
