ซุนเฟยระงับความโกรธสุดกำลัง กัดฟันแน่นแล้วถามคำถามข้อที่สามอย่างช้าๆ “ข้าอยากรู้ว่า ของที่ข้าได้รับจากที่นี่สามารถนำออกไปที่โลกของข้าได้ไหม? แม่ชีอาคาร่าผู้ทรงเกียรติ ท่านทราบความหมายที่ข้าพูดไปไหม ได้หรือไม่ได้?”
ซุนเฟยพร้อมแล้ว
แค่ยัยป้านั่นพูดคำว่า ‘เป็ความประสงค์ของพระเ้า’ หรือ ‘ข้าก็ไม่รู้’ เขาจะพุ่งเข้าไปหาแม่ชีแล้วชกหน้านั่นสักหมัด...ส่วนผลที่ตามมานะเหรอ? มารดามันเถอะ เขาไม่สนมันแล้ว!
โชคดีที่คำตอบของอาคาร่าไม่ใช่แบบนั้น
“นักผจญภัยหนุ่ม ท่านต้องระลึกถึงกฎข้อนี้เสมอ ในโลกนี้ หากอยากได้อะไรจำเป็ต้องมีของแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม...ฮิๆ เพียงท่านสามารถนำของที่ทำให้พระเ้าทรงพอพระทัย เื่อะไรก็สามารถเกิดได้!”
“ความหมายที่ท่านพูดคือ แค่ข้าสามารถจ่ายค่าตอบแทนไหว ก็สามารถเลือกนำของบางอย่างออกไปได้ ใช่ไหม?”
“หนุ่มน้อย นี่ถือว่าเป็คำถามข้อที่สี่ของเ้าไหม?”
ยัยป้าเอ๊ย ไม่ตระหนี่สักครั้งเ้าจะตายใช่ไหม? ในใจซุนเฟยก่นด่าไม่หยุด
แต่เขาไม่ได้เปิดเผยความคิดภายในใจของเขา บนใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพนอบน้อม ยกมือจับใต้คางตัวเองพลางทำท่าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ถือ แน่นอนว่าไม่ถือเป็ข้อสี่ แหม่ ท่านอย่าล้อเล่นอะไรแบบนี้เลย...” พูดตามจริง ซุนเฟยถูกภาพลักษณ์ความโลภของอาคาร่าทำเอากลัวหัวหดไปหมด เขารีบถามข้อที่สี่ต่อทันที “ทำไมข้าถึงถูกบังคับให้ออกจากโลกนี้? เสียงที่อยู่ในหัวข้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“นั่นก็คือเสียงของพระเ้าที่นำทางท่านมา...หนุ่มน้อย เมื่อพลังจิตของท่านมีมากพอที่จะสนับสนุนท่านให้เคลื่อนย้ายจิตสำนึกท่านมายังโลกนี้ หากจิตสำนึกท่านแข็งแกร่งมากพอก็สามารถอยู่ในโลกนี้ได้ตลอดไป แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านยังทำไม่ได้ ด้วยระดับพลังจิตของท่านตอนนี้สามารถอยู่ที่โลกนี้ได้เพียงสี่ชั่วโมง!”
พลังจิต?!
ที่แท้เป็แบบนี้นี่เอง!
ซุนเฟยเข้าใจแล้ว
ซุนเฟยฟังอาคาร่าพูดจบก็หันหลังจากไปอย่างไม่ลังเล
เขากลัวว่าถ้าตัวเองยังอยู่ที่นี่ต่อ คงทนไม่ไหวกับความงกของอาคาร่าแล้วทำเื่อะไรที่พระเ้าคงไม่อาจให้อภัยได้ ไอ้โง่ที่ไหนเคยพูดว่า NPC โง่จะตาย เวลาตอบคำถามก็ตอบตามพล็อตเื่? เพราะซุนเฟยเชื่อประโยคนี้ถึงได้ประมาทศัตรูไง สุดท้ายถูก NPC ขี้้งกสูบเืสูบเนื้อไปอย่างโหดร้าย
“นักผจญภัยหนุ่ม ท่านยังมีโอกาสถามคำถามได้อีกหนึ่งข้อนะ...” อาคาร่าะโไล่หลังมาอย่างย่ามใจ
“ขอเก็บไว้ก่อน รอครั้งหน้าข้าคิดคำถามที่เหมาะกับสองพันเหรียญทองได้เมื่อไร ข้าจะมาถามท่านอีกครั้ง!”
ซุนเฟยแทบจะวิ่งหนีไป
…
…
“ดูเหมือนว่าหลังจากนี้จะต้องระมัดระวังเวลาที่ติดต่อกับพวก NPC ในโลก Diablo ไม่อย่างนั้นคงถูกคนพวกนั้นสูบเืสูบเนื้อจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก มารดามันเถอะ รับมือยากกว่ามอนเตอร์ในป่าเป็ไหนๆ...”
หลังจากที่เดินผละจากอาคาร่า ซุนเฟยตัดสินใจไปเก็บเลเวลต่อ
ในโลกแห่งความเป็จริง เมืองแซมบอร์ดอยู่ในสถานการณ์แย่มาก เขาจำเป็ต้องอัพเลเวลตัวเองให้เร็วที่สุด หากไม่สามารถรักษาเมืองแซมบอร์ดไว้ได้ อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจว่าจะรักษาชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างไว้ได้ก็ยังดี
วิธีการอัพเลเวลให้เร็วที่สุดไม่ใช่การฆ่ามอนสเตอร์แต่เป็การรับเควสและรับรางวัลหลังจากจบเควส
ดังนั้น ก่อนที่จะเดินออกจาก 'ค่ายโร้ก' ซุนเฟยจำได้ว่าในเกมคอมพิวเตอร์จะให้ไปหาคาเชีย หัวหน้าทหารของ 'ค่ายโร้ก'
คาเชียเป็ผู้ให้เควสอันที่สอง นั่นคือการ ‘กำจัดบลัด เรเว่น’
คาเชียเป็ผู้นำทหารรับจ้างของ 'ค่ายโร้ก'
คาเชียมีเป็โร้กสาวที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดให้อยู่ภายใต้คำสั่ง แต่ละคนมีทักษะที่ยอดเยี่ยม ในเกมคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ผู้เล่นทำเควส ‘กำจัดบลัด เรเว่น’ ผู้เล่นจะได้รับความเชื่อถือจากคาเชีย และนางจะส่งโร้กสาวทหารรับจ้างของ 'ค่ายโร้ก' มาคุ้มครองฟรีๆ โดยไม่คิดเงิน ถือว่าเป็รางวัลสำหรับภารกิจ
“ฮึๆ ไม่รู้ว่าพวกโร้กสาวจะสวยเหมือนในเกมคอมไหม?” EQ ของซุนเฟยก็เหมือนตลาดหุ้นจีนที่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างบ้าคลั่งที่บางทีหุ้นก็ตกโดยไม่รู้ตัว
เขาเงยหน้าขึ้น แอบย่องไปที่เต็นท์ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังคาเชีย
เต็นท์นั้นเป็เต้นท์ที่โร้กสาวใช้พักอาศัย มีเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงวัยรุ่นหลายต่อหลายครั้ง เสียงใสดั่งระฆังเงิน ราวกับลูกแมวน้อยข่วนใจของซุนเฟย คันยุบยิบอยู่ในใจทำให้ผู้คนอ่อนระทวย
แต่ม่านเต็นท์นั่น กลับปิดซะมิดชิดทำให้ซุนเฟยมองอะไรไม่เห็น
เขาเดินออกจาก 'ค่ายโร้ก' พลางหันกลับไปมองเต็นท์นั้นอย่างหงอยๆ
…
…
‘บลัด เรเว่น’ ที่ทรยศ 'ค่ายโร้ก' อาศัยอยู่ที่สุสานในป่าลึกของ 'โคลด์เพลส' และรอบๆ ตัวนางมีเหล่ามอนสเตอร์จำนวนมากคอยปกป้อง
ซุนเฟยเดินทางออกจากค่ายและเดินผ่าน 'บลัดมอร์' ตลอดทางเขาไล่ฆ่ามอนสเตอร์นับไม่ถ้วน เดินทางได้ประมาณสองชั่วโมง ฝนก็ตกลงมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ 'โคลด์เพลส'
และตอนนี้ตัวละครคนเถื่อนของซุนเฟย ในที่สุดก็เลื่อนระดับเป็เลเวล 7
มันก็เหมือนๆ กับเกมคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ที่ยิ่งเลเวลสูง การเลื่อนระดับจำเป็ต้องใช้ค่าประสบการณ์มากขึ้นและยิ่งต้องใช้เวลานานในการเก็บค่าประสบการณ์ จากเลเวล 0 ถึง 5 ซุนเฟยใช้เวลาเพียงสามชั่วโมง แต่จากเลเวล 5 ถึง 7 กลับต้องเสียเวลาถึงสองชั่วโมง
'โคลด์เพลส' มีอากาศหนาวกว่า 'บลัดมอร์'
อากาศก็เปลี่ยนจากเขตอบอุ่นเป็เขตหนาวและประเภทมอนสเตอร์ก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น นอกจาก 'ชาแมน จอมขมังเวทชาแมน' ที่เป็มอนสเตอร์ที่พบเห็นได้ง่ายแล้ว ยังมี 'โร้กมืด' ที่เป็มอนสเตอร์ตัวใหม่และยังมีจำนวนไม่น้อยเลยด้วย มอนสเตอร์ประเภทนี้มีรูปร่างคล้ายผู้หญิงและสวมชุดเกราะทั้งตัว ในมือจะถือโล่และหอกยาวไว้ เมื่อนักผจญภัยปรากฏกายขึ้น พวกนางก็จะพุ่งเข้ามาเป็กลุ่มใหญ่และล้อมนักผจญภัยไว้ ก่อนที่จะตายนางจะส่งเสียงโหยหวนออกมาเพื่อเรียกเพื่อนอีกกลุ่มมารุม ค่อนข้างกวนโมโหอยู่ไม่น้อย
การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ประเภทนี้ จะหลบก็หลบไม่ได้ ไม่มีวิธีรับมืออื่นอีกแล้ว แม้ว่ามันจะยากแต่ก็ต้องฝ่าเข้าไปฆ่าให้เหี้ยนอย่าให้เหลือเพื่อเปิดทางเข้าไป
ตลอดทางที่ซุนเฟยไล่ฆ่ามีแต่เสียงกรีดร้องและเืของเหล่ามอนสเตอร์กระจายเต็มไปหมดจนยากที่จะบุกเข้าไป
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ซุนเฟยก็มาถึงสุสานที่ ‘บลัด เรเว่น’ อาศัยอยู่
เขาคำนวณเวลาอยู่สักพัก เขามีเวลาอยู่ในโลก Diablo แค่สี่ชั่วโมง ตอนนี้ยังเหลือเวลาอยู่อีกแค่หนึ่งชั่วโมง ถือว่ามีเวลาเหลือเฟือในการฆ่า ‘บลัด เรเว่น’ และทำเควสเสร็จสมบูรณ์
แต่ตอนนี้ ซุนเฟยตรวจสอบสถานะตัวเองครั้งหนึ่ง เขาตัดสินใจจะทำสิ่งอื่นก่อน
นั่นคือกลับไปที่ค่าย ไปซ่อมอุปกรณ์และซื้อน้ำยา
ในระหว่างที่ฆ่ามาตลอดทางก่อนหน้านี้ หมวกเกราะและอาวุธบนร่างของซุนเฟยก็ชำรุด ความอึดและพลังก็ลดลงไปไม่น้อย ด้วยสภาพแบบนี้แทบจะไม่ต่างกับคนพิการ หากไปเผชิญหน้ากับบอส ‘บลัด เรเว่น’ ที่เป็บอสหลักของ 'โคลด์เพลส' มันก็ไม่ต่างอะไรกับเอากระบองไม้ไปแหย่ตูดเสือ ไม่แตกต่างอะไรกับเดินไปหาความตาย
นี่เรียกว่าการจะให้งานออกมาดีนั้น ต้องมีเครื่องมือที่ดีก่อน
ซุนเฟยคิดดังนั้นก็เปิดกระเป๋า ไม่ลังเลที่จะใช้ 'ม้วนคัมภีร์กลับเมือง'
ประกายแสงสีน้ำเงินสว่างขึ้น มีเสียงดังฟู่ หลังจากนั้นประตูเทเลพอตก็ปรากฏออกมา ซุนเฟยรีบเดินเข้าไป ทันทีที่เดินทะลุประตูเทเลพอร์ตก็มาโผล่ที่ 'ค่ายโร้ก'
ในความทรงจำในโลกก่อน จะมี NPC ช่างตีเหล็กผู้หญิงที่ชื่อว่า ชาร์ซี เป็ผู้ที่ซ่อมอุปกรณ์ของ 'ค่ายโร้ก'
ซุนเฟยดูแผนที่เพื่อหาทิศทางที่แน่นอน จากนั้นก็เดินผ่านสองสามเต็นท์ ไม่ช้าก็พบกับชาร์ซี
ชาร์ซีเป็หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี หน้าตาสละสลวย ร่างกายผอมเพรียว ผมสีทองถูกรวบมัดไว้ด้านหลัง อาจจะเป็เพราะว่าเป็ช่างตีเหล็กมานาน นางจึงไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็ผู้หญิงที่อ่อนแอ กลับกันนางกลับดูองอาจกล้าหาญ คิ้วของนางขมวดแน่น ดูเหมือนจะมีอะไรเื่บางอย่างกวนใจนางอยู่
สำหรับการที่ซุนเฟยมาที่นี่ ชาร์ซีก็ดูไม่แปลกใจ
หลังจากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซุนเฟยต้องเสียยี่สิบเหรียญทองในการซ่อมชุดเกราะ หมวก ถุงมือ รองเท้าบู๊ทและขวานั์คู่ จากนั้นก็ถือโอกาสขายไอเทมที่ได้รับมาจากมอนสเตอร์และไม่ได้ใช้งานให้กับช่างตีเหล็กสาวคิ้วขมวดคนนี้
ในตอนนี้เอง ซุนเฟยก็พลันพบเื่ที่น่าใ ไอเทมเหมือนกันแต่พอขายให้ชาร์ซีกับขายได้เหรียญทองมากกว่าแม่ชีอาคาร่า
“ยัยแม่ชีนั่นสุดท้ายก็ไม่ใช่คนดีจริงๆ ด้วย!”
หลังจากที่พบเื่นี้ ความไม่พอใจที่ซุนเฟยมีให้อาคาร่าก็ยิ่งพุ่งสูง แอบสาบานในใจว่าหลังจากนี้หากมีไอเทมอะไร ให้ตายอย่างไรก็ไม่ไปขายให้กับยัยป้าขี้งกที่สูบเืสูบเนื้อเก่งยิ่งกว่าแวมไพร์อีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนว่าชาร์ซีไม่อยากพูดคุยกับเขามากนัก หลังจากซุนเฟยซ่อมอุปกรณ์เสร็จก็กล่าวขอบคุณแล้วรีบจากไป เขาทะลุประตูเทเลพอร์ตมายังสุสานของ 'โคลด์เพลส' พร้อมที่จะสังหาร ‘บลัด เรเว่น’ แล้ว
เขาเหลือเวลาไม่มาก
…
ห้าสิบนาทีต่อมา
อ๊าๆๆๆ!
เสียงร้องโหยหวนของผู้หญิงดังขึ้นมา
เสียงร้องนั่นราวกับลูกศร ทำลายความเงียบสงบของ 'โคลด์เพลส'
ซุนเฟยาเ็ทั่วทั้งร่างกาย ยืนจมูกเบี้ยวอยู่ตรงกลางของสุสาน หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมา ในที่สุดก็เอาชนะจนได้ ‘บลัด เรเว่น’ ในอดีตนางเป็โร้กสาวที่ทรงพลัง หลังจากที่ฝักใฝ่มาทางด้านมืดก็กลายเป็ปีศาจ หลังจากที่ได้รับความทรมานจากกลยุทธ์ ‘แทะโลม’ ของซุนเฟยที่ ‘ศัตรูมาข้าถอย ศัตรูถอยข้าเข้าสู้ ศัตรูเหนื่อยข้าซ้ำ ศัตรูพักข้ารบกวน’ ในที่สุดก็ต้องร้องโหยหวนจมกองเืใต้ฝ่าเท้าของซุนเฟยอย่างไม่เต็มใจ
ทันทีที่ ‘บลัด เรเว่น’ ตาย ก็มีสายฟ้านับไม่ถ้วนที่พุ่งออกมาจากศพของ ‘บลัด เรเว่น’ เสียงฟ้าร้องผ่าดังสนั่น ยิ่งเวลานานไปสายฟ้าก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ไม่ช้าสายฟ้าเหล่านี้ก็ปกคลุมสุสานเหมือนวันสิ้นโลกจะมาถึง
แต่ซุนเฟยที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้ากลับไม่ได้รับาเ็สักนิด
ดูเหมือนว่าสายฟ้าพวกนี้จะไม่มีพลังโจมตี
เวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดสายฟ้าก็สลายหายไป
ฉากแปลกๆ ปรากฏขึ้นทีละนิด ศพของ ‘บลัด เรเว่น’ ลอยอยู่ในอากาศ ก่อนจะปรากฏภาพมายาร่างผู้หญิงที่มีท่าทางสง่างามเหมือนเทพธิดา ดูคล้ายกับนักรบโร้กสาวแสนสวย
ในใจของซุนเฟยพลันคิดว่า “ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ คงจะเป็ิญญาของอิซาเบลล่าที่เป็โร้กสาว ก่อนที่จะหันมาฝักใฝ่ด้านมืดหรือเปล่า? ฮึๆ พูดแบบนี้ก็หมายความว่า ข้าฆ่านางตายสินะ ถือได้ว่าทำความดียิ่งกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นหรือเปล่า?”
อมิตตาพุทธ! ขอพระเ้าคุ้มครองนาง ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้...
ใบหน้าซุนเฟยเคร่งขรึม ปากยังสวดมนต์อวยพรให้นางอีกด้วย
วินาทีต่อมา ซุนเฟยก็กลับมาเป็ปกติ น้ำไหลไหลย้อย แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นไอเทมที่ดรอปมาจากศพของ‘บลัด เรเว่น’ ในทางทฤษฎีแล้ว ‘บลัด เรเว่น’ เป็บอสระดับสูงก็น่าจะให้แรร์ไอเทมสักชิ้นสองชิ้น
สุดท้ายเมื่อกวาดสายตาไปมองบนพื้นก็พบแสงสีทองเปล่งประกาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้