รอยสีเข้มแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว
ไม่นานชุดกระโปรงก็ไม่อาจดูดซับได้ทั้งหมด ของเหลวสีแดงสดไหลลงมาบริเวณหว่างขาที่ไป๋หว่านหนิงยืนอยู่
มันไหลรวมกันเป็แอ่งน้ำเล็กๆ
ไป๋หว่านหนิงหน้าซีดเผือดด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทว่าดูราวกับนางไม่รู้สึกเ็ป ขณะที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ะโไปด้วย
“พวกเ้าล้วนคิดทำร้ายข้า ล้วนคิดสังหารลูกของข้า!”
“ฝูเอ๋อร์ ฝูเอ๋อร์!”
ไป๋เซี่ยเหอะโเสียงดัง ทว่าสิ่งที่นางได้ยินมีเพียงเสียงลมหวีดหวิวกับเสียงใบไม้กรอบแกรบเท่านั้น
ท้องฟ้าเป็สีดำเข้มราวกับถูกสาดด้วยหมึก
กลิ่นฝนโชยมากับลม
“ไม่มีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์!”
ไป๋เซี่ยเหอตบหน้าไป๋หว่านหนิงอย่างแรง “ไป๋หว่านหนิง เวลาเ้าต่อต้านข้า คิดร้ายกับข้า ข้ายอมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเ้าได้ เพราะถึงอย่างไรเ้าก็เป็น้องสาว ข้าจึงไม่คิดจะลงมือกับเ้าจริงๆ”
“แต่เ้าไม่ควรใช้ชีวิตลูกของตนเองมาวางแผนกับข้า เสือร้ายยังไม่กินลูกของมันเลย!”
ไป๋เซี่ยเหอดวงตาแดงก่ำ ในแววตาสีดำมีเพลิงโทสะลุกโชน
นางดูเบาไป๋หว่านหนิงเสียแล้ว!
นางคิดว่าความรักของมารดาจะอยู่เหนือทุกอย่าง
ั้แ่ไป๋หว่านหนิงเหยียบเข้าตำหนักของไท่จื่อ ไป๋เซี่ยเหอก็ครุ่นคิดนับครั้งไม่ถ้วนถึงวิธีที่ตนเองจะถูกใส่ร้าย
ทว่านางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ไป๋หว่านหนิงจะใช้ลูกแท้ๆ ในครรภ์ของตนเองมาใส่ร้ายนาง
เสียงฝีเท้ายุ่งเหยิงดังขึ้นนอกเรือน แสงสว่างค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้
ไป๋หว่านหนิงสลบไปเพราะเสียเืมาก
เนื่องจากไป๋เซี่ยเหอััร่างกายของไป๋หว่านหนิง ร่างกายจึงเปื้อนคราบเืของนางโดยไม่ทันระวัง
ใบหน้าขาวผ่องดุจหยกเปื้อนเืสีแดงสด
ยิ่งทำให้นางดูงามล่มเมือง!
นางยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า บุคลิกเ็าอย่างหาตัวจับได้ยาก ช่างเป็ความงามที่์สร้าง
“ไท่จื่อ พระองค์ต้องมอบความยุติธรรมให้เช่อเฟยของพวกเรานะเพคะ นางดูแลครรภ์อย่างยากลำบาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกพี่สาวแท้ๆ ของตนเองทำเช่นนี้เพคะ”
“คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋มาหาเช่อเฟยดึกๆ ดื่นๆ บ่าวรู้สึกว่าย่อมไม่ใช่เื่ดีแน่ ผู้ใดจะไปคิดว่านางจะใจกล้าเช่นนี้เพคะ”
เหลียงเอ๋อร์เดินร้องห่มร้องไห้เข้ามาพร้อมกับนางกำนัลคนอื่นๆ
สายตาของฮั่วิเชินจับจ้องไปที่ไป๋เซี่ยเหอเป็อันดับแรก
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อน เรือนผมยาวมัดครึ่งศีรษะ ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ สายลมพัดชายกระโปรงของนางให้พลิ้วไหวเล็กน้อย ดูงดงามชวนให้ตะลึง
ฮั่วิเชินไม่เคยคิดว่าไป๋เซี่ยเหอเองก็มี่เวลาที่งดงามถึงเพียงนี้ด้วย บางทีอาจเป็เพราะเมื่อก่อนไป๋เซี่ยเหอเอาแต่ตามติดเขา ดังนั้นเขาจึงคอยผลักไสไป๋เซี่ยเหออยู่ตลอดเวลา
แม้ว่านางจะเป็คู่หมั้นของเขา ทว่าเขากลับไม่เคยแม้แต่จะตั้งใจมองว่านางมีรูปโฉมเช่นไร
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าช่างใจกล้านัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าวางแผนสังหารเชื้อพระวงศ์ เ้ารู้โทษของตนเองหรือไม่?”
ไป๋เซี่ยเหอยังคงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“หากอยากลงโทษผู้ใด ก็ย่อมหาข้ออ้างได้เสมอ!”
ฮั่วิเชินใจอ่อนเล็กน้อย สตรีงามล้ำเช่นนี้ เขาอยาก ไม่อยากทำลาย
ทว่าเมื่อเขาใช้เหตุผลพิจารณาให้ดี
เขาก็ตระหนักว่า หากไม่กำจัดสตรีนางนี้ นางต้องเป็อุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดบนเส้นทางชีวิตของเขาแน่นอน
แม้จะไม่อยากยอมรับ ทว่าเขาก็ตระหนักเื่นี้ได้อย่างชัดเจน
นอกจากเสด็จอาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดโค่นสตรีที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้ลงได้
“ข้าจะให้โอกาสเ้าอธิบาย”
ไป๋เซี่ยเหอเงียบ
ก่อนที่คนเหล่านี้จะมา นางได้ค้นหาจดหมายฉบับนั้นบนร่างของตนเอง และพบว่ามันหายไปแล้ว
ทว่าคนที่เข้าใกล้นางมีเพียงฝูเอ๋อร์เท่านั้น
นางไม่เชื่อว่าฝูเอ๋อร์จะทรยศนาง
เพราะฝูเอ๋อร์ไม่มีเหตุผลและไม่มีแรงจูงใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีความจำเป็ใดๆ
“ผู้ใดก็ได้ช่วยจับนางไปส่งที่ศาลยุติธรรมที”
เนื่องจากไป๋เซี่ยเหอมีสถานะเป็ว่าที่พระชายาเซ่อเจิ้งอ๋อง คนของศาลยุติธรรมจึงมีความกริ่งเกรงอยู่บ้าง ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ว่าผู้ก่อเหตุคือไป๋เซี่ยเหอหรือไม่
เพราะถึงแม้จะใช่ ผู้ใดจะรู้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะคิดบัญชีย้อนหลัง และระบายโทสะกับพวกเขาหรือไม่?
ดังนั้นแม้ว่าจะถูกจำคุก ไป๋เซี่ยเหอก็อยู่ในคุกเดี่ยว
ในคุกไม่ได้สกปรกอย่างที่จินตนาการไว้ ดูเหมือนจะมีคนทำความสะอาดเอาไว้บ้างแล้ว บนตั่งที่ทำจากหินปูด้วยฟูกอ่อนนุ่มชั้นหนึ่ง นอนแล้วไม่รู้สึกหนาวจนเกินไป
ส่วนอากาศในคุกก็ถ่ายเท
แสงจันทร์ด้านนอกส่องเข้ามาในคุกที่มืดสนิด สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เล็กและซีดเซียวเล็กน้อยของไป๋เซี่ยเหอ
นางนั่งอยู่บนฟูก และหดกายอยู่ตรงมุม นางเอานิ้วโป้งเข้าปากโดยไม่รู้ตัว ดูดเล็บที่ตัดแต่งจนโค้งมนเบาๆ
ใบหน้าเ็าดูไม่ยี่หระ สมองหมุนวนอย่างรวดเร็ว
คืนนี้ฝูเอ๋อร์ดูแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าใกล้นางก็มีเพียงฝูเอ๋อร์เท่านั้น
ทว่าเหตุใดฝูเอ๋อร์ถึงเอาจดหมายฉบับนั้นไป?
แล้วนางหายไปไหนแล้ว?
ั้แ่ออกจากตำหนักของไท่จื่อจนมาถึงที่คุกแห่งนี้ นางไม่เห็นแม้แต่เงาของฝูเอ๋อร์
ฝูเอ๋อร์ย่อมไม่ทรยศนาง ทว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทุกอย่างดูผิดปกติเกินไป
‘ครืด’
จู่ๆ เสียงดึงโซ่ที่ใช้คล้องประตูคุกก็ดังขึ้น คุกแห่งนี้สร้างด้วยหิน และใช้โซ่คล้องประตูไว้ ไป๋เซี่ยเหอไม่รู้ว่าผู้ใดกำลังเปิดประตู
นางเกร็งร่าง เก็บงำลมปราณทันที
“ข้าเอง”
เมื่อประตูถูกเปิดออก เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ไป๋เซี่ยเหอะโลงจากตั่ง ก่อนจะโถมตัวเข้าไปหาร่างของฮั่วเยี่ยนไหวทันที
กลิ่นสดชื่นของสะระแหน่ทำให้อารมณ์ของนางค่อยๆ สงบลง
ตอนนี้นางไม่อยากคิดอะไรเลย ้าเพียงพึ่งพิงเขาเท่านั้น
“ท่านมาได้อย่างไร?”
ฮั่วเยี่ยนไหวดึงตัวนางให้นั่งลงบนม้าหินที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าเห็นว่าเ้าชอบกินมื้อดึก”
เขาพูดราวกับว่าไม่ได้อยู่ในคุก ทว่าเหมือนอยู่ในจวนของตนเอง
หมอกควันในใจของไป๋เซี่ยเหอสลายไป นางหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเปิดถุงกระดาษที่เขายื่นให้
เป็ไก่ฉีกตัวหนึ่ง กลิ่นหอมอันเข้มข้นของเนื้อไก่โชยเข้าจมูก หนังไก่ยังเปื้อนคราบน้ำมันสีเหลือง ทั้งยังมีผักชีโรยอยู่ทั่ว
ไป๋เซี่ยเหอสูดจมูก “เหตุใดท่านถึงซื้อไก่ฉีกมาให้ข้า?”
“เ้าไม่ชอบหรือ?”
“ไม่ใช่นะ”
อาหารบนโลกมีมากมายปานนั้น ทว่ากลับไม่ซื้ออย่างอื่น ดันซื้อไก่ฉีกเสียนี่ ทำให้นางกระวนกระวายอย่างอธิบายไม่ถูก
“เ้าบอกข้ามาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหอถูกขังอยู่ในคุก นางทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงพึ่งพาฮั่วเยี่ยนไหวเท่านั้น
นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดไป๋เซี่ยเหอถึงไม่ให้เจี่ยงอิงเอ๋อร์ตามมาด้วย
อย่างน้อยนางก็ยังเหลือทางหนีทีไล่
ไป๋เซี่ยเหอเล่าเื่ราวทั้งหมดอย่างละเอียด
นางเล่าด้วยท่าทีเฉยเมย ราวกับเล่านิทานอย่างไรอย่างนั้น
ฮั่วเยี่ยนไหวฟังแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น แผนการเช่นนี้ไม่อาจวางแผนได้ในวันเดียว ยิ่งไม่อาจทำสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว
“ฝูเอ๋อร์เล่า?”
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ฝูเอ๋อร์ดันเป็คนสนิทของไป๋เซี่ยเหอเสียนี่
นี่คือเื่ที่ชวนให้ประหลาดใจมากที่สุด
“ข้าไม่รู้”
ั้แ่ฝูเอ๋อร์เช็ดคราบยาบนชุดกระโปรงของนางเสร็จ นางก็ไม่เห็นฝูเอ๋อร์อีกเลย
“นางทรยศเ้าแล้ว”
------------------------