“น้องรั่วโหรว อย่าอายเลย! มานั่งข้างๆ พี่สาวมาเธอไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นหรอก”
สวี่รั่วโหรวพยักหน้าและนั่งข้างๆหานอิ๋งอิ๋งอย่างเชื่อฟัง
“นาย...คนสนิทของนายน้อยฉิน ฉันไม่ได้สบายอย่างที่คุณบอกหรอกค่ะพวกเธอทั้งสองอยากกินอะไร? เดี๋ยวฉันจะสั่งให้”หลังจากที่สวี่รั่วโหรวนั่งลง หานอิ๋งอิ๋งก็คล้องแขนของสวี่รั่วโหรวพวกเธอดูเหมือนเป็เพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเื่
สายตาที่มีเสน่ห์ของเธอดูเหมือนมีความสามารถในการสื่อสารเธอจับจ้องไปยังฉินเฟิงและมองเขาด้วยความเ็า
“ไม่ๆๆ รั่วโหรวกับผมเป็พนักงานจิ๊บจ๊อยที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหารเราไม่สามารถให้ผู้ช่วยหานเลี้ยงได้หรอก เราแค่ได้ยินมาว่าอาหารฝั่งนี้ดีเราเลยอยากจะมาดูเท่านั้นเอง” ฉินเฟิงยิ้ม
หานอิ๋งอิ๋งจ้องฉินเฟิงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆทันที “ฉินเฟิง แม้แต่คุณก็ทำตัวแปลกหน้ากับฉันเหรอคะ? ระวังนะ ฉันอาจจะเผลอหลุดพูดทุกอย่างต่อหน้าน้องรั่วโหรว”
ฉินเฟิงกระวนกระวายและจับมือของหานอิ๋งอิ๋งเขากล่าวด้วยรอยยิ้มของคนที่พยายามจะทำให้เป็ที่ชอบใจ “ผู้ช่วยหานผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าคิดจริงจังนักเลย”
หลังจากที่ฉินเฟิงจับมือของเธอกะทันหันหานอิ๋งอิ๋งก็รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อก
ในสองต่อสองนั้นแม้ว่าเธอจะพยายามรุกและอ่อยฉินเฟิงตลอดหลายครั้งมันก็แค่ผิวเผินของหุ้นส่วนทางธุรกิจเท่านั้นนอกจากนี้เธอรู้ว่าฉินเฟิงรักษาระยะห่างจากเธอดังนั้นแม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในตำหนักฉินและดูเหมือนสนิทกัน แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรระหว่างกัน
แม้ตอนที่มือของพวกเขาัักันเหมือนอย่างตอนนี้หัวใจของหานอิ๋งอิ๋งก็พรั่งพรูไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อยเธอดึงมือเธอกลับทันทีและมองฉินเฟิงอย่างเกี้ยวเล่นต่อ “เอาล่ะฉันจะไม่พูดไร้สาระกับคุณอีกแล้ว ฉันจะไปสั่งชุดสเต๊กมาให้พวกคุณแต่ละคนแล้วกัน”
หานอิ๋งอิ๋งยืนขึ้นและออกไปรูปร่างและการเคลื่อนไหวที่สง่างามของเธอทำให้ไม่ว่าเธอจะไปไหนสายตาของผู้คนก็จะติดตามไปตลอด
ไม่ว่าจะเป็พวกผู้จัดการในฝั่งชนชั้นสูงหรือพนักงานในฝั่งพนักงานธรรมดาทุกคนก็ต้องอ้าปากค้างขณะที่จ้องไปที่ฉากนี้อย่างตกตะลึง
หนึ่งในนั้นคือสวี่รั่วโหรวที่สวยบริสุทธิ์จากพนักงานธรรมดาส่วนอีกคนคือราชินีสุดเซ็กซี่หานอิ๋งอิ๋ง คนหนึ่งเป็น้ำและอีกคนเป็ไฟ ผู้หญิงสองคนที่มีความสวยไม่ธรรมดาถ้าพวกเขาได้ใครคนใดคนหนึ่งมาคงสำลักความสุขตายแน่
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาเห็นผู้ชายที่มาจากฝั่งพนักงานธรรมดานั่งกินกับพวกเธอทั้งคู่พร้อมกันพวกเขาแม้แต่เริ่มคุยกันและหัวเราะคนที่ดูอยู่รู้สึกเหมือนกับโดนยิงด้วยลูกศรพันดอก พวกเขาไม่เข้าใจรสนิยมของผู้หญิงพวกนั้นเลย
“หะ...หัวหน้าทีมหวัง ผะ...ผมตาฝาดไปหรือเปล่าครับ? ไอ้เด็กฉินเฟิงนั่นมันเข้าไปกินในพื้นที่ผู้บริหารระดับสูงจริงๆและสาวสุดเซ็กซี่นั่นเป็ใครกัน?” เสี่ยวจางถามด้วยความตะลึง
เขาและหวังเชาเห็นห้องส่วนตัวของหานอิ๋งอิ๋งจากที่ที่พวกเขานั่งอยู่พวกเขาเห็นเหตุการณ์ภายในห้องทั้งหมดผ่านผนังไม้แกะสลัก
สีหน้าของหวังเชายิ่งงงมากขึ้นเพราะตำแหน่งของเสี่ยวจางในบริษัทต่ำต้อย จึงเป็ธรรมดาที่เขาไม่รู้จักหานอิ๋งอิ๋งอย่างไรก็ตาม หวังเชารู้จักหานอิ๋งอิ๋งดี เธอเพิ่งเข้ามาในบริษัทและได้รับความนิยมอย่างมากตามข่าวที่ได้มา เธอเป็ผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานฉินที่ถูกจ้างมา
สายตาของหวังเชาสว่างวาบเมื่อเห็นฉินเฟิงกำลังพูดและยิ้มกับสาวงามที่อยู่ในตำแหน่งนั้น“ฮึ่ม เป็ไปไม่ได้ ไอ้เด็กฉินเฟิงนั่นจะรู้จักผู้ช่วยหานได้ยังไง? ฉันคิดว่ามีโอกาส 80% ที่การบุกเข้าไปในพื้นที่ระดับสูงของมันจะรบกวนมื้อกลางวันของผู้ช่วยหานเธอเลยไปหาเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจัดการกับมัน”
“มารอดูโชว์สนุกๆ กันเถอะ ในไม่ช้าฉินเฟิงจะโดนไล่ออกมาเหมือนหมาขี้เรื้อน” เมื่อหวังเชามาพร้อมกับเหตุผลนี้สีหน้าที่มืดมนของเขาก็เปลี่ยนเป็ยิ้มแย้มขณะที่ยินดีกับความโชคร้ายของฉินเฟิง
“ใช่แล้วๆ ตอนแรกสาวสวยคนนั้นกำลังกินข้าวอยู่และไอ้บ้าฉินเฟิงนั่นก็ไปรบกวนเธอ เธอต้องไปหายามแน่ๆ ฮ่าๆๆ ไอ้บ้านี่เป็แค่พนักงานฝ่ายขายแท้ๆ แต่ดันหาเื่แสร้งทำเป็คนใหญ่คนโต ครั้งนี้มันจะต้องเสียหน้าแน่ มาดูกันว่าสวี่รั่วโหรวยังจะอยู่กับมันหลังจากนี้หรือเปล่า”
“จากที่ผมเห็นทั้งหวงเจียกรุ๊ปแห่งนี้มีแค่หัวหน้าทีมหวังเท่านั้นที่มีความสามารถคว้าสวี่รั่วโหรวได้ ส่วนคนอื่นๆทำได้แค่ยืนมองอยู่ข้างๆ เท่านั้น” ความจริงเสี่ยวจางก็เล็งความสวยของสวี่รั่วโหรวมานานแล้ว หัวใจของเขาไม่สงบแต่เขารู้ที่ของตัวเองดี ครั้งนี้เขายอมแพ้จากเทพธิดาองค์นี้อย่างเด็ดขาดและใช้เธอเลียขาหวังเชา
หวังเชามีความสุขมากจนหน้าบานเขาเริ่มชอบเสี่ยวจางคนนี้มากยิ่งขึ้น “เสี่ยวจางดูเหมือนว่าแกจะพูดได้ค่อนข้างดีนะ แกต้องเป็พนักงานขายที่มีคุณภาพแน่นอนต่อไปจงติดตามฉัน และฉันจะรับประกันว่าแกจะไม่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็ธรรม”
“หัวหน้าทีมหวัง ไม่ต้องห่วงครับ ต่อไป เสี่ยวจางจะหนุนหลังคุณเองผมขอปฏิญาณว่าชีวิตนี้จะรับใช้หัวหน้าทีมหวัง”เสี่ยวจางยินดีมากจนเกือบจะะโโลดเต้นด้วยความดีใจ
“ฮ่าๆๆ แกไม่จำเป็ต้องหนุนหลังให้ฉันหรอก ตราบใดที่แกทำงานได้ดีทุกอย่างจะเป็ของแก” หวังเชากล่าวอย่างไม่จริงจัง
เสี่ยวจางรู้ดีว่าคำพูดพวกนี้เชื่อไม่ได้เขาเหลือบตาไปและเห็นหานอิ๋งอิ๋งกำลังเดินกลับมาพร้อมกับมือถือถาดสองถาดเขาเรียกหวังเชาทันที “หัวหน้าทีมหวังครับ รีบดูนั่นสิ สาวสวยคนนั้นกลับมาแล้วโชว์กำลังจะเริ่มแล้วล่ะ”
หวังเชาฮึกเหิมทันทีและมองไปทางฉินเฟิงแต่เขาเห็นว่าไม่มียามตามหลังหานอิ๋งอิ๋งและเห็นเธอถือถาดสองถาดเข้ามาในห้องส่วนตัวแทน ลางร้ายโผล่ขึ้นในใจของเขาทันที
“ผู้ช่วยหาน คุณเป็คนที่มีตำแหน่งสูงส่ง และคุณก็เอาอาหารมาให้เราเป็การส่วนตัวคุณจะทำให้พวกเราอายุสั้นนะ”ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองไปยังเรือนร่างที่อยู่ภายใต้ชุดทำงานของหานอิ๋งอิ๋ง
หานอิ๋งอิ๋งนำถาดมาต่อหน้าฉินเฟิงและสวี่รั่วโหรวเธอกลอกตาใส่ฉินเฟิง “รีบกินซะ ขนาดอาหารดีๆ ยังหยุดปากคุณไม่ได้เลย”
“มันขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร ถ้าเป็ริมฝีปากที่หอมหวานของคุณผู้ช่วยหานผมมั่นใจว่าหยุดได้แน่นอน” ฉินเฟิงยิ้ม
เรือนร่างที่น่าหลงใหลของหานอิ๋งอิ๋งสะดุ้งและใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอก็แดงขึ้นมาทันทีแต่ก่อนเธอเป็คนที่ใช้ถ้อยคำและเรือนร่างพวกนี้อ่อยฉินเฟิง แต่ตอนนี้ฉินเฟิงเป็คนเริ่มเย้าแหย่แทนมันต่างกันโดยสิ้นเชิง และยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น
สวี่รั่วโหรวชินกับมุกที่ฉินเฟิงชอบใช้กับเธอแล้วดังนั้นสีหน้าของเธอจึงยิ่งกว่าธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดของเขา อย่างไรก็ตามเธอคิดว่าอย่างไรหานอิ๋งอิ๋งก็เป็ถึงผู้ช่วยประธานฉิน ถ้าฉินเฟิงเริ่มหยอกเธอพี่อิ๋งอิ๋งคงจะมีความแค้นกับเขาแน่นอน
สวี่รั่วโหรวแก้ตัวแทนฉินเฟิงทันที“พี่หานอิ๋งอิ๋ง ขอบคุณที่นำอาหารมาให้พวกเรานะคะฉินเฟิงถึงจะปากเปราะแต่ก็ไม่มีเจตนาไม่ดี ดังนั้นอย่าโกรธเลยนะคะ”
หานอิ๋งอิ๋งมองดูสวี่รั่วโหรวและฉินเฟิงด้วยท่าทีแปลกๆความรู้สึกสับสนผุดขึ้นในใจ อย่างไรก็ตาม ภายนอกเธอยิ้มและกล่าว “น้องรั่วโหรวไม่ต้องสุภาพหรอก ฉันไม่รู้ว่าเธอกับฉินเฟิงจะสนิทกันขนาดนี้เธอเริ่มดูเหมือนเ้าสาวตัวน้อยที่พูดปกป้องเขาแล้วนะ”
ใบหน้าของสวี่รั่วโหรวแดงแปร๊ดเธอกินสเต๊กอย่างเขินอายและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ฉินเฟิงไม่ได้แตะพวกมีดส้อมบนโต๊ะเขามองดูที่สเต๊ก น้ำผลไม้ และสลัดผลไม้ต่อหน้าและคิดเื่อาหารในฝั่งของพนักงานธรรมดา เขายืนขึ้นทันที
“ฉินเฟิง คุณจะทำอะไรเหรอ?” หานอิ๋งอิ๋งถามทันทีเมื่อเธอเห็นท่าทีของฉินเฟิงเปลี่ยนไป
“ทำลายระเบียบสักหน่อย” ฉินเฟิงหันกลับมามองและยิ้มเขายืนขึ้นต่อหน้าหน้าต่างที่เรียงเป็แถว
หน้าต่างที่เรียงเป็แถวอยู่นี้กั้นฝั่งพนักงานธรรมดาออกจากฝั่งของบุคคลระดับสูงในโรงอาหารฉินเฟิงยืนอยู่ต่อหน้าหน้าต่างและเห็นพนักงานหลายร้อยคนกำลังกินอยู่ในฝั่งพนักงานธรรมดาและเขาก็เห็นผู้จัดการและหัวหน้าระดับสูงหลายสิบคนในฝั่งผู้บริหารระดับสูงด้วยเช่นกัน
ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มที่ผ่อนคลายเขายกขาขึ้นและถีบทะลุหน้าต่างทันที
เพล้ง!
เสียงดังกระหึ่มทำให้ทุกคนที่อยู่ในโรงอาหารชั้นสามสะดุ้งด้วยความใหลังจากนั้นพวกเขาทุกคนก็หันมามอง
ชายผอมสูงกำลังไล่ถีบกระจกที่กั้นเป็แถวอย่างบ้าคลั่งเขามองดูผอมและอ่อนแอ แต่พลังทำลายของเขาน่าใเป็อย่างยิ่ง ในแต่ละครั้งที่ถีบชิ้นส่วนกระจกจากหน้าต่างหล่นกระจายเต็มพื้น
เมื่อมองจากด้านหลังเขาดูสูงใหญ่ขึ้นมาทันที สายตาหลายร้อยคู่ในฝั่งพนักงานธรรมดาเริ่มเร่าร้อนพวกเขาจ้องทุกการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงอย่างตั้งใจเมื่อไม่นานมานี้กำแพงนี้เป็ช่องว่างในใจของพวกเขาที่แยกพวกเขาออกจากชนชั้นสูง
มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเตือนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็พนักงานธรรมดาที่มีค่าจ้างต่ำสุดทั้งที่พวกเขาทำงานหนักที่สุดพวกเขาต้องคอยกินข้าวไร้รสชาติหรือไง?
พวกเขาไม่พอใจไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่พวกเขาไม่กล้าเสนอคำวิพากษ์วิจารณ์เพราะบริษัทใหญ่โตส่วนใหญ่มีโรงอาหารที่แยกระดับแบบนี้อยู่แล้ว พวกเขารู้ตัวดีว่าควรพอใจที่ได้สามารถทำงานในหวงเจียกรุ๊ปและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเองพวกเขาจะเสี่ยงตกงานโดยคิดเื่เพ้อฝันพวกนี้ได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นมีคนกล้าก้าวออกมาเป็พนักงานธรรมดาที่ทำในสิ่งที่พวกเขาคิดฝันมาโดยตลอด เขาบ้า บุ่มบ่าม และเกรี้ยวกราด...อารมณ์ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาอดทนไว้กลายเป็ฟองสบู่พวกเขาเริ่มชุมนุมโห่ร้องจากก้นบึ้งของหัวใจออกมาทีละคน
เพล้งๆๆ!
ฉินเฟิงถีบกระจกราบไปแถวหนึ่งแล้วตอนนี้เขาวิ่งไปที่ด้านซ้ายและเริ่มกระหน่ำถีบอีกครั้ง
เขาเหมือนกับสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งเขาทำสิ่งที่ตัวเอง้าอย่างดุเดือด เพราะเขาคิดว่ากำแพงนี้ไม่ควรมีอยู่
“เฮ้ นายกำลังทำอะไรน่ะ? รีบหยุดมือเดี๋ยวนี้นะ”ทันใดนั้น เสียงตำหนิก็ดังจากด้านหลังของฉินเฟิงหนุ่มหล่อตัวสูงใหญ่ที่มีบรรยากาศแห่งความสำเร็จไหลซึมเดินออกมา
ผู้ชายคนนี้คือพนักงานใหม่ในแผนกการเงินของหวงเจียกรุ๊ปหลินส้วย เขาเป็นักศึกษาจบนอกที่เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียหลังจากเข้าบริษัทได้ไม่นานเขาก็ไต่เต้าจากผู้ช่วยนักวิเคราะห์การเงินเล็กๆไปยังตำแหน่งนักวิเคราะห์ทองคำ
เนื่องจากเขาเพิ่งอายุ25ปี หล่อและรวย เขาจึงเป็คนดังที่หญิงโสดทุกคนในหวงเจียกรุ๊ปตามจีบและหมายปอง
การปรากฏตัวของหลินส้วยไม่ได้หยุดฉินเฟิงฉินเฟิงยังคงมีความสุขกับการใช้ลูกเตะกลางอากาศการเมินเฉยที่เรียบง่ายนี้ทำให้ใบหน้าของหลินส้วยแข็งทื่อทันทีเขาเข้าใกล้ฉินเฟิงและแผดเสียง “ฉันบอกให้หยุดมือ นายพยายามจะก่อจลาจลหรือไง?”
ฉินเฟิงยังคงถีบผนังกระจกที่เหลืออยู่เขากล่าวอย่างไร้เดียงสา “นายตาบอดเหรอ ฉันไม่ได้ใช้มือสักหน่อยฉันใช้เท้าตลอดเลยต่างหาก”