บทที่ 15 วิชากายาสังหารแห่งศาสตรา เขาเพิ่งเริ่มฝึกเมื่อวานไม่ใช่หรือ?
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอรุณสาดส่องเจิดจ้า
ภายในหอฝึกยุทธ์ เซียวฉินเดินกระโผลกกระเผลกเข้ามา ใบหน้าซีดขาว ลมหายใจแ่เบา บ่งบอกว่าเขายังคงาเ็อยู่
“เซียวฉินยังกล้ามาอีกหรือนี่...”
“เมื่อวานโดนอัดจนเละ แผลยังไม่ทันหายดีด้วยซ้ำกระมัง”
“เฮ้อ... ถ้าเป็เซียวฉินคนเดิม แค่มือเดียวก็เตะหวังหู่กลิ้งไปทั่วได้แล้ว ตอนนี้ไม่รู้เป็อะไรไป”
“ถ้ายังเป็แบบนี้อีกครึ่งปี เขาคงต้องถูกเชิญออกจากสำนักชิงเยวียนแล้วกระมัง?”
เหล่าศิษย์บางคนซุบซิบกัน เสียงถอนหายใจปนความเสียดาย
พอพวกเขาเห็นหวังหู่กับหวังฮ่าวสองพี่น้องเดินเข้ามา ก็พากันเงียบกริบทันที
“เ้าคนไร้ค่า วันนี้ยังกล้ามาอีกหรือ”
“ดีนัก ข้าชอบพวกหัวแข็ง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
หวังหู่ยิ้มอย่างสนใจ พลางขยับแขนเตรียมพร้อม
ปัง—
เซียวฉินลากสังขารที่าเ็ ฝึกฝนหมัดทีละครั้ง โดยไม่สนใจคำพูดของหวังหู่เลยแม้แต่น้อย
‘ศิษย์น้องหลี่ วันนี้ไม่มาหรือ?’
‘ดูท่าจะฟังคำเตือนของเขาเสียแล้ว’
‘เฮ้อ น่าเสียดายที่เขามีเหตุผลจำเป็ต้องมาให้ได้’
อีกครึ่งปี เขาก็จะต้องถูกขับออกจากสำนักแล้ว เืลมของเขาเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ เขาจึงต้องฝากความหวังไว้กับวิชาหมัดเท่านั้น
“ศิษย์พี่เซียว ท่านาเ็หรือ?”
เมื่อได้ยินเสียง เซียวฉินก็หันกลับไปมอง
เมื่อเห็นผู้มาเยือน เขาก็ตกตะลึง
“หลี่โม่?”
ทุกคนก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
‘เขา... เขากล้ามาจริงหรือนี่?’
เมื่อวานหวังหู่ประกาศไว้แล้วว่าหากหลี่โม่ยังกล้ามาอีก เขาจะ ‘ขอประลอง’ ด้วย เพราะหวังหู่เริ่มฝึกวิชาหมัดมานานแล้ว แม้หลี่โม่จะสามารถเป็ศิษย์สายตรงได้ แสดงว่ามีพร์ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่มีพื้นฐานวิชาการต่อสู้ และเพิ่งเริ่มััวิถีแห่งยุทธ์เท่านั้น
‘หรือว่าเป็เพราะเขารู้สึกว่าการที่ศิษย์สายตรงอย่างเขาจะถูกศิษย์ชั้นนอกข่มขู่นั้น ทำให้เสียหน้า?’
‘แต่ถ้าโดนอัดยับเยิน ยิ่งน่าอับอายกว่ามิใช่หรือ!’
“ดี! ดี! ดี! ดูท่าเ้าจะคิดว่าข้าไม่กล้าขอคำชี้แนะจากศิษย์สายตรงเสียแล้ว”
หวังหู่หรี่ตาลง จ้องไปที่หลี่โม่ บรรยากาศรอบกายเขากลายเป็อันตรายขึ้นมาทันที
สำหรับเซียวฉินนั้น เขามีท่าทีหยอกเย้าเสียมากกว่า
แต่สำหรับหลี่โม่ นั่นคือความเกลียดชังเข้ากระดูกดำ
เขาเงยหน้ามองพี่ชายของตน
“อย่าทำเื่ที่ผิดกฎ” หวังฮ่าวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“นั่นก็แน่นอน” หวังหู่ยิ้มกว้าง
หมายความว่า ภายในขอบเขตของกฎเกณฑ์ เขาจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?
เหอหงเฟิงขมวดคิ้ว ‘หวังหู่นี่จะอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลยหรือ?’
‘สองพี่น้องนี่เพิ่งเข้าสำนักมาทีหลัง ไม่เคยเห็นความร้ายกาจของผู้าุโซางอู่เลยหรือไง?’
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดกฎ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“ทุกคนอย่าเอาแต่ยืนทื่ออยู่เลย ไปฝึกหมัด!”
เหล่าศิษย์ชั้นนอกต่างก็เริ่มฝึกวิชาหมัดของตน หวังฮ่าวเองก็กำลังถ่ายทอดวิชาหมัดหกประสานให้แก่ศิษย์ชั้นนอกที่มาใหม่
เมื่อมองดูการเคลื่อนไหวของเขา ก็ยังััได้ถึงความกลมกลืนเป็ธรรมชาติ แสดงว่าเขามีความเชี่ยวชาญในวิชาหมัดหกประสานมาหลายปีแล้ว
แต่จิตใจของผู้คนในหอฝึกยุทธ์ในตอนนี้ กลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเท่าไหร่นัก
อีกเดี๋ยวคงมีเื่เกิดขึ้นเป็แน่!
“เ้าไม่ควรมาเลย”
เซียวฉินเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม คิ้วเข้ม ๆ ขมวดเข้าหากันแน่น
“เมื่อวานท่านโดนอัด วันนี้ท่านก็ยังมาไม่ใช่หรือ?”
หลี่โม่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
เซียวฉินถอนหายใจ “ข้ามีเหตุผลที่จำเป็ต้องมา...”
“ข้าก็มีเหมือนกัน”
“เอ๊ะ?”
เซียวฉินชะงักไปเล็กน้อย ไม่รู้จะพูดอะไรดี
จริงอยู่ที่แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ก็พอจะมองออกว่าศิษย์น้องหลี่เป็คนสบาย ๆ ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบการแข่งขันเอาชนะ หรือเอาเื่หยุมหยิมมาใส่ใจ
“ศิษย์พี่เซียว นี่คือของตอบแทน ถือเป็การตอบแทนความเมตตาที่ถ่ายทอดวิชาเมื่อวาน”
หลี่โม่หยิบกล่องหยกใบหนึ่งยื่นให้
“วิชาหมัดหกประสานก็ไม่ใช่สุดยอดวิชาเทพเซียนอะไรนักหรอก...?!”
เซียวฉินกำลังพูด โดยยังไม่ได้เปิดกล่องออกจนหมด แต่ดวงตากลับหดเล็กลงทันที เขารู้แล้วว่าข้างในคืออะไร
ผลึกทมิฬ!
“อย่าส่งเสียงดังนัก ท่านกับข้ารู้กันก็พอ”
หลี่โม่เอานิ้วจรดริมฝีปากเป็สัญญาณให้เขาเงียบเสียง
“ศิษย์น้องหลี่ นี่... นี่ข้ารับไว้ไม่ได้!”
“อีกอย่าง ของล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ว่าจะใช้ฝึกวิชาใดก็จะมีผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ เ้าควรเก็บไว้ใช้เอง!”
เซียวฉินรีบปิดกล่องอย่างรวดเร็ว แม้แต่เสียงก็ลดลงด้วย
“ข้ามีสภาพร่างกายที่พิเศษ จึงใช้มันไม่ได้”
รอยยิ้มของหลี่โม่มีความจริงใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นแววตาแห่งความปรารถนาฉายวูบในดวงตาของเซียวฉิน แต่เซียวฉินก็ยังคงควบคุมมันไว้ได้
ไม่เพียงแต่ปฏิเสธแล้ว ยังกลัวว่าตนจะไม่รู้ถึงมูลค่าของผลึกทมิฬ จึงเอ่ยปากเตือนอีกด้วย
‘เซียวฉินคนนี้คบได้!’
“แต่ก็ไม่ได้อยู่ดี นี่มันมีค่ามากเกินไป”
เซียวฉินยังคงมีท่าทีแน่วแน่และไม่ยอมรับ
“หากท่านรู้สึกไม่สบายใจ ก็ให้ถือว่าข้าให้ท่านยืมไปก่อน หากมีโอกาสค่อยคืนก็แล้วกัน”
“ในฐานะเพื่อนคนแรกที่ข้าคบหาในสำนัก หากปฏิเสธอีกล่ะก็ เท่ากับไม่ให้เกียรติกันแล้วนะ”
หลี่โม่พูดพลางวางกล่องลงบนมือเขาโดยตรง
“เพื่อน...”
เซียวฉินกอดกล่องนั้นไว้ ยืนนิ่งอยู่กับที่
แต่ก่อนในสำนักชิงเยวียน เขาก็เคยมีเพื่อน แต่ก็เป็เื่ที่เกิดขึ้นในตอนที่เขายังมีพร์อยู่
พอเขาสูญเสียรัศมีของอัจฉริยะ และถูกลดขั้นจากศิษย์ชั้นในมาเป็ศิษย์ชั้นนอก คนที่อ้างตัวว่าเป็เพื่อนเ่าั้ อย่าว่าแต่ช่วยเหลือในยามยากเลย แค่ไม่ซ้ำเติมก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ศิษย์น้องหลี่ เพิ่งจะสอนวิชาหมัดให้เขาได้เพียงวันเดียวเท่านั้น
ผลึกทมิฬเม็ดนี้ อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาได้เลยทีเดียว!
เพราะเมื่อครู่หยกโบราณที่หน้าอกของเขาเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง
“เก็บไว้เถอะศิษย์พี่เซียว สถานการณ์ของท่านจำเป็ต้องใช้มัน” หลี่โม่พยายามโน้มน้าวอีกครั้ง
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“บุญคุณในวันนี้ ตลอดชีวิตไม่มีวันลืม”
เซียวฉินไม่ได้กล่าวคำขอบคุณยาวเหยียด และไม่ได้ถามว่าเหตุใดหลี่โม่จึงเชื่อว่าเขาจะมีความสามารถในการตอบแทนในอนาคต
ดวงตาแน่วแน่ กำหมัดแน่น พร้อมกับคารวะ ทุกสิ่งล้วนอยู่ในความเงียบ
“ถ้าอย่างนั้น ต่อไปเวลาข้า้าความช่วยเหลือจากท่าน ข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
หลี่โม่ตบไหล่เขา
เมื่อดูจากสายตาของพี่ชายผู้นี้แล้ว คาดว่าต่อไปหากต้องยอมสละชีวิตเพื่อตนเอง ก็คงไม่กะพริบตาเลยทีเดียว
ลิขิตฟ้าสีม่วงเชียวหรือนี่
อาจารย์ในนามของเขาก็เป็ลิขิตฟ้าสีม่วงเช่นกัน ปัจจุบันเป็ผู้าุโที่อายุน้อยที่สุดในสำนักชิงเยวียน
การลงทุนครั้งเดียว ไม่เพียงแต่ได้รับมิตรภาพจากยอดฝีมือในอนาคต แต่ยังได้รับผลตอบแทนจากระบบอีกด้วย
เรียกว่าสามฝ่ายได้ประโยชน์
แต่เขาเองได้ประโยชน์ถึงสอง ถือว่าคุ้มค่ายิ่งนัก
“มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ‘มีเพื่อนมาก ย่อมมีหนทางมาก’”
“หากข้าลงทุนต่อไปเช่นนี้ รอให้พวกเขาเติบโตขึ้น ข้าจะไม่กลายเป็คนที่ ‘มีหน้ามีตา’ ที่สุดในราชวงศ์ต้าอวี้หรอกหรือ?”
หลี่โม่ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยความคิดให้ล่องลอย ภาพฉากคลาสสิกผุดขึ้นในสมอง
ศิษย์สายตรงของสำนักชิงเยวียนกลับบ้านเกิด พบว่าบิดาอาศัยอยู่ในบ้านสภาพยากไร้
เพียงคำสั่งเดียว ยอดฝีมือแสนคนก็แหวกอากาศออกมา...
ต่อไปโปรดเรียกข้าว่า หลี่โม่ ผู้พลังผลแห่งความหน้าตาดี และมีแต่คนให้เกียรติ!
ภาพนั้นช่างสวยงามเหลือเกิน
‘อา— ใช่แล้ว ยังมีรางวัลอีก’
เซียวฉินยังคง้านำหลี่โม่ไปฝึกวิชาหมัดหกประสานต่อ แต่ศิษย์น้องหลี่ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างสุภาพ เพียงแค่นั่งลงข้างๆ
จิบชาพลางตรวจสอบผลตอบรับจากการลงทุน
ผลตอบแทนการลงทุน
[ยินดีด้วยเ้าของระบบ ท่านลงทุนสำเร็จ: ผลึกทมิฬหนึ่งเม็ด]
[ผลตอบแทนการลงทุน: “กายาศาสตราสังหาร”]
[“กายาศาสตราสังหาร” (วิชาชั้นยอด)]: “ด้วยพลังคมกล้าแห่งการสังหารของอาวุธ หล่อหลอมร่างกายสู่กายาะแห่งวิถีสูงสุด เมื่อสำเร็จ จะทำให้อาวุธทั้งปวงยอมสยบ และมีร่างกายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ยามใช้อาวุธใด ๆ พลังจะเพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณ!”
วิชาการต่อสู้ที่สมบูรณ์หลั่งไหลเข้ามาในสมองของหลี่โม่ ทันใดนั้นเขาก็สามารถท่องจำมันได้อย่างขึ้นใจ
เขาหลับตาลง อ่านและจดจำอย่างตั้งใจ
นี่กลับเป็วิชาฝึกกายเนื้อ
และยังสามารถเพิ่มความสามารถในการควบคุมอาวุธอีกด้วย!
“กายาสังหารแห่งศาสตรา” แค่ฟังชื่อก็ััได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย แต่นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาชั่วร้าย ตรงกันข้ามกลับเป็วิชาฝึกกายเนื้อที่บริสุทธิ์และลึกซึ้งอย่างยิ่ง
อันตรายและยากที่จะสำเร็จ
แต่ผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อสำเร็จนั้น ได้เกินความยากลำบากและอันตรายเ่าั้มาก!
ฝึก!…หลี่โม่ตัดสินใจ
คนในยุทธภพ จะไม่ถูกดาบฟันได้อย่างไร
เกราะป้องกันที่ดีแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบได้กับความแข็งแกร่งของร่างกายตนเอง
เพื่อความปลอดภัยของตน จึงจำเป็ต้องฝึกมันให้สำเร็จ
“สถานที่ที่มีพลังอาวุธแห่งการสังหารอย่างแข็งกล้าและเข้มข้น ในสำนักมีที่แบบนั้นด้วยหรือ?”
ไม่ทันไร หอฝึกยุทธ์ก็หยุดการถ่ายทอดวิชาหมัด
ถึงเวลาฝึกฝนอิสระ
ซึ่งหมายความว่าสามารถประลองได้อย่างอิสระเช่นกัน
“ศิษย์สายตรงหลี่ วันนี้เ้าไม่มีผู้หญิงคุ้มกันแล้วใช่ไหม?”
หวังหู่ยิ้มแสยะ กำหมัดจนเกิดเสียงกรอด ๆ
ดวงตาของเขาทั้งสองข้างแดงก่ำ จ้องมองราวกับจะกลืนกินเด็กหนุ่มตรงหน้าทั้งเป็
เหอหงเฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขากำลังจะลุกขึ้นไปห้าม ทว่าก็ถูกหวังฮ่าวจับมือไว้
“ศิษย์น้องหวัง หากเกิดเื่ขึ้นจริง ท่านกับข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว” เหอหงเฟิงกล่าวเสียงเคร่ง
หวังฮ่าวหรี่ตาลง พลางเยาะเย้ย “วางใจเถอะ น้องชายของข้าลงมืออย่างมีขอบเขต อีกอย่างเขาก็แค่ขั้นพลังปราณโลหิต หากมีปัญหาอะไร ท่านสามารถหยุดได้ทุกเมื่อ”
“ถ้าอยู่ภายในกฎเกณฑ์ ท่านก็อย่าได้เข้าไปยุ่งเลย”
“ก็ได้”
เหอหงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็คิดว่าจริงดังว่า
พลังลมปราณภายในของเขาได้บรรลุถึงขั้นมหาโคจรแล้ว ตราบใดที่เขาระมัดระวัง ขั้นพลังปราณนี้ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาใหญ่ภายใต้สายตาของเขาได้
“หวังหู่!”
เซียวฉินก้าวเท้าออกไป เขาลุกขึ้นยืนตรง และเดินเข้าไปหาหวังหู่โดยตรง
ดูเหมือนเขาจะ้า ‘ประลอง’ กับหวังหู่ก่อน
‘เซียวฉินคงคิดว่าจะมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นกระมัง’
แต่มีบางคนเร็วกว่าเขา
เซียวฉินได้ยินเพียงเสียงลมวูบผ่านหูไป
หวังหู่เห็นเพียงเงาร่างสีดำก้อนหนึ่งขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในดวงตาของเขา
นั่นคือหมัด!
ปัง—
ศิษย์ชั้นนอกทุกคนในที่นั้น แทบจะยังไม่ทันได้ตอบสนอง
พอกลับมาได้สติ ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำ
หวังหู่เซถอยหลังอย่างโซซัดโซเซ สุดท้ายก็ก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้น
ความตกตะลึงบนใบหน้าของเขายังไม่ทันจางหายไป
เขาอ้าปาก แต่พูดอะไรไม่ออก ความเ็ปใต้ซี่โครงทำให้เขาหายใจลำบาก
ดูเหมือนกระดูกจะร้าว
“เ้าอ่อนแอเกินไป ประลองกับเ้าคงไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย”
หลี่โม่เอ่ยอย่างเฉยเมย ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ
เซียวฉินที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง
‘วิชาหมัดหกประสาน?’
‘นี่... นี่มันไม่ถูกแล้ว ศิษย์น้องหลี่เพิ่งเริ่มเรียนวิชาหมัดเมื่อวานไม่ใช่หรือ!’
‘แล้วอีกอย่าง เขาก็เพิ่งเริ่มฝึกยุทธ์ ไปเอาเรี่ยวแรงมหาศาลมาจากที่ใดกัน?’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้