สองปีผ่านไป กูไท่ไท่ก็พาคุณหนูสามเหอตังกุยย้ายกลับเข้าจวนหลัวอีกครั้ง เวลานี้มารดาของกูไท่ไท่ตายแล้ว ด้วยเพราะเสียใจกับการแต่งงานทั้งสองครั้งที่ไม่สามารถมัดใจสามีไว้ได้จนชีวิตคู่ล้มเหลว ทำให้นางท้อแท้และกลัวการพบปะผู้คนที่รู้จัก สายตาของคนเ่าั้เปรียบดั่งเข็มทิ่มแทงหัวใจของนางตลอดเวลา หลังจากลงหลักปักฐานให้ลูกสาวแล้ว นางจึงเร่งเดินทางทั้งคืนเพื่อหนีไปทำสมาธิที่วัดซานชิง
เหอตังกุยเพิ่งย้ายเข้าตระกูลหลัวไม่นาน ก้นยังไม่ทันหายร้อนก็ได้ ''ผ้าไหมปักลายเมฆยามเช้าตรู่'' สี่พับที่นายท่านสามส่งให้คุณหนูและฮูหยินครอบครัวสาขาใหญ่และสาขาสอง แม้ของเหล่านี้จะไม่อยู่ในสายตาพวกนาง ทว่าหลัวไป๋ฉยงผู้คิดว่าตนเป็ศูนย์กลางประหนึ่งดาวล้อมเดือนกลับถูกคนแย่งตำแหน่งไปครอง นางจึงปิดประตูไตร่ตรองซ้ำไปซ้ำมา ััได้เพียงมีไฟแค้นสุมอก หากไม่ระบายมันออก ใบหน้าขาวผ่องเป็ประกาย การเสแสร้งแกล้งอ่อนโยน ดวงตาที่ทำให้ผู้คนสงสารและเอ็นดูของ ''หญิงป่าเถื่อน'' ผู้นั้น จะปรากฏในหัวของนางซ้ำ ๆ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ขณะเดียวกัน หลัวไป๋เส่าน้องสาวของนางก็เข้ามาพบพร้อมความไม่พอใจเต็มอก พวกนางจึงคิดวางแผนร่วมกัน นั่นถือเป็การจู่โจมครั้งแรกของทั้งสองคน
แม้จะเป็ทักษะวางแผนและการแสดงที่ใช้ไม่ได้ คำพูดเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย ทว่าเหอตังกุยผู้โหยหาความเป็พี่น้องกลับวิ่งตกหลุมกับดัก ครั้งนั้นพวกนางเล่นกลอุบายกับเสื้อผ้าด้วยการนำเศษกระจกจากซีหยางปักเป็ลายดอกกุหลาบ ขณะนั้นเหอตังกุยช่างโง่เง่ายิ่งนัก นางสวมชุดนั้นนานถึงหนึ่งเดือนกว่าแต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เพียงสงสัยาแเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันบนผิวเนียนละเอียดของนาง
และแล้วเื่ก็ชัดเจน เมื่อมือของสาวใช้ถูกเศษแก้วบาดขณะซักเสื้อผ้า เหอตังกุยไตร่ตรองเื่นี้ทั้งคืนจึงปักใจเชื่อว่าสองพี่น้องสาขาสองเป็ผู้กระทำ ทว่ากลับนึกเหตุจูงใจไม่ออก ด้วยความคิดที่ว่าเมื่อนางอาศัยจวนผู้อื่นก็ต้องก้มหน้าเป็คนดี เหอตังกุยจึงไม่กล้าแพร่งพรายเื่นี้ ยอมกล้ำกลืนฝืนทนอย่างเงียบ ๆ เพียงระมัดระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น
ชาตินี้ก็เป็หลัวไป๋ฉยงที่ส่งชุดมีหนามแหลมคมทิ่มแทงิัให้แก่นาง ขณะเหอตังกุยััหนามเ่าั้ก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ ‘พี่รองคงนั่งว่าง ไม่มีอะไรทำทั้งวัน เหตุใดจึงไม่คิดกลอุบายใหม่ ๆ ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาบ้าง? “การพายเรือทวนน้ำ ไม่คืบหน้าก็ถอยหลัง” พี่รอง... เ้ายังเป็คนเดิม แต่ข้า... ไม่ใช่ข้าคนเดิมในชาติที่แล้วอีกต่อไป’
ต่อหน้าหยางมามา เหอตังกุยค่อย ๆ กำหนามในมือเงียบ ๆ ก่อนจะแสร้งร้องใ ทำตัวน่าสงสารและบีบน้ำตาด้วยความเ็ปแต่ไม่ถึงขั้นไหลพราก นางไม่เอ่ยสิ่งใดนอกจากเปิดโปงเื่ชั่วร้ายที่มีผู้จงใจกระทำผ่านชุดเ่าั้
ทว่าหยางมามาไม่อยากคิดถึงคุณหนูรองหลัวไป๋ฉยงในด้านแย่ เพราะคุณหนูรองคือสตรีที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในตระกูลหลัว ไม่ว่าจะเป็ใบหน้า รูปร่างหรือชาติตระกูล ทั้งยังมีความสามารถด้านบทกวีและงานฝีมือ เป็เพียงคนเดียวที่โดดเด่นในจวนหลัวซีและหลัวตง อนาคตข้างหน้าจะต้องรุ่งโรจน์ไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้ จิตใต้สำนึกของหยางมามาจึงสลักไว้ว่าการคิดดูิ่เกียรติคุณหนูรองเท่ากับการทรยศหักหลังตระกูลหลัว
ความคิดนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงชั่วข้ามคืน ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเหอตังกุยยืนกรานให้หลัวไป๋ฉยงเป็คนผิด ด้วยการพูดด้านหยิ่งยโส ไร้มารยาทและใจดำอำมหิตของนาง เล่าเื่ที่นางเก็บสะสมหนามกระบองเพชรและมักใช้หนามเช่นนี้ลงโทษสาวใช้ที่กระทำผิด เช่นนั้นหยางมามาไม่เพียงจะยืนกรานปกป้องหลัวไป๋ฉยง ซ้ำยังสงสัยในคำพูดทั้งหมดของนางด้วย ภายหลังหากเหอตังกุยจะร้องขอความเป็ธรรมก็คงเป็เื่ยาก
ขณะที่เหอตังกุยครุ่นคิดว่าจะทำอะไรต่อนั้น จู่ ๆ กลิ่นหอมประหลาดของดอกเบญจมาศ ก็โชยมาเตะจมูก นางใยิ่งนัก นางไม่มีทางลืมกลิ่นนี้เด็ดขาด เพราะครั้งหนึ่งตนเคยได้รับความเ็ปจากมัน
ชาติที่แล้วในจวนตระกูลหลัว คุณหนูสี่หลัวไป๋เส่าเคยใช้ผงคันกลิ่นดอกเบญจมาศกับร่างกายเหอตังกุยหลายครั้ง บางครั้งก็ ''ไม่ตั้งใจ'' ทำผงยาหกใส่ร่างของตน ''โดยบังเอิญ'' บางครั้งก็ทาผงยาตามเครื่องใช้ที่เหอตังกุยัับ่อย ๆ บางครั้งก็วิ่งมาบอกตนด้วยรอยยิ้มว่าห้องครัวในเรือนของนางมีอาหารเหลือมากมาย ขอเพียงตนยอมจับผ้าเช็ดหน้าที่ทาผงคัน นางก็จะให้อาหารยามดึกแก่ตนตลอดวัน...
ตอนนี้หยางมามายืนเคียงข้างเหอตังกุย เสื้อผ้าบนโต๊ะมีกลิ่นดอกเบญจมาศเตียวซานเย่าโชยมา พยานหลักฐานล้วนมีพร้อม หากสูญเสียโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไป เกรงว่าจะไม่หวนกลับมาอีก เหอตังกุยจึงสงบจิตสงบใจเพ่งสมาธิทั้งหมดที่ปลายจมูก ในที่สุดก็ได้กลิ่นยาเตียวซานเย่าจากชุดชั้นในผ้าไหมงาช้าง
ความจริงแล้ว หลัวไป๋เส่าใช้ผงยาในปริมาณน้อยมากเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกค้นพบ มีเพียงคนสวมชุดชั้นในเท่านั้นที่จะรู้ถึงอาการคันแปลก ๆ จนถึงขั้นต้องถอดชุดออกแล้วเกาอย่างรุนแรง เมื่อแผนชั่วร้ายสำเร็จ แม้คนอื่นจะตรวจสอบสิ่งผิดปกติในชุดชั้นใน ทว่าผงคันก็คงซึมเข้าร่างผู้สวมชุดถึงเก้าหรือสิบส่วนแล้ว คนชั้นสูงในจวนใหญ่จะมีผู้ใดคิดถึงของชั้นต่ำเช่นผงยาเตียวซานเย่ากันเล่า?
หากเื่นี้ราบรื่น เหอตังกุยก็จะถูกบุรุษนอกเกี้ยวเห็นผิวเนื้อใต้ชุดชั้นใน ความบริสุทธิ์ก็จะถูกทำลายในที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นอาจต้องถอดชื่อนางออกจากแผนผังตระกูลเพื่อรักษาชื่อเสียงก็เป็ได้ เมื่อ ''คุณหนูสามเหอ'' หายไป เช่นนั้น ''คุณหนูสี่หลัว'' ก็จะแทนที่
เหอตังกุยยอมรับว่า แม้หลัวไป๋เส่าจะยังเด็ก แต่นางกลับคิดวิธีทำร้ายคนอื่นได้ ทั้งยังวางแผนรอบคอบกว่าพี่สาวหลายเท่า เด็ดขาดและกล้าคิดกล้าทำมากกว่ามารดาของนาง แท้จริงแล้ว คนที่เกลียดชังตนมากที่สุดคือเอ้อร์ไท่ไท่ เหอตังกุยคาดว่าครั้งนี้เหล่าไท่ไท่คงให้ตระกูลหลัวมารับนางกลับจวนอย่างเปิดเผย คนที่เดือดดาลที่สุดจึงน่าจะเป็ซุนซื่อ แม้ซุนซื่อจะมีอำนาจจัดการเื่ต่าง ๆ อีกทั้งมีแผนการชั่วร้ายเต็มอก มีที่ปรึกษาเต็มเรือน แต่นางกลับไม่ต่อต้านศัตรูของตัวเอง จนทำให้เหล่าไท่ไท่อารมณ์เสียกับความตั้งใจเดิมที่อยากชดเชยให้หลานสาว อำนาจของเหล่าไท่ไท่ในจวนหลังนี้มีเต็มเปี่ยม หากผู้ใดทำให้เหล่าไท่ไท่ไม่สบายใจ ในอนาคตของผู้นั้นก็จะไม่มีความสุข
เมื่อเทียบกับซุนซื่อที่รอให้ศัตรูอ่อนแอ ก่อนวางแผนลงมือ หลัวไป๋ฉยงและหลัวไป๋เส่าบุตรีที่ไร้เดียงสาดุจผักกาดขาวสองหัวเล็ก มุมปากของเหอตังกุยยกยิ้มเยาะ ในเมื่อไม่สามารถแตะต้องผักกาดขาวอย่างหลัวไป๋ฉยงได้ เช่นนั้นก็หยิบมีดให้หลัวไป๋เส่าก่อน ถือเสียว่าเป็ของขวัญให้แก่สามแม่ลูก
หลังรู้แหล่งที่มาของกลิ่นดอกเบญจมาศ เหอตังกุยก็หาผงคันที่ซ่อนไว้ในเสื้อจนพบ พลางใช้เล็บขูดผงยาบางส่วนซ่อนไว้ในรูโหว่บนโต๊ะ แสร้งว่าตนััผงยาบนเสื้อจนเกิดอาการคันแปลก ๆ ท่าทีทรมานที่สุดเสมือนคันจริง ๆ ด้วยมีประสบการณ์หลายครั้ง การแสดงของนางจึงแทบไม่มีช่องโหว่ นางค่อย ๆ เปิดเผยการกระทำของคุณหนูสี่หลัวไป๋เส่า แม่ครัวหวังผู้ดูแลห้องครัวและคนอื่น ๆ ทีละคน
แม้หยางมามาจะรับปากช่วยเหอตังกุยรายงานเื่แม่บ้านหวังแก่เหล่าไท่ไท่ ทว่าแม่บ้านหวังกลับเป็เื้ัสนับสนุนนายหญิงใหญ่ ''ผู้มีบุญคุณอันดับหนึ่งของตระกูลหลัว'' ซึ่งให้กำเนิดบุตรสามคนแก่นายท่านตู้จ้ง นอกจากนางจะมีหลักฐานมัดตัวแม่บ้านหวังแ่า มิเช่นนั้นหยางมามาก็ไม่สามารถสั่นคลอนตำแหน่งแม่บ้านหวังได้ ด้วยเหตุนี้ เหอตังกุยจึงคิดวางแผนหลังนางกลับตระกูลหลัว
เมื่อเห็นหยางมามาไม่ยอมรับข้อผิดพลาดของหลัวไป๋เส่า เหอตังกุยจึงต้องใช้ความสามารถสุดท้ายของนาง แม้จะไม่ใช่กลอุบายที่ดีที่สุดแต่กลับได้ผลที่สุด แผนการเหล่านี้จึงไม่สมบูรณ์แบบเท่าไรนัก เพราะนางไม่รู้ว่าในเสื้อผ้าที่ส่งมาจะซ่อนสิ่งชั่วร้ายไว้ ทั้งยังไม่รู้ว่าผู้ที่มารับนางจะเป็หยางมามาบ่าวรับใช้คนสนิทของเหล่าไท่ไท่ เรือนซีคั่วเคยเป็สถานที่เริ่มต้นฝันร้ายในชาติที่แล้วของนาง เมื่อได้กลับตระกูลหลัวอีกครั้งจึง้าให้สถานที่แห่งนั้นหายไป เพื่อจะได้เลือกเรือนอีกแห่ง ดังนั้นบทละครส่วนใหญ่จึงเขียนไว้ในใจเป็อย่างดี นางมีบทบาทในละครเื่นี้ และจะเข้าถึงบทบาทนั้นอย่างสุดความสามารถ ค่อย ๆ ให้เหล่าไท่ไท่ได้รู้ในสิ่งที่นางรู้ ค่อย ๆ เปิดโปงความลับต่อหยางมามาผู้เป็หูเป็ตาให้แก่เหล่าไท่ไท่
เมื่อหยางมามาไม่สนใจเื่ที่หลัวไป๋เส่าวางยาในเสื้อ นางก็จำต้องสุมไฟเพิ่ม เหอตังกุยนำผงยาเตียวซานเย่าที่ซ่อนในรูบนโต๊ะทาฝ่ามือ ก่อนยกถ้วยน้ำชาให้แก่หยางมามา เพื่อให้หยางมามาััผงยาเช่นเดียวกัน
เมื่อนึกถึงอาการคันทะลวงข้อต่อกระดูกอันน่าหวาดกลัวในชาติที่แล้ว เหอตังกุยกลับพอใจยิ่งนัก ในเมื่อใครสักคนคิดว่าความเ็ปที่ยังมีแรงพูดนั้นไม่นับว่าเ็ปนัก ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้คนจดจำคือต้องััมันด้วยตัวเอง ตราบใดที่ลิ้มลองความเ็ปแสนรุ่มร้อนดั่งไฟเผาเพียงครั้งเดียว ตลอดชีวิตก็ไม่คิดจะััเปลวสีส้มแกมแดงที่สะบัดไปมาราวกับผ้าไหมนั้นอีก ผงยาเตียวซานเย่าก็เปรียบเสมือนของสิ่งนี้
แต่เหตุผลที่เหอตังกุยยอมััความเ็ปปางตายเช่นนั้นอีกครั้ง เป็เพราะครั้งนี้คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานที่สุดจะไม่ใช่นางอีกต่อไป
......
ดวงตาเฉียบคมของเลี่ยวจือหย่วนกลอกไปมา พิจารณาท่าทีของลู่เจียงเป่ยอย่างละเอียด พลางยกมือเท้าคางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เสี่ยวต้วนถือว่านางเป็เทพธิดาในใจไปแล้ว เกาเจวี๋ยก็ถือว่านางเป็เงาคนรักที่ตายจาก เพราะชีวิตของพวกเขายังไม่สมบูรณ์ ล้วนมีจุดบกพร่อง แม้ชีวิตของเสี่ยวต้วนจะค่อนข้างราบรื่นแต่สิ่งที่เขาขาดคือความล้มเหลว ในข้อนี้น้องเหอผู้เยือกเย็นดุจน้ำแข็งได้ให้ประสบการณ์แก่เขาเป็ครั้งแรก เขาจึงไม่สามารถยอมแพ้ได้ ชีวิตของเกาเจวี๋ยก็น่าสงสารเกินไป คนที่รักที่สุดกลับตายจาก ครอบครัวข้างกายกลับหลอกให้แต่งงานกับสตรีชั่วร้าย นอกจากสูญเสียตัวตน เขาก็ไม่มีอะไรให้สูญเสียแล้ว”
แม้ใบหน้าของลู่เจียงเป่ยจะนิ่งสงบ ทว่าปลายนิ้วที่ัักริชกลับสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เหงื่อค่อย ๆ ผุดซึมจากฝ่ามือ นางกลับตระกูลหลัวแล้วหรือยัง? มือของนางยังเย็นอยู่หรือไม่?
“สิ่งที่ข้าแปลกใจที่สุดคือบางครั้งเกาเจวี๋ยและเหอตังกุยก็ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน พวกเขาไม่มีความรู้สึก เมื่อทำสิ่งใดก็จะถามหาเพียงความถูกผิดและผลประโยชน์ แต่กลับไม่ทำตามหัวใจของตัวเอง เสมือนคนตายที่ไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก เกาเจวี๋ยมักมีสีหน้าเ็าเสมอ เหอตังกุยก็มีหน้ากากหลายประเภท นางจะเลือกหน้ากากที่เหมาะสมที่สุดในโอกาสนั้น ๆ เื่แรกที่ข้าไม่เข้าใจคือหากมองเพียงอายุและประสบการณ์ชีวิต นางแทบไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แล้วประสบการณ์ราวผ่านโลกโชกโชนของนางมาจากที่ใดกัน?” เลี่ยวจือหย่วนไหวศีรษะ ก่อนเงยหน้าะโ “ข้าคิดเป็ร้อยครั้งก็คิดไม่ออก เมื่อพบกันครั้งแรกนางเปรียบดั่งดอกเสี่ยวไป๋ที่อ่อนแอและเปราะบาง เพียงััก็แตกสลายได้ ทว่าเมื่อมองพิจารณาอีกครั้ง นางกลับกลายเป็เถาวัลย์พิษที่ไม่มีวันตัดขาด น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”
“ใช่ นางลึกลับ ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะมีผู้ใดไขปริศนาความลับในตัวนางได้” ลู่เจียงเป่ยเอ่ยเสริม ก่อนพูดต่อ “นอกจากเื่นี้ เ้ามีข้อสงสัยอื่นอีกหรือไม่?”
เลี่ยวจือหย่วนจับจ้องลู่เจียงเป่ย ก่อนเอ่ยเ็า “เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเ้าไม่ใช่หรือ? ด้วยเหตุที่เสี่ยวต้วนและเกาเจวี๋ยไม่ปกติ พวกเขาจึงตกหลุมรักเหอตังกุยที่ไม่ปกติเช่นเดียวกัน สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจที่สุดอีกข้อคือหัวหน้าที่ปกติถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงตกหลุมรักนางที่เป็เช่นนั้น? เ้ากับนางแตกต่างกันมากเกินไป ได้โปรดเชื่อฟังคำเตือนของข้า รีบหยุดบังเหียนม้าเมื่อถึงหน้าผาชัน กลับตัวตอนนี้ยังทัน ก่อนปัญหาต่าง ๆ จะถึงตัว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้