เมื่อได้ยินคำนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันเป็สัญชาตญาณที่ออกมาจากความเป็โอเมก้าหรืออย่างไร หร่านซวี่จือรู้สึกว่าเหมือนตนเองเป็แมวที่ขนลุกชันทั้งตัว ราวกับว่าถูกคุกคาม
แต่ระหว่างปิงโหยวจี้กับทังเหวยนั้นเป็เพียงการตีตราชั่วคราวซึ่งไม่ได้เป็การตีตราตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น ตามหลักแล้วหร่านซวี่จือเองก็ยังไม่มีสิทธิ์กีดกันซวี๋ฮ่าว
ซวี๋ฮ่าวเห็นหร่านซวี่จือนิ่งเงียบไม่พูดจา จึงเอ่ยชื่อเขาขึ้น “ทังเหวย? ”
หร่านซวี่จือพินิจอยู่ชั่วครู่จึงตอบว่า “ขอโทษนะ”
“ฉันคิดว่าฉันไม่ควรแทรกแซงเื่นี้จะดีกว่า” หร่านซวี่จือเอ่ย “หากนาย้าจะยื่นเื่ ก็ควรถามความยินยอมจากเขาก่อนดีกว่า อีกอย่าง หัวหน้าก็มีคนที่ชอบแล้ว”
“หือ” ดวงตาของซวี๋ฮ่าวแดงก่ำ “หัวหน้ามีคนที่ชอบแล้วหรือ? เป็คนที่ฉันรู้จักหรือเปล่า? หรือว่าได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยบัญชาการ? ”
ก็คือฉันไง! ฉันนี่แหละ
แต่หร่านซวี่จือไม่สามารถพูดแบบนี้ได้ หากพูดไป ไม่แน่ว่าซวี๋ฮ่าวคงจะอคติมองเขาเป็ศัตรูก็ได้ หรือบางทีถ้าหนักหนาจนคิดไม่ได้แล้วฆ่าตัวตายจะทำอย่างไร? ตอนนี้ยังไม่ถึงหน่วยบัญชาการและในระหว่างทางก็ไม่ควรเกิดเื่ที่ไม่คาดคิด
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเพราะฟังมาจากคนในทีมน่ะ” หร่านซวี่จือตอบแบบคลุมเครือ
“เป็เช่นนี้นี่เอง…” ดวงตาของซวี๋ฮ่าวแดงขึ้น “งั้นฉันขอกลับไปคิดดูก่อน…”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นแล้วจากไป เมินเฉยแม้กระทั่งหร่านซวี่จือที่จะเรียกเขาไว้
บ้าจริง! คิดดูบ้านนายน่ะสิ??? ถอดใจไปเลยไม่ได้หรือไง!!!
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทาง หลังจากที่รถหุ้มเกราะเคลื่อนตัวได้สิบนาที คนที่สวมผ้าคลุมเดินตามถนนก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ และหลังจากที่ผ่านร่องลึกก็ยิ่งไม่เจอคนแม้แต่คนเดียว
ห้าร้อยเมตรตรงเบื้องหน้า มีผืนป่าสีเขียวปรากฏแก่สายตาของคนทั้งหมด ตั้งอยู่ตรงขอบทะเลทราย ราวกับเป็เขตแดนแบ่งระหว่างทะเลทรายกับผืนป่า
รถหุ้มเกราะไม่สามารถเข้าสู่ป่าฝนได้ เสียงเครื่องยนต์ของรถนั้นดังเกินไปซึ่งมันจะดึงดูดสัตว์ป่ากลายพันธุ์มากมายและจะเป็อันตรายอย่างมาก ดังนั้น ทุกคนจึงทำได้เพียงแค่เดินเท้า
หลังจากผ่านป่าฝนแล้วค่อยติดต่อขอยานพาหนะการเดินทางกับหน่วยบัญชาการใหม่ หากโชคดี ก็ไม่แน่อาจจะมีเฮลิคอปเตอร์ก็ได้
ทุกคนลงจากรถ จากนั้นก็จัดการสวมเสื้อเกราะสำหรับฉุกเฉินไว้กับตัวอย่างแ่า ซาจือนั้นร่างผอมบางเกินไป หลังจากที่สวมเสร็จก็เดินอย่างยากลำบาก จึงให้ไอค์แบกเธอขึ้นหลัง
ปิงโหยวจี้เดินนำหน้าในฐานะหัวหน้าทีม หลังจากที่เขาเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลง เหมือนอยากหันไปมองด้านหลัง เควินจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มีอะไรอยู่ด้านหลังหรือ? ”
ปิงโหยวจี้ส่ายหน้า
หร่านซวี่จือกับอัลฟ่าอีกสองคนเดินรั้งท้ายสุด ซาจือจับเสื้อของหร่านซวี่จือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ขณะที่ไอค์เดินจึงชนกับหร่านซวี่จือตลอดเวลา
“นายสองคนรักกันหรือไง เดินใกล้กันขนาดนั้นทำไม? ” มีอัลฟ่าคนหนึ่งหันหลังมาเจอกับภาพที่สนิทสนมแบบนี้ จึงเอ่ยปากถาม
ชายหนุ่มสองคนตรงหน้าหันขวับมาอย่างพร้อมเพรียงราวกับถูกไฟช็อต
หร่านซวี่จือกับไอค์อึดอัดจนทนไม่ไหว แต่ซาจือกลับไม่รู้สึกอะไร ในมือของเด็กน้อยยังคงจับเสื้อของหร่านซวี่จือไว้แน่น
เมื่อเควินเห็นภาพนี้ เขาก็เดินมาแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ไอค์แบกจนเหนื่อยหรือยัง? หรือจะลองสลับกัน? ”
หร่านซวี่จือหันศีรษะดูซาจือแล้วถอนหายใจ “ซาจือ ให้ฉันแบกเธอเถอะ”
เควิน “…”
ร่างของซาจือนั้นเบามาก ตอนที่เริ่มแบก หร่านซวี่จือก็รู้สึกว่ายังไหว
แต่พอเดินไปได้่หนึ่ง หร่านซวี่จือก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยเพราะร่างกายนี้กำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากเบต้าไปเป็โอเมก้า ส่งผลให้พละกำลังน้อยลงและเริ่มตามไม่ทันคนอื่น
หร่านซวี่จือกัดฟันและไม่ส่งเสียงใดๆ
แต่อาการหายใจหอบยิ่งหายใจยิ่งรุนแรง ความเร็วของคนอื่นไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ทว่าหร่านซวี่จือนั้นช้าลง ไม่แน่อาจจะสร้างความสงสัยให้กับคนอื่น อีกอย่างก็จะทำให้การเดินทางช้าลงไปด้วย
“พี่ชาย…” ซาจือเหมือนเริ่มรู้สึกตัวจึงเอ่ยกับหร่านซวี่จือด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างระมัดระวัง “พี่วางฉันลงมาเถอะ ฉันเดินเองได้”
“ไม่เป็ไร” น้ำเสียงของหร่านซวี่จือนั้นอ่อนโยนอย่างมาก “เสื้อเกราะฉุกเฉินหนักมากจะสร้างภาระที่ใหญ่เกินไปสำหรับร่างกายเธอ ถ้าาเ็ขึ้นมาจะแย่”
ขณะเดินไป ทันใดนั้นด้านหน้าก็หยุดลง หร่านซวี่จือไม่ทันดู จึงชนเข้ากับคนตรงหน้าจนจมูกเกือบหัก
คนตรงหน้าหร่านซวี่จือก็คือปิงโหยวจี้นั่นเอง
หร่านซวี่จือที่อดกลั้นกับความเจ็บจมูกและโมโหไว้ ก็เอ่ยถามขึ้น “หยุดทำไมกัน? ”
ปิงโหยวจี้เดินอ้อมไปทางด้านหลังหร่านซวี่จือ หร่านซวี่จือรู้สึกว่าหลังนั้นเบาขึ้นมาทันใดเพราะซาจือถูกอุ้มขึ้นมาแล้วไปแบกไว้บนหลังของปิงโหยวจี้แทน
ซาจือสะดุ้งยกใหญ่ เธอกลัวจนรีบคว้าเสื้อของปิงโหยวจี้ไว้
พูดถึงก็แปลก หลังจากครั้งแรกที่ซาจือเห็นปิงโหยวจี้ฆ่าคน เธอก็หวาดกลัวเขามาตลอด แต่หร่านซวี่จือกลับรู้สึกได้อย่างประหลาดใจว่า คนที่ทำให้ซาจือรู้สึกปลอดภัยที่สุดไม่ใช่เขา หากแต่เป็ปิงโหยวจี้
แม้ว่าปิงโหยวจี้จะเ็าและไม่รับความรู้สึกจากผู้ใด แต่ก็เป็คนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด ผู้อ่อนแอย่อมหวั่นเกรงผู้แข็งแกร่ง แน่นอนว่าต้องโหยหาการปกป้องจากผู้แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน นี่เป็กฎธรรมชาติ
ปิงโหยวจี้แบกซาจือขึ้นหลัง หลังจากนั้น หร่านซวี่จือก็เดินสบายขึ้นเยอะ
เควินเห็นภาพจังหวะที่ปิงโหยวจี้แบกซาจือขึ้นหลังพอดี ก็มีท่าทางตื่นตะลึงทันใด “เฮ้ นายมันขี้โกงนี่นา”
ปิงโหยวจี้ปรายหางตามองเขา
เควินชำเลืองมองหร่านซวี่จือ กดเสียงเบาแล้วเอ่ยกับปิงโหยวจี้ “ก่อนหน้านี้ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือ? ”
ปิงโหยวจี้รู้ดีว่าเควินหมายถึงอะไร จึงเอ่ยอย่างให้เกียรติในความเป็พวกพ้องสหาย “ไสหัวไปเลย”
เควิน “...”
แม้ว่าซวี๋ฮ่าวจะอยู่ด้านหน้าพวกเขาแต่ก็คอยแอบฟังพวกเขาคุยกัน บางทีก็จะหันไปมองปิงโหยวจี้เป็ครั้งคราวแล้วเม้มปากแน่น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
ฟ้าเริ่มพลบค่ำ ทุกคนต่างเริ่มหาพื้นที่ว่างที่ปลอดภัย ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบและอาศัยพักค้างคืนชั่วคราวตรงที่แห่งนี้
รอบข้างมีลำธาร หร่านซวี่จือกับซวี๋ฮ่าวไปตักน้ำที่ลำธารด้วยกัน ซวี๋ฮ่าวกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตา จากนั้นเขาก็นั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างลำธาร
หร่านซวี่จือตักน้ำใส่ถังไม้ พอเห็นซวี๋ฮ่าวนั่งเหม่อลอยจึงเอ่ยถามเขา “ไปกันหรือยัง? ข้างนอกนี่ดูไม่ค่อยปลอดภัย เรารีบกลับไปจะดีกว่า”
“ทังเหวย ฉันขอถามอะไรนายหน่อย” ซวี๋ฮ่าวหันหลังให้หร่านซวี่จือ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อวานที่นายบอกว่าหัวหน้าลีวายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว นายโกหกฉันหรือเปล่า? ”
ซวี๋ฮ่าวกัดริมฝีปากล่าง เขาหันศีรษะมาแล้วตัดสินใจเอ่ยถามหร่านซวี่จือ “เพราะนายเองก็ชอบหัวหน้าลีวาย ดังนั้นจึงอยากให้ฉันปล่อยวาง ใช่ไหม? ”
ใบหน้าของหร่านซวี่จือเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เดี๋ยวนะ นายเองไม่ใช่หรือที่เป็ดอกสีขาว [1] ? ไหงมารวมว่าฉันเป็คนแบบนั้น? ในใจของนายฉันเป็คนไม่ดีแบบนั้นหรือ?
“ฉันเห็นนายเป็เพื่อนที่ดีมาตลอด บอกนายทุกอย่าง แต่นายกลับทำแบบนี้กับฉัน…” ขณะที่ซวี๋ฮ่าวพูดก็ร้องไห้ไปด้วย หร่านซวี่จือเห็นคนร้องไห้ไม่ได้ มือไม้ก็เริ่มลนและจะรีบเดินเข้าไปอธิบาย
พอหร่านซวี่จือเข้าใกล้ซวี๋ฮ่าว ซวี๋ฮ่าวก็สะบัดมือเขาออกเพราะอารมณ์โกรธเคือง
เนื่องจากหร่านซวี่จือยืนไม่นิ่งจึงพลาดท่าตกลงไปในน้ำ ทว่าโชคดีที่ลำธารไม่ได้ลึกมาก หร่านซวี่จือแค่ตัวเปียกและปวดสะโพกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้าเ็อะไร
ซวี๋ฮ่าวเห็นหร่านซวี่จือล้ม สีหน้าก็เริ่มกังวล พลันะโขอโทษแล้วไปดึงเขา หร่านซวี่จือลุกขึ้นด้วยท่าทีหน่ายใจ เขากำลังจะคว้ามือของซวี๋ฮ่าวแล้วปีนขึ้นไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำด้านหลัง
ม่านตาของซวี๋ฮ่าวหดลง ร่างกายแข็งทื่อไปหมด
หร่านซวี่จือไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างที่เหนียวและกำยำมาเกี่ยวเอวของเขาไว้
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] ดอกสีขาว 小白花 xiao bai hua เป็ภาษาสแลงหมายถึง คนที่ภายนอกดูเป็คนอ่อนแอบอบบาง เอะอะก็ร้องไห้ แต่แท้จริงแล้วกลับดุร้าย และชอบคิดไม่ดีกับคนอื่น