ในยามหัวค่ำที่แสงอาทิตย์ค่อยๆ เลือนหายไป ความมืดเริ่มเข้ามาแทนที่ ท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านเปลี่ยนเป็สีเข้มที่ประดับด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาว หยางชุนนั่งอยู่หน้าบ้านไม้เก่าของเขา สายตาจ้องมองไปยังถนนลูกรังที่ทอดยาวไกล ด้วยความหวังว่าซูหรูเสียนจะปรากฏตัวตามปกติพร้อมกับกับข้าวที่นางมักนำมาให้เสมอ
แต่คืนนี้กลับไม่เหมือนคืนอื่นๆ ความเงียบสงัดรอบตัวทำให้หัวใจของหยางชุนเต้นระรัวอย่างผิดปกติ ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มคืบคลานเข้ามาในจิตใจ แม้เขาพยายามบอกตัวเองว่าอาจเป็เพราะนางติดธุระช่วยครอบครัว แต่ความเงียบยิ่งนานยิ่งเพิ่มความกังวล
แสงสุดท้ายของวันหายลับไป เหลือเพียงความมืดของค่ำคืน หยางชุนลุกขึ้นยืน ทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่ดวงดาวที่ส่องแสงกลับไม่อาจปลอบประโลมความกระวนกระวายในใจของเขาได้เลย
ลมหายใจของเขาเริ่มถี่กระชั้น หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความเป็ห่วง ความคิดถึงความปลอดภัยของนางเริ่มเข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง “นางอยู่ที่ไหน? หรือเกิดเื่อะไรขึ้นกับนาง?” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะไม่อาจทนรอได้อีก
หยางชุนตัดสินใจในทันที เขารีบคว้าเสื้อคลุมเก่าของเขาและเดินออกจากบ้าน ฝีเท้าของเขาเริ่มจากการเดินอย่างเร็ว จนกลายเป็การวิ่งเต็มฝีเท้า เส้นทางที่เขาคุ้นเคยกลับดูยาวนานอย่างน่าประหลาดในค่ำคืนนี้
เสียงฝีเท้าของเขากระทบกับถนนลูกรังในความมืด เสียงหอบหายใจของเขาดังก้องอยู่ในความเงียบงัน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหวังและความกลัวผสมกัน เขาสวดอ้อนวอนในใจให้ซูหรูเสียนปลอดภัย และสิ่งที่เขากลัวจะไม่กลายเป็ความจริง
ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของนางรอยยิ้มอันอ่อนหวาน แววตาที่เปี่ยมด้วยความรัก และเสียงหัวเราะที่ทำให้วันอันเหนื่อยล้าของเขามีความหมาย ทุกสิ่งเหล่านี้ผลักดันให้เขาไม่หยุดแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
ในขณะที่หยางชุนวิ่งอย่างเต็มฝีเท้าด้วยความเร่งรีบและกระวนกระวาย หวังเพียงจะพบซูหรูเสียนและแน่ใจว่านางปลอดภัย จู่ๆ เสียงที่เขาไม่ได้คาดคิดก็ดังขึ้นจากทิศทางหนึ่งในป่าไผ่ เสียงนั้นฟังดูร้อนแรงและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
“ฮู๊ยย... อ๊า... อ๊า...”
เสียงที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดของค่ำคืน ทำให้หยางชุนหยุดชะงักกะทันหัน ร่างกายของเขาแข็งทื่ออยู่กับที่ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกจากอก และความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างกับเสียงนั้นทำให้เขาไม่อาจเมินเฉยได้
ด้วยความระแวดระวัง เขาเริ่มก้าวเท้าอย่างช้าๆ เข้าไปยังทิศทางของป่าไผ่ซึ่งเสียงนั้นดังมาจาก ความมืดของป่าไผ่ตัดกับแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกอไผ่ลงมาบนพื้นดินพอให้เห็นลางๆ สายลมเบาบางพัดผ่าน ทำให้กอไผ่สั่นไหว เสียงที่เขาได้ยินยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หยางชุนพยายามก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด เกรงว่าเ้าของเสียงนั้นจะรู้ตัว ราวกับว่าเขาถูกดึงดูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความกังวลใจผสมกัน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แต่หัวใจของเขาเริ่มหนักอึ้งขึ้นทุกที
เมื่อเขามาถึงกลางป่าไผ่ ใกล้พอที่จะเห็นภาพตรงหน้าด้วยแสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านกอไผ่ลงมา หยางชุนได้แต่ยืนนิ่งงัน จิตใจของเขาเหมือนถูกฟาดฟันด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจรับไหว
เขาเห็นร่างของซูหรูเสียนอยู่ตรงหน้า ร่างกายของนางอ่อนระทวยในอ้อมแขนของชายอีกคนผู้ที่ไม่มีวันผิดไปจากท่านแม่ทัพลู่หยางเจี้ยน ภาพที่เห็นนั้นชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธได้ ใบหน้าของซูหรูเสียนแดงก่ำ เต็มไปด้วยความลุ่มหลง ส่วนท่านแม่ทัพเองก็มองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
หยางชุนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขาถล่มลงมาในชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยคิดว่าแน่นอน กลับแตกสลายต่อหน้าต่อตา ราวกับถูกแทงซ้ำด้วยความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
เขายืนนิ่ง จิตใจสับสนและเต็มไปด้วยความเ็ป น้ำเสียงเร่าร้อนของนางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็ของเขาเพียงผู้เดียว บัดนี้กลับถูกโดยชายอีกคนอย่างไม่มีเยื่อใย...
หยางชุนรู้สึกเหมือนทั้งชีวิตของเขาถูกพรากไป ราวกับเขาเป็เพียงเงาที่ไร้ตัวตนในโลกใบนี้...
อู๊ยยย อ๊า... น้ำเสียงของนางใน่เวลานี้นั้นช่างมีความเร่าร้อนและความหื่นกระหายราวกับว่าเรือนร่างที่สุดแสนจะเย้ายวนของนางกำลังถูกท่อนเนื้อที่เสียวกระสันที่สุดในโลกหล้ากระหน่ำทิ่มแทงที่เรือนร่างของนางและมันสามารถปลุกความร่านในตัวนางได้อย่างง่ายดาย มือใหญ่ของท่านแม่ทัพบีบนวดคลึงหน้าอกของนางด้วยความหื่นกระหายในขณะที่เอวของเขาโยกเข้าไปที่เรือนร่างของนางอย่างบ้าคลั่ง
“นายท่านเ้าขา..บ่าวเสียวเหลือเกินเ้าค่ะ” นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะออดอ้อน นางทำราวกับว่าท่อนเนื้อของชายตรงหน้าคือความฝันที่นางรอคอย
“ซูหรูเสียน! เ้าโดนท่อนเนื้อของท่านแม่ทัพเ้าเสียวมากไหม” หยางชุนไม่สามารถที่จะอดทนแอบดูฉากที่สุดแสนจะเร่าร้อนเช่นนี้ได้อีกต่อไปเสียงร้องครวญครางของนางเรือนร่างที่สุดแสนจะเร่าร้อนของนางมันควรที่จะเป็ของเขามันไม่สมควรที่จะเป็ของชายตรงหน้าใน่เวลานี้นั้นตัวของเขาทั้งโกรธแค้นและของแข็งในเวลาเดียวกันเขาอยากที่จะนำท่อนเนื้อของตนฟาดเข้าไปที่เรือนร่างของนางนางจะได้หายร่าน
“หยางชุนเ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความตื่นใอย่างแท้จริง แต่ถึงจะเป็อย่างงั้นเรือนร่างที่สุดแสนจะเย้ายวนของนางก็ยังคง ยืนพิงกับต้นไผ่เพื่อที่จะให้ท่านแม่ทัพได้กระแทรกเรือนร่างของนางอย่างถนัด
“นี่คือชายคนรักของเ้าอย่างงั้นเหรอ” ในขณะที่ท่านแม่ทัพโยกเอวกระแทรกเรือนร่างของนางอย่างบ้าคลั่งตัวของเขานั้นก็กล่าวถามนางไปด้วยเขายังคงกระทำกับเรือนร่างของนางอย่างหื่นกระหายโดยไม่เกรงใจชายคนรักของนาง
“อื้อ...อื้อ...ค่ะนายท่านพวกเราวางแผนที่จะแต่งงานกัน” นางตอบรับคำพูดของท่านแม่ทัพด้วยความยากลำบากท่อนเนื้อของเขายังคงอัดแน่นเต็มรูของนาง
“อ๊า..อ๊า...เรือนร่างของสตรีคนรักของเ้ามันช่างถูกใจเข้ายิ่งนักเพียงข้ายัดท่อนเนื้อของข้าเข้าไปภายในเรือนร่างของนางมันแทบที่จะทำให้น้ำของข้านั้นแทบแตก” แม่ทัพลู่หยางเจี้ยนพูดออกมาด้วยที่สีหน้าเคลิบเคลิ้มความเสียวกระสันที่ได้รับมันทำให้ตัวของเขานั้นรู้สึกหื่นกระหายอย่างบ้าคลั่ง
“แก...ไอ้บัดซบเอ้ย!!!” หยางชุนร้องะโออกมาอย่างมีโทสะอารมณ์ของเขาใน่เวลานี้นั้นเกิดการเดือดดาลอย่างเต็มที่เพราะทั้งตลอดชีวิตของเขานั้นไม่เคยถูกดูถูกและเหยียบหยามเท่าเช่นนี้มาก่อน
“ไอ้สวะ!! ถ้าไม่อยากตายจงอยู่เฉยๆซ่ะ” น้ำเสียงที่สุดแสนจะเยือกเย็นของทหารผู้ติดตามของแม่ทัพลู่หยางเจี้ยนไม่ต่างอะไรไปจากยมทูตที่พร้อมจะพรากชีวิตของเขาได้ทุกเมื่อในระหว่างที่ตัวของท่านแม่ทัพกำลังขย่มเรือนร่างของสาวงามอย่างเมามันเหล่าทหารผู้ติดตามก็ไม่ได้ลดละการคุ้มกันพวกเขาเพียงแค่อยู่บริเวณใกล้ๆเพราะไม่อยากที่จะขัดความสุขของผู้เป็นาย
“ฮ่า ฮ่า เอาน่าใจเย็นๆ เ้าหมอนี่มันก็แค่คนเืร้อนเท่านั้นตัวข้านั้นไม่ถือสาสิ่งมีชีวิตที่ต้อยต่ำหลอก” ท่านแม่ทัพพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอย่างคนใจกว้างในขณะที่ตัวเขาเองยังคงโยกเอวอย่างเมามันด้วยสีหน้าที่เสียวกระสันสุดขีด
อ๊า..อ๊า...อ๊า...พร๊วดดด แม่ทัพลู่หยางเจี้ยนอัดฉีดน้ำกามเข้าเรือนร่างของสาวงามที่พบหน้ากันวันแรกอย่างไม่เกรงใจเรือนร่างที่สุดแสนจะเย้ายวนของซูหรูเสียนถึงกับสั่นกระตุกไปมาอย่างเร่าร้อนในขณะเดียวกันน้ำกามที่สุดแสนจะเข้มข้นของท่านแม่ทัพค่อยๆไหลเยิ้มออกมาจากที่เรือนร่างของนาง
“ไอ้บ้าเอ้ย!!!” หยางชุนที่นอนแนบติดอยู่กับพื้นนั้นร้องะโออกมาอย่างเจ็บใจตัวของเขานั้นคบหากับนางมาตั้งหลายปีเขาก็ยังไม่กล้าที่จะแตกในใส่เรือนร่างของนางเขา้าที่จะมอบความเร่าร้อนให้กับนางอย่างเต็มที่หลังพิธีเข้าเรือนหอ แต่ใครจะไปคิดได้ว่าชายผู้สูงศักดิ์ผู้นี้พึ่งได้พบหน้ากับนางวันแรกกับสร้างความเร่าร้อนให้กับเรือนร่างของนางถึงเพียงนี้และสีหน้าของนางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจราวกับว่าน้ำกามของท่านแม่ทัพคือน้ำวิเศษสำหรับนาง