เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวากลับมาถึงจวนตระกูลเสี่ยวก็เป็เวลาบ่ายคล้อยแล้ว นางสั่งให้หูเป่าแบ่งขนมไปให้แต่ละเรือนเท่าๆ กัน ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งพักผ่อน
ขนมถูกแบ่งออกไปให้เรือนของเสี่ยวฮูหยินและเรือนของเสี่ยวเย่วหยาตามที่เสี่ยวจิ่วฮวาสั่ง เสี่ยวฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น พลางจ้องมองขนมนั้นของเสี่ยวจิ่วฮวาด้วยแววตาที่ครุ่นคิด จนสาวใช้ข้างกายทนไม่ไหวต้องเอ่ยเรียก
"ฮูหยินเ้าคะ จะไม่ชิมขนมที่คุณหนูรองส่งมาให้สักหน่อยหรือเ้าคะ"
เสี่ยวฮูหยินหันมามองสาวใช้ของตน ก่อนจะเอ่ย
"นี่ เ้าบอกว่าอาจิ่วส่งมาให้อย่างนั้นหรือ แล้วยังส่งไปที่เรือนของเย่วหยาด้วย"
"เ้าค่ะ"
"ไม่ใช่ว่านางแอบใส่สิ่งใดลงไปหรอกนะ"
"ฮูหยินเ้าคะ วางใจเถิด บ่าวส่งคนไปจับตาดูแล้ว พบว่าขนมนั่นคุณหนูรองก็กินเช่นกัน นางก็ปกติดีนะเ้าคะ หากท่านไม่สบายใจ บ่าวจะชิมก่อนดีหรือไม่"
"ไม่ต้องหรอก เ้าออกไปเถอะ"
"เ้าค่ะ"
เมื่อสาวใช้ออกไปจนหมดแล้ว เสี่ยวฮูหยินก็หยิบขนมตรงหน้ามาพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากัดกินคำหนึ่ง พบว่ารสชาติไม่เลว เป็ขนมโก๋ของร้านขนมหวานจิ่นซิ่ว ร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง กินไปหลายชิ้นก็ไม่พบความผิดปกติใด นางจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย
จะด้วยเหตุผลอันใดก็ช่างเถิด นับว่าอาจิ่วของนางก็เริ่มจะรู้ความบ้างแล้ว นับว่าเป็สัญญาณที่ดีไม่น้อยเลย
ด้านเสี่ยวเย่วหยานั้น ก็กำลังมองดูขนมตรงหน้าด้วยแววตาพิลึกพิลั่นเช่นเดียวกัน สาวใช้ข้างกายของนางที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบเอ่ยกับนางทันที
"คุณหนูใหญ่เ้าคะ ท่านอย่ากินนะเ้าคะ คุณหนูรองใจคออำมหิต ริษยาท่านมาแต่ไหนแต่ไร เกิดนางใส่ของไม่ดีลงไปแล้วท่านเกิดล้มป่วย บ่าวเองคงไม่อาจรับมือไหว ต้องถูกเสี่ยวฮูหยินตำหนิที่ไม่ดูแลท่านให้ดีเป็แน่!!!"
"เ้าหยุดพูดนะ เป็เพียงสาวใช้แต่มานินทาเ้านายเช่นนี้ใช้ได้หรือ!!!"
สาวใช้รีบก้มหน้างุด ไม่เอ่ยวาจาใดอีก เสี่ยวเย่วหยาจ้องมองขนมนั่นอีกครา รู้สึกสองจิตสองใจ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้ากิน ทำได้เพียงวางเอาไว้เช่นนั้น
ด้านเสี่ยวจิ่วฮวาเองก็ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ขนมนั่นนางมอบให้ไปแล้ว จะเอาไปโยนทิ้งหรือจะมอบให้ใครนางก็คร้านจะไปใส่ใจ
วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งถึงงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลไป๋
แน่นอนว่าจวนตระกูลเสี่ยวย่อมได้รับเทียบเชิญไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย เสี่ยวฮูหยินสั่งให้สาวใช้นำเสื้อผ้ามาส่งให้เสี่ยวเย่วหยาและเสี่ยวจิ่วฮวาคนละชุด
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาก็เดินออกจากเรือนตนเองมุ่งหน้าไปที่หน้าประตูจวน พบว่าเสี่ยวฮูหยินและเสี่ยวเย่วหยามารออยู่ก่อนแล้ว เสี่ยวฮูหยินมองบุตรสาวของตนเอง ก่อนจะเอ่ย
"ไปครั้งนี้อย่าทำขายหน้าจวนตระกูลเสี่ยวเล่า อาจิ่ว เ้าต้องอยู่ข้างกายข้าไว้ ผู้ใดว่าเ้าก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ตอนนี้เ้าคือบุตรสาวคนรองของภรรยาเอกแล้ว"
"เ้าค่ะ"
เสี่ยวจิ่วฮวารับปากด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้าไปพร้อมกับแม่และพี่สาว ระหว่างทางนางไม่ได้พูดคุยสิ่งใดมากนัก ในสมองเพียงครุ่นคิดถึงเื่หนึ่ง
ในชาติก่อนเดิมทีเสี่ยวเย่วหยาควรจะได้แต่งงานกับไป๋หล่าง คุณชายจวนตระกูลไป๋ แต่ทว่านางกลับทำลายบุพเพวาสนาด้ายแดงของพวกเขาจนขาดสะบั้น ครั้งนี้นางจะไม่ทำเช่นนั้น เสี่ยวเย่วหยาจะต้องได้แต่งกับไป๋หล่าง
รถม้าเคลื่อนมาจอดที่หน้าจวนประตูตระกูลไป๋ บิดาของไป๋หล่างเป็เสนาบดีกรมขุนนาง มีอำนาจไม่น้อยเลยในราชสำนัก และยังเป็ที่นับหน้าถือตาของผู้คนอีกด้วย อีกทั้งท่านตาของไป๋หล่างก็เป็อดีตบัณฑิตเลื่องชื่อ ไม่นานมานี้ไป๋หล่างยังสอบตำแหน่งจอหงวนและกำลังจะมีอนาคตที่ดีในราชสำนัก อีกทั้งฮ่องเต้ยังมอบหมายงานในสำนักฮั่นหลินให้เขาแล้วด้วย นั่นยิ่งทำให้ฐานะของไป๋หล่างเป็ที่หมายปองของเหล่าสตรีในเมืองหลวงเป็อย่างมาก
เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาลงมาจากรถม้าแล้วก็เดินตามแม่และพี่สาวเข้าไปด้านในจวนตระกูลไป๋ ระหว่างนั้นมีคนเข้ามาสนทนากับเสี่ยวเย่วหยาไม่ขาด เสี่ยวจิ่วฮวาไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก เดิมทีเสี่ยวเย่วหยาก็น่าคบหา นิสัยก็ดีมีมรรยาท ใบหน้าก็งดงามไม่เป็สองรองใคร
ต่างจากนางที่ไม่ค่อยมีสหายกับใครเขา เอาแต่คิดริษยาไม่้าให้ผู้อื่นเด่นเกินหน้าเกินตาของตน
เสี่ยวฮูหยินลอบสังเกตท่าทีของเสี่ยวจิ่วฮวาเป็ระยะ พบว่าบุตรสาวตัวดีไม่ได้แสดงท่าทีที่จะก่อเื่อันใดก็วางใจลงไปได้ไม่น้อย
เมื่อเข้ามาถึงด้านในจวนตระกูลไป๋แล้ว ฮูหยินจวนตระกูลไป๋ก็เข้ามาต้อนรับและพาพวกนางเข้าไปอวยพรฮูหยินผู้เฒ่า ในเรือนใหญ่นั้นไป๋หล่างยืนอยู่ข้างกายท่านย่าของตน เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเย่วหยามาถึงแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แววตาที่มองเสี่ยวเย่วหยาก็อ่อนโยนเป็อย่างยิ่ง เสี่ยวจิ่วฮวาลอบสังเกตท่าทีของคนทั้งสองก็พอจะเบาใจลงได้
อย่างน้อยก็ยังมั่นใจได้ว่าไป๋หล่างคงจะชอบพอพี่สาวของนางจริงๆ
"พวกเ้าออกไปเดินเล่นด้านนอกกันเถอะ แม่จะอยู่สนทนากับฮูหยินผู้เฒ่า"
"อาหล่างเ้าพาพวกนางไปเดินชมในจวนสิ"
ฮูหยินตระกูลไป๋เองก็หมายตาเสี่ยวเย่วหยาให้มาเป็สะใภ้เช่นเดียวกัน แม้นางจะร่างกายไม่แข็งแรงแต่ก็ไม่ได้ล้มป่วยถึงขั้นลุกเดินไม่ได้ ได้ยินว่ายามนี้ก็แข็งแรงขึ้นมากแล้ว อีกทั้งเื่เช่นนี้ย่อมดูแลกันได้ อีกอย่างเสี่ยวเย่วหยาก็งดงามทั้งกิริยาและมรรยาท บุตรชายของนางถึงกับไม่ยอมแต่งสตรีใด บอกเพียงว่าต้องแต่งกับเสี่ยวเย่วหยาเพียงเท่านั้น นางเองจึงไม่ได้คัดค้านอันใด เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยปากให้ไป๋หล่างไปเดินเป็เพื่อนพวกนาง เดิมทีคิดจะแยกเสี่ยวจิ่วฮวาออกไป แต่คงไม่ดีและจะเป็การไม่ไว้หน้าเสี่ยวฮูหยิน นางจึงไม่ได้เอ่ยออกไป
ไป๋หล่างรับคำก่อนจะเดินออกมาพร้อมเสี่ยวจิ่วฮวาและเสี่ยวเย่วหยา สองพี่น้องไม่ได้พูดคุยสิ่งใดกัน มีแต่ไป๋หล่างที่ชวนเสี่ยวเย่วหยาพูดคุย จนกระทั่งมาถึงศาลาริมสระบัวที่เหล่าคุณหนูกำลังชมดอกไม้เขียนกลอนกันอยู่ ก็มีคนเดินเข้ามาทักทายเสี่ยวเย่วหยา อีกทั้งยังริษยานางที่ไป๋หล่างเป็คนเดินมาส่งนางด้วยตนเอง กลับกันไม่มีใครสนใจเสี่ยวจิ่วฮวาเลยแม้แต่คนเดียว
แต่เสี่ยวจิ่วฮวาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ นางแหงนหน้ามองดูดอกไม้ที่ออกดอกสีสันงดงามไปทั่วทั้งจวนตระกูลไป๋ด้วยความชื่นชม ส่วนเสี่ยวเย่วหยาก็พูดคุยกับเหล่าคุณหนูจวนอื่นๆ ไป๋หล่างนั้นเดินไปรวมตัวกับคุณชายจวนอื่นๆ อีกด้านหนึ่งแล้ว
ไม่นานนักก็มีเสียงเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
"น่าสมเพชเสียจริง มางานเลี้ยงทั้งทีกลับไม่มีคนพูดคุยสนทนาด้วย ต่างจากพี่สาวที่มีแต่คนรุมล้อมเอาใจ ช่างน่าอับอายเสียนี่กระไร"
เสี่ยวจิ่วฮวาละสายตาจากดอกไม้ตรงหน้าแล้วหันกลับมามอง ก่อนจะพบกับหลินซินหลัน ที่กำลังเดินเข้ามา
หลินซินหลันเป็บุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมกลาโหม บิดาของนางเองก็มีอำนาจไม่น้อยในหมู่ชนชั้นสูง อีกทั้งหลินซินหลันนั้นก็กำลังจะแต่งงานเข้าจวนราชครู ซึ่งเป็ท่านราชครูที่ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญ จึงยิ่งวางตัวไม่เห็นหัวใคร เสี่ยวจิ่วฮวาจำได้ว่า นางกับหลินซินหลันมักจะไม่ชอบหน้ากัน ก่อนหน้านั้นหลินซินหลันดูแคลนที่นางเป็เพียงบุตรอนุ แล้วยังเสนอหน้ามาทำตัวโดดเด่นในงานเทศกาลซีซีอีก พอนางได้เป็บุตรสาวภรรยาเอก หลินซินหลันก็เหน็บแนมว่านางทำตัวสูงส่ง ไม่รู้จักกฎระเบียบ เพราะถูกเลี้ยงดูจากอนุจนเสียนิสัย ไม่คู่ควรกับคำว่าบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวจิ่วฮวาปรายตามองหลินซินหลันครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตามาดูดอกไม้ต่อ หลินซินหลันที่เห็นเช่นนั้นก็โทสะพุ่งปะทุ รีบก้าวเดินเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวาทันที
"เ้ากล้าดียังไงมาเมินเฉยต่อข้า"
เสี่ยวจิ่วฮวาหันกลับมามองหลินซินหลันอีกครั้งก่อนจะเอ่ย
"ข้าไม่ชอบมองพวกต้นหญ้าต่ำเตี้ยให้เสียสายตา"
"นี่เ้า!!! อ้อ เดี๋ยวนี้ได้เป็บุตรสาวของภรรยาเอกแล้วเลยปากเก่งขึ้นสินะ คนเขาโจษจันกันทั้งเมืองหลวงว่าเ้ามันไม่มีความดีอะไรเลย จิตใจชั่วร้าย ไม่สนใจใคร ไม่ว่าอยู่ในจวนหรืออยู่นอกจวน ไร้มรรยาทไร้กฎระเบียบ รังแกแต่พี่สาวตนเอง สตรีเช่นเ้าชาตินี้คงหาสามีที่ดีไม่ได้หรอก!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ถูกด่าก็ไม่โกรธ กลับยิ้มตาหยี แล้วเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี
"ตายจริง ขอบคุณพี่ซินหลันที่ชมข้านะ ท่านเองก็ไม่ต่างกันหรอก ทำตัวเป็คุณหนูสูงศักดิ์ แต่รู้เื่ในจวนของคนอื่นทุกกระเบียดนิ้ว เขาเรียกว่าอันใดนะ อ้อ สอดรู้สอดเห็นใช่หรือไม่"
"เสี่ยวจิ่วฮวา!!!"
เสี่ยวเย่วหยาที่เห็นว่าเหตุการณ์เริ่มไม่ดีเสียแล้วจึงเดินเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะจับแขนน้องสาวเอาไว้และเอ่ยปราม
"อาจิ่ว อย่าไปสนใจคำพูดนาง จำที่ท่านแม่บอกเอาไว้ไม่ได้หรือ หลินซินหลัน เ้าก็พูดให้น้อยๆ หน่อยเถิด"
เสี่ยวจิ่วฮวาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก ทั้งยังไม่ได้สลัดมือของเสี่ยวเย่วหยาออกจากแขนของตน เสี่ยวเย่วหยาเองก็แปลกใจไม่น้อย
ด้านหลินซินหลันที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทันที
"ทำไม!! เ้าปกป้องนางแต่นางเคยเห็นหัวเ้าหรือไม่ เ้ามันโง่ซ้ำซาก ให้นางรังแกอยู่ได้ คนโง่เช่นเ้าไม่สมควรเป็สหายของข้าด้วยซ้ำเย่วหยา!!! คิดว่าข้าไม่รู้หรือที่เ้ามางานวันนี้ก็เพราะอยากเข้าใกล้คุณชายไป๋ เ้าฝันไปเถิด ตราบใดที่เ้ายังหดหัวกลัวตายอยู่เช่นนี้ เ้าก็ไม่คู่ควรที่จะได้แต่งกับเขาหรอก ข้าเชื่อว่าเขาย่อมไม่แต่งคนโง่เช่นเ้าเข้ามาเป็ภรรยาเอกแน่นอน เ้ามันโง่ คนโง่!!!"
เพียะ!!!
"เสี่ยวจิ่วฮวา เ้าตบปากข้าด้วยเหตุใด!!!"
"ขออภัยมือข้ากระตุกน่ะ ตายจริง กระตุกอีกแล้ว โอะ!! กระตุกไม่หยุดเลย มันจะกระตุกไปตบคนปากเสียอีกแล้วดูสิ!!"
หลินซินหลัน “...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้