“แม่นาง แม่นางคนสวย! รถคันนี้ไปหุบเขาหลิงหยุนแค่สามร้อยเหรียญหลงหลิงท่านจะไปหรือเปล่า?”
“คนสวยๆ นั่งรถม้าของข้าใช้เวลาไม่นานประมาณบุหรี่กล่องหนึ่งหมดก็ถึงแล้วแค่สองร้อยห้าสิบเหรียญหลงหลิงเท่านั้น!”
“คนสวยนั่งรถข้าดีกว่ารถพวกเขาเอาแน่นอนไม่ได้หรอก เดือนหนึ่งได้ใบสั่งเป็ร้อยใบ! มานั่งรถข้าเถอะ!”
...
ลงจากรถไฟไม่ทันไรพวกคนขับรถต่างเข้ารุมล้อมเต็มไปหมด ปู้เสวียนยินกวาดตามองคนขับรถที่ยืนอยู่รอบๆสุดท้ายก็เลือกรถที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดมาได้
ภายในรถม้าทั้งเล็กและแคบข้าและพี่เสวียนยินได้แต่นั่งเบียดกันไปตลอดทางด้วยความเร็วของรถม้าทำให้ทิวทัศน์รอบข้างผ่านไปจนไม่ทันได้มองเ้ารถม้าคันนี้มันเร็วดีจริงๆ
“ท่านพี่ทำไมถึงไม่เข้าไปหาสมุนไพรหรือวัตถุดิบจากสัตว์ิญญาในหุบเขาหลิงหยุนบ้างล่ะ? ถ้าหาได้อาจจะได้เงินมากกว่าเงินเดือนหนึ่งปีของท่านตอนนี้ก็ได้”ข้าถามอย่างสงสัย
นางเผลอยิ้มออกมา“เ้าเด็กน้อย เ้าคิดว่าข้าไม่เคยคิดแบบนั้นเหรอ? หรือ...เ้าคิดว่าข้าเป็พวกเงินไม่พอใช้?ข้าจะบอกให้ ทุกๆปีสหพันธ์จะให้เบี้ยเลี้ยงแก่ข้าประมาณหนึ่งร้อยล้านเหรียญหลงหลิงข้าแค่ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็เท่านั้น”
“ฮะ!แล้วท่านเอาเงินพวกนี้ไปฝากที่ธนาคารเหรอ?”
“ฮึ ไม่บอกเ้าหรอก”
พี่เสวียนยินท่าทางชอบใจกับความอยากรู้อยากเห็นของข้าจึงพูดต่อ “เมื่อเ้าฝึกฝนจนถึงจุดที่ข้าอยู่แล้ว เ้าจะรู้ได้ด้วยตัวเอง ใช่สิเ้ากำลังขาดพวกยาสมุนไพรไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าจะพาไปที่ใจกลางหุบเขาของยอดที่สามแล้วกัน เ้าจะได้เก็บกลับไปมากหน่อยอย่างน้อยให้พอใช้สักครึ่งเดือน ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันอีกที”
“อืมได้ๆ”
ได้ยินแบบนั้นก็ใจชื้นขึ้นทันทีความจริงผู้มีฝีมือในสำนักหมื่นิญญามีใครบ้างที่ไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่จากครอบครัวที่ ‘ป้อน’ ให้บ้างล่ะซูเหยียนและตั้นไถเหยา คนพวกนี้ล้วนมีลู่ทางของตัวเองคงไม่ต้องกังวลว่าวัตถุดิบจะไม่เพียงพอ จะมีแต่ “สามัญชน”อย่างข้าที่ยังอาศัยพี่เสวียนยินคอยช่วยเหลือเื่การฝึกซ้อม
คิดถึงตรงนี้ข้าจึงก้มมองขาทั้งสองข้างของปู้เสวียนยิน เห็นก็แต่ชุดเครื่องแบบกระโปรงสั้นห่อหุ้มเรียวขาอันอ่อนนุ่มนั้นไว้หลายปีมานี้พี่เสวียนยินยังคงสะสวยอย่างไร้ที่ติ ถ้าเทียบกับซูเหยียนกับตั้นไถเหยาสองในสามสาวงามของสำนักหมื่นิญญา แน่นอนว่าท่าทางของนางชดช้อยและมีเสน่ห์มากกว่าทว่าจุดเด่นของซูเหยียนคือเสน่ห์ในแบบหนุ่มสาว ซึ่งทุกคนล้วนมีข้อดีอยู่ในตัว
พี่เสวียนยินเหมือนจะรู้ว่าข้ากำลังมองนางอยู่จึงยิ้มมุมปากแล้วถามกลับ “สวยไหม?”
ข้าตอบอย่างเคอะเขิน“ก็...สวย...”
“ฮึๆ เสี่ยวเชวียนของข้าโตแล้วนี่นาในอนาคตถ้าเ้าแต่งงานจะต้องหาคนที่สวยกว่าข้ามาเป็ภรรยาให้ได้นะ”
“ถ้าอย่างนั้นคงจะยากแล้วล่ะ”
“หืมช่างพูดช่างจาดีนี่ ข้าชอบ...”
...
เดินทางมาถึงหุบเขาหลิงหยุนเวลาเที่ยงตรงพอดี
เมื่อได้มองอย่างละเอียดทั้งทางเข้าและทางออกมีเสาไฟตั้งเรียงรายสลับกับหอคอยสังเกตการณ์ซึ่งมีหน่วยรักษาการณ์พร้อมกับอาวุธในท่าทางเคร่งขรึมยืนประจำอยู่ตลอดเส้นทาง
ปู้เสวียนยินกวาดตามองก่อนจะพูดเตือน“จำไว้ว่า อย่าพยายามพุ่งเข้าไปที่กำแพงล้อมพวกนี้ มิฉะนั้นจะถูกปืนใหญ่ยิงเอาได้ถ้าไม่ร้ายแรงมากก็แค่าเ็ หรือถึงตายก็มีและสำคัญที่สุดสหพันธ์อาจจะล่ารายชื่อประกาศจับเพราะฉะนั้นการเข้าออกจะต้องผ่านทางนี้เท่านั้น”
“อืมข้าเข้าใจแล้ว” รถม้าจอดส่งพวกเราที่ประตูทางเข้าจึงได้เห็นว่าที่นี่มีกำลังทหารป้องกันอยู่เป็ร้อยนายทหารพวกนี้ล้วนเป็องครักษ์ส่วนตัวจากดินแดนกาฬวาตที่ถูกดึงตัวมาดูแลหุบเขาแห่งนี้พวกเขากระจายกำลังทหารออกไปถึงห้าหมื่นนาย เื่ความเข้มงวดและความปลอดภัยจึงมีอยู่ทั่วทุกจุด
“หยุดอยู่ตรงนั้นแสดงบัตรผ่านออกมา!” ทหารนายหนึ่งพูดด้วยท่าทีใหญ่โต
ปู้เสวียนยินแสดงป้ายเทพศาสตราวุธ“แค่นี้ได้หรือยัง?”
“ที่แท้คือท่านเทพศาสตราวุธนี่เอง...”
ทหารโดยรอบแสดงสีหน้ายำเกรงพลางยกมือพาดอกทำความเคารพ “ทำความเคารพท่านเทพศาสตราวุธ!”
“ข้ากับน้องชายจะเข้าไปข้างในหน่อยพวกเ้าไม่ต้องทำความเคารพหรอก”
“ขอรับ เชิญท่านเทพศาสตราวุธ!”
แววตาของทุกคนแสดงถึงความเลื่อมใสแม้ตอนนี้พวกเราเข้าถึงรอบนอกของหุบเขาหลิงหยุนแล้วแต่ภายในใจยังคงเต้นไม่เป็จังหวะ ท่าทางของพี่เสวียนยินแสดงถึงการมีตำแหน่งและพลังที่ยอดเยี่ยมเพราะเทพศาสตราวุธเป็สัญลักษณ์ของผู้ฝึกฝนิญญาทั่วทั้งแผ่นดินหลงหลิงซึ่งทั้งสามสิบสามคนล้วนเป็ผู้มีฝีมือ จึงได้รับการเคารพศรัทธาจากผู้คนมากมาย!
ป่าทึบอันอุดมสมบูรณ์ถูกปกคลุมด้วยความมืดถัดออกไปคือเทือกเขาที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ยอดเขาที่ซ้อนกันเป็ชั้นๆกว่าสิบเมตรตั้งยอดสูงตระหง่าน ต้นไม้เก่ากลายเป็ป่ารกร้าง มีลำธารสายเล็กๆไหลเอื่อยพาดผ่านแนวสันเขา ประหนึ่งักำลังแหวกว่ายทวนกระแสน้ำ
“ข้ามูเาด้านหน้าไปก็จะเป็ยอดเขาลูกที่สิบแล้วซึ่งเป็จุดที่อ่อนแอที่สุดของหุบเขาหลิงหยุน”
ปู้เสวียนยินหรี่ตามองออกไปสายตาจึงพลันไปเห็นคนลักลอบฆ่าสัตว์ผลุบหายเข้าไปในเทือกเขา“พวกเราอ้อมไปทางอื่นกันเถอะ อย่าตามคนพวกนั้นไปเลย”
“อืม”
ขณะพูดนางก็เพิ่มความเร็วของฝีเท้าสองมือไพล่หลังแล้วะโข้ามชายป่าออกไปไกลถึงร้อยเมตรช่างเป็ความเร็วที่น่าทึ่ง
ข้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะรวบรวมพลังไว้ที่เท้าทั้งสอง ให้ลอยขึ้นจากพื้นดินนี่คงเป็ผลจากการฝึกฝนเพลงขาเมฆาหมอกสองเท้าเหยียบลงบนต้นไม้ใบหญ้าอย่างแ่เบาข้าจึงรีบเร่งฝีเท้าไล่ตามพี่เสวียนยินในระยะกระชั้นชิด
นางหันมายิ้มพลางชื่นชมฝีมือ“เรียนเพลงขาเมฆาหมอกได้ไม่เลวนี่...ฝึกได้ถึงท่วงท่าอันสง่างามและใช้พลังเหยียบลงได้กว่าครึ่งของเฉิ่นปู้หยุนแล้ว”
“จริงเหรอ?”
“ไม่จริงหรอก ข้าแค่อยากจะให้กำลังใจเ้าเฉยๆ อย่าคิดจริงจังเชียวความจริงคือยังที่ไม่ถึงครึ่งของเฉิ่นปู้หยุนเลย”
“ฮึ่ยโดนหลอกอีกแล้ว...”
“รีบไปเร็ว อย่าให้พวกลอบล่าสัตว์ตามทัน ดูแล้วไม่น่าจะใช่คนดีสักเท่าไรถึงจะไม่ได้กลัวแต่ก็ไม่อยากฆ่าใครที่นี่”
“อืม”
...
เราทั้งสองผ่านรอบนอกของเทือกเขามาอย่างรวดเร็วพอเข้ามาถึงยอดที่สิบ บนพื้นนั้นดาษดื่นไปด้วยหมอกหนาคล้ายกลุ่มพลังเมื่อมองผ่านตาทิพย์จึงรู้ได้ทันทีว่ามีภัยเงียบซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้
สวบสาบ
ปลายเท้าะโข้ามจากท่อนไม้ไปยังโขดหินพวกเรายังต้องมุ่งตรงไปเพื่อผ่านยอดเขาที่สิบให้เร็วที่สุดจังหวะนั้นข้ากำลังก้มมองไปยังพื้นดิน สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับบางอย่าง “ท่านพี่ดูตรงนั้นเร็ว มันคือหญ้าทางิญญา ที่ร้านนอกสำนักขายสองอันตั้งขีดละแปดร้อยเหรียญหลงหลิงแน่ะ!”
ปู้เสวียนยินพูดปราม“อย่าหยุดนะ พวกเราต้องไปต่อ เ้าต้องคิดถึงอนาคตเข้าไว้อย่าให้ของพวกนี้มาทำให้เ้าหยุดกลางคันขืนเป็แบบนี้ข้าจะมีหน้ามีตาสูงศักดิ์ได้อย่างไร?”
“โห่...ก็ได้ ไปต่อกัน” ข้าเก็บความอยากไว้ก่อนแม้ว่าหญ้าทางิญญาตรงนั้นจะมีค่าเกือบสองถึงสามพันเหรียญ แต่ก็ต้องจำใจผ่านไป
ทว่าไปต่อได้ไม่นานก็รู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานผ่านแมกไม้อันหนาทึบ เมื่อพินิจอย่างละเอียดจึงพบว่าเป็งูเหลือมขนาดใหญ่กำลังขดตัวนิ่งบนต้นไม้ ดวงตาสีน้ำตาลคล้ำไร้อารมณ์คู่นั้นกำลังจ้องมาที่ข้าและพี่เสวียนยินราวกับ้ากลืนกินเืเนื้อของเราสองพี่น้อง
“มันคืองูเหลือมห้าก้าวสัตว์ิญญาระดับหนึ่ง ดีของงูชนิดนี้สามารถเสริมพลังลมปราณได้ส่วนกระดูกนำมาทำยารักษาโรคปวดข้อและข้อต่อกระดูกอักเสบได้อย่างน่าอัศจรรย์”ความรู้จากหนังสือทำให้ข้ารู้จักสัตว์ิญญาพวกนี้เป็อย่างดี
ปู้เสวียนยินมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก“ไปได้แล้ว สัตว์ิญญาระดับหนึ่งพวกนี้ไม่เหมาะที่ข้าจะลงมือ แค่ไล่มันไปก็พอ”
“ฮะ?”
ข้าเบิกตากว้างเมื่อพี่เสวียนยินผายมือออกจนเกิดเป็ลูกไฟปกคลุมไปกว่าสิบเมตรมันคือกระจกเพลิงทิวากร ด้วยพลังที่แข็งแกร่งทำให้งูเหลือมตัวนั้นยอมล่าถอยและเลื้อยกลับเข้าไปในป่าทึบ
เพียงแค่ลมปราณยังทำให้สัตว์ิญญาหนีเตลิดไปได้ช่างเป็เื่เหลือเชื่อยิ่งนัก
เพราะสัตว์ิญญาในหุบเขาหลิงหยุนล้วนมีอาณาเขตของตัวเองเมื่อมีผู้บุกรุกจึงต้องต่อสู้เพื่อป้องกันตัว มีโอกาสน้อยมากที่จะยอมเปิดทางให้ทว่างูเหลือมตัวนี้ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นอาจต้องใช้นักล่าสัตว์สักสี่ถึงห้าคนถึงจะล้มมันได้แต่พอเจอแบบนี้กลับหนีไปเสียดื้อๆ ขี้ขลาดจริงๆ
สัตว์ิญญาระดับหนึ่งและระดับสองถูกพี่เสวียนยินขับไล่ไปตลอดทางเมื่อไม่มีอุปสรรคจึงสามารถผ่านยอดที่ห้ามาได้อย่างสบาย กระทั่งอาทิตย์ใกล้ตกดินจึงเริ่มเข้าใกล้ใจกลางเทือกเขายิ่งขึ้นเดิมทียังมีผู้ฝึกฝนิญญาและพวกลอบล่าสัตว์ให้เห็นอยู่บ้างแต่พอมาถึงที่นี่กลับไม่มีผ่านตาสักครั้ง คล้ายจะมีแค่ข้าและพี่เสวียนยินเท่านั้น
เมื่อเท้าััลงบนพื้นหญ้าที่เปียกชื้นปู้เสวียนยินเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า ก่อนจะพูดบางอย่าง“ข้าคงคาดการณ์ผิดไป วันนี้คงจะไปไม่ถึงชั้นที่สามแล้วล่ะพวกเราต้องเร่งฝีเท้าให้ถึงชั้นที่สี่ก่อนฟ้ามืดดีกว่าจากนั้นค่อยฆ่าพวกสัตว์ิญญาและหาหญ้าสมุนไพร เพราะที่ชั้นนั้นน่าจะมีสมุนไพรดีๆให้เก็บได้เหมือนกัน”
“อื้ม!”
ขณะนั้นสายลมสีดำทะมึนได้พัดผ่านเข้ามาพร้อมกับเสียงคำรามของเสือตัวหนึ่งที่ร่างกายปกคลุมด้วยเปลวเพลิงเสือลายไฟได้ชื่อว่าเป็สัตว์ิญญาระดับที่ห้าปรากฏกายออกมาจากแนวป่าก่อนจะวิ่งตรงดิ่งมาหาพวกเรา
“อยากจะลองไหม?” ปู้เสวียนยินเอียงคอถาม
“เอาสิ!”
ข้ายกมือเรียกกระบี่คมจันทราออกมาเพียงอึดใจก็รวมพลังได้ถึงขีดสุดร่างกายแข็งแกร่งราวกับัก่อนจะเล็งกระบี่ไปที่สมองของเสือลายไฟแล้วพุ่งใส่เต็มกำลัง!
ตูม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทว่าเปลวไฟจากเสือร้ายกลับสะท้อนคืนสู่กระบี่จนเผาไหม้เกราะเสี้ยวจันทราขุมพลังปะทะเข้ากับหน้าอกจนลำตัวเซถลาและกระอักเืออกมาช่างเป็สัตว์ิญญาระดับห้าที่ร้ายกาจ เพียงแค่กระบวนท่าเดียวข้าถึงกับพ่ายแพ้ได้ขนาดนี้
“เฮ้อ...ยังสู้ไม่ได้สินะ”
จู่ๆพี่เสวียนยินก็ะโขึ้นไปเหนือเสือลายไฟ นางซัดฝ่ามือลงบนหัวของมันฉาดใหญ่ก่อนจะหันมาวิ่งใส่ข้า
หัวะเิแตกกระจายคาดไม่ถึงว่าเสือลายไฟที่ดุร้ายตัวนี้จะถูกท่านพี่เล่นงานจนสิ้นสภาพ
...
ตูม!
ร่างอันไร้ิญญาร่วงหล่นสู่พื้นแล้วกลิ้งไปกระแทกกับขอนไม้
“มัวรออะไรอีกล่ะ?”
ปู้เสวียนยินพูดขึ้น“เสือลายไฟที่เพิ่งตาย เืยังคงอุ่นอยู่ อีกทั้งหัวใจเป็ของหายากน้อยคนจะมีโอกาสได้พบ ถ้าเ้ากล้าพอก็ควักหัวใจออกมากินซะเพราะมันมีฤทธิ์เทียบเท่ากับการกินโสมโลหิตอายุห้าสิบปี”
ข้าไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ลังเลที่จะมุ่งตรงไปด้านหน้าแล้วใช้กระบี่กรีดลงไปที่เนื้อของเสือนั่นอย่างรวดเร็ว