ครั้งนี้ เฟิ่งเฉี่ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ รอเพียงกระบี่ของอีกฝ่ายกดดันบีบคั้นเข้ามาใกล้
คนทั้งหมดต่างดูกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ครั้งก่อนมีจวักพันชั่งอยู่ในมือ นางจึงมีความกล้าที่จะโจมตีออกไปในวินาทีสุดท้ายชนิดที่เรียกได้ว่ารวดเร็วดั่งสายฟ้าแล่บ โจมตีกลับพร้อมกับได้รับชัยชนะ!
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ในมือของนางไม่มีอาวุธเทพ นางจะอาศัยอะไรมาหลบหลีกและโจมตีเพื่อปลิดชีพ
บนที่ประทับ เซวียนหยวนเช่อกำมือเป็หมัดหลวมๆ
ขณะที่ตกอยู่ในวินาทีคับขัน กระบี่นกนางแอ่นเหินอยู่ห่างจากนางเพียงแค่หนึ่งชุ่น บอกว่าช้าก็ช้าเร็วก็เร็ว เงาร่างของเฟิ่งเฉี่ยนเคลื่อนไหวแล้ว เท้าของนางเดินด้วยลักษณะประหลาด ทั้งๆ ที่นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่ร่างของนางกลับเอนไปด้านหลัง ทั้งๆ ที่นางก้าวไปทางซ้ายก้าวหนึ่ง แต่ร่างของกลับเอนเอียงไปด้านขวา ส่งผลให้นางหลบหลีกกระบี่ในกระบวนท่าเอาชีวิตได้!
องค์หญิงหลานซินโจมตีไม่ถูกเป้าหมาย นางส่งกระบี่ออกไปอีกครั้ง “นกนางแอ่นกลับคืนรัง!”
กระบวนท่านี้เป็การตวัดเข้ามาในแนวขวางและแทงเข้ามาในลักษณะทะแยงมุม กระบี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร!
ในสายตาขององค์หญิงหลานซิน กระบี่นี้แทงออกไป เฟิ่งเฉี่ยนจะต้องหลบหลีกไม่ทันแน่ นางหมดสิ้นหนทางหนีรอด!
นางยิ้มเ็าอย่างลำพองใจ ต่อมาริมฝีปากของนางยังไม่ทันได้ยิ้มจนสุด เงาร่างสีขาวตรงหน้าก็หายไป หายไปจากสายตาของนาง
กระบี่ยาวโจมตีได้เพียงความว่างเปล่า!
เสียงกระบี่คำรามราวกับ้าดื่มเื และมันกำลังต่อต้านอย่างไม่ยินยอม!
ต่อมาด้านหลังพลันมีเสียงหยอกล้อดังขึ้น “องค์หญิง ข้าอยู่นี่!”
ม่านตาขององค์หญิงหลานซินขยายขึ้น นางดึงมือกลับแล้วจ้วงกระบี่ฟาดฟันออกไปอีกครั้ง แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่า
แม้จะฟาดฟันได้เพียงความว่างเปล่า แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ได้เปรียบอันใด คนทั้งท้องพระโรงจึงได้แต่เห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้...
คนหนึ่งในมือหนึ่งถือกระบี่ไล่ฟาดฟัน อีกคนหนึ่งกำลังหลบหลีกด้วยฝีเท้าของัว่ายหงส์เหิน หากดูจากวรยุทธ์แล้วไม่มีใครได้เปรียบใคร แต่หากดูจากฝีปากแล้ว...
“องค์หญิง ทักษะการใช้กระบี่ของท่านก็ไม่เท่าไหร่นี่นา”
“ยังมีกระบวนท่าใหม่ๆ อีกหรือไม่”
“แสดงออกมาให้หมดเถิด!”
“ไอหยา ไฉนใช้กระบวนท่านี้อีกแล้ว นี่มันซ้ำแล้วนะ!”
“...”
“สมควรตาย! แน่จริงเ้าอย่าหนีสิ!”
“เ้าหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
“ข้าเสียสติหรือไร? ยืนอยู่ที่นั่นให้เ้าฟาดฟันหรือ? เ้าคิดว่าข้าโง่เขลาเหมือนเ้าหรือ?”
“มาสิ มาสิ ฟาดฟันข้าสิ!”
...
“หงส์คืนรัง!”
“อินทรีย์หางนางแอ่น!”
“นางแอ่นแยกย้าย!”
...
“องค์หญิง พวกเรากำลังประลองวรยุทธ์ มิใช่แข่งขันสำนวนสุภาษิต!”
“เปลี่ยนกระบวนท่าใหม่ได้หรือไม่?”
“มาลองใช้สุภาษิตที่เกี่ยวกับงูเป็อย่างไร?”
...
“แหวกหญ้าให้งูตื่น!”
“ถุยๆ!”
“นางแอ่นวสันต์!”
...
องค์หญิงหลานซินถูกเฟิ่งเฉี่ยนยั่วโทสะจนแทบจะขาดสติอยู่แล้ว กระบวนท่ากระบี่ของนางแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นอารมณ์คลุ้มคลั่ง
ดวงตาของเฟิ่งเฉี่ยนปรากฏให้เห็นแววสมปรารถนา ที่นางกำลังรอคอยก็คือวินาทีนี้!
ั้แ่เริ่มต้นนางได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้อย่างดีแล้ว ด้วยกำลังความสามารถของนาง หาก้าเป็ฝ่ายจู่โจมเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม แทบจะเป็ไปไม่เลย ความได้เปรียบที่สุดของนางก็คือการป้องกัน และอาศัยฝีเท้าัว่ายหงส์เหินเพื่อหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นค่อยๆ ซื้อเวลากระทั่งนางเสียสมาธิเปิดช่องโหว่ ก็คือโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะลงมือ!
นางใช้วาจายั่วยุโจมตีอีกฝ่ายไม่หยุด นั่นก็เพื่อสร้างโอกาสนี้ ตอนนี้โอกาสนี้มาถึงแล้วในที่สุด!
องค์หญิงหลานซินที่กำลังมีโทสะค่อยๆ เปิดช่องโหว่โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นนางจะต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้!
ปรากฏแสงสีเงินที่ปลายนิ้ว ข้อมือของนางสั่นสะท้าน เข็มเล่มหนึ่งถูกซัดออกไปจากปลายนิ้วของนาง!
องค์หญิงหลานซินกำลังร่ายรำกระบวนท่ากระบี่ ทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการโจมตี และประจวบเหมาะกับเปิดช่องโหว่ในการโจมตีขั้นปลิดชีพออกมา เข็มเงินฉวยโอกาสนี้ในการโจมตีเข้าช่องโหว่นั้น แทงทะลุเข้าไปในหน้าอกของนาง!
ร่างขององค์หญิงหลานซินสั่นสะท้าน คนทั้งคนราวกับถูกสาปให้เป็หิน ทุกๆ อิริยาบถของนางแข็งค้าง ดวงตาทั้งคู่นั้นเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ!
“หลานซิน!”
ซือคงจวินเย่ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วมองไปทางน้องสาวด้วยแววตาตื่นตะลึง ท่ามกลางสายตาของเขา ร่างขององค์หญิงหลานซินที่เหยียดตรงค่อยๆ ล้มไปทางด้านหลัง!
ซือคงจวินเย่รีบพุ่งออกไปรับนางเอาไว้ก่อนที่ร่างของนางจะล้มลงบนพื้น
“หลานซิน? หลานซิน?”
ดวงตาทั้งคู่ขององค์หญิงหลานซินปิดสนิท นางเข้าสู่ภาวะหมดสติ ไม่รับรู้อันใด
เฟิ่งเฉี่ยนก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง นางมององค์หญิงหลานซินที่หมดสติแล้วพูดเรียบๆ ว่า “วางใจเถิด ข้าไม่ได้โจมตีจุดร้ายแรงของนาง นางไม่ตายหรอก!”
คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้กลับคืนมาจากซือคงจวินเย่คือดวงตาเ็าแทบจะกินคนได้ “หากเกิดอะไรขึ้นกับน้องหญิง ข้าจะเอาชีวิตของเ้ามาชดใช้!”
เขาอุ้มองค์หญิงหลานซินขึ้นมาแล้วหันไปพูดกับเซวียนหยวนเช่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ั “ท่านพี่เซวียนหยวน พวกเราขอตัวก่อน!”
เขาหันหน้าไปพูดกับซือคงเซิ่งเจี๋ย “อาเซิ่ง พวกเราไป!”
เขาหมุนตัวอุ้มองค์หญิงหลานซินออกไปจากท้องพระโรง
ซือคงเซิ่งเจี๋ยลุกขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้านเดินออกไปตามพี่ชายของเขา เขามองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาเรียบเรื่อยโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
เซวียนหยวนเช่อมองส่งด้วยสายตา เขาไม่พูดไม่จา กระทั่งเงาร่างของพวกเขาลับหายไปจากประตูใหญ่ของท้องพระโรง เขาจึงถอนสายตากลับมาทว่าแววตากลับมีความเ็าพาดผ่าน!
ไม่มีองค์หญิงหลานซินและซือคงจวินเย่ ท้องพระโรงกลับมามีบรรยากาศผ่อนคลายดังเดิม
ขุนนางทั้งหลายกำลังแสดงความยินดีกับชัยชนะจากการแข่งขันรอบนี้ของเฟิ่งเฉี่ยน ทว่าเฟิ่งเฉี่ยนไม่ดีใจแม้แต่น้อย เพราะสาเหตุที่มีการแข่งขันครั้งนี้เป็ความเ็ปของนางอย่างที่สุด! สาเหตุที่นางต้องแข่งขันกับองค์หญิงหลานซินเพราะพวกนางต่างเป็สตรีของเซวียนหยวนเช่อ คิดจะได้สิทธิ์ในการเปิดกล่องสมบัติล้ำค่าก่อนผู้อื่น ระหว่างพวกนางจึงจำเป็ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ!
ดังนั้น ชัยชนะเช่นนี้สำหรับนางแล้ว ไม่มีค่าคู่ควรให้ดีใจแม้สักกระผีก!
นางถึงขั้นรู้สึกสลดหดหู่!
หากมิใช่เป็เพราะกระหายใคร่รู้ว่าในกล่องสมบัตินั้นคือสิ่งของอะไร หากมิใช่เพราะความปรารถนาที่ขอได้จากราชินีอวิ๋นซู หากมิใช่เป็เพราะเห็นองค์หญิงหลานซินไม่ได้ดั่งใจ นางไม่มีทางรับปากร่วมแข่งขันเด็ดขาด!
บนที่ประทับ เซวียนหยวนเช่อส่งสายตาแสดงความยินดีมาให้นาง นางกลับเมินเฉย
หานปิงจีลุกจากที่นั่ง นางเดินมาหยุดเบื้องหน้าเฟิ่งเฉี่ยน มือทั้งคู่ประคองกล่องสมบัติล้ำค่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ในเมื่อท่านเป็ผู้ชนะการแข่งขัน ท่านย่อมได้รับสิทธิ์ในการเปิดกล่องสมบัติเป็คนแรกเพคะ!”
ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งเฉี่ยนจับจ้องกล่องใบนั้น นางรู้สึกถูกมันดึงดูดด้วยพลังบางอย่างอีกครั้ง นางยื่นมือออกไปรับราวกับถูกสะกดจิต หานปิงจีกลับดึงกล่องใบนั้นกลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฮองเฮาช้าก่อนเพคะ! กล่องใบนี้ถูกปิดผนึกด้วยค่ายกล อานุภาพของมันไม่ธรรมดา หม่อมฉันมีความเห็นว่าฮองเฮาระมัดระวังสักหน่อยจะเป็การดีเพคะ!”
ตอนแรกทุกคนไม่รู้สึกว่ากล่องสมบัติใบนี้มีอันตรายใดๆ ตอนนี้เมื่อนางพูดขึ้นมาเช่นนี้ แต่ละคนแทบจะกลั้นหายใจรอดูว่ากล่องใบนี้จะมีอานุภาพอย่างไร
เฟิ่งเฉี่ยนรู้ว่านี่เป็ความปรารถนาดีของนางจึงพยักหน้าให้นางและรับกล่องใบนั้นมาจากมือนางอย่างระมัดระวัง นางมิได้เปิดกล่องในทันที แต่นำกล่องใบนั้นวางลงบนโต๊ะ จากนั้นในมือพลันปรากฏกระทะใบหนึ่งบังหน้าอกของตนเอาไว้ เพื่อเป็การป้องกัน!
ทุกคนที่กำลังตกอยู่ในความตื่นเต้นนั้นพลันเห็นกระทะใบหนึ่งในมือนาง ได้แต่งงงันบรรยากาศพลันเปลี่ยนไป แต่ละคนร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก!
ฮองเฮาเหนียงเหนียง ภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านเล่า
พวกเราอย่าขี้ขลาดเช่นนี้ได้หรือไม่
ฮองเฮาผู้กล้าหาญปราบศัตรูพ่ายคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว
เฟิ่งเฉี่ยนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อคนอื่นได้เตือนนางแล้วว่าการเปิดกล่องสมบัติอาจมีอันตราย แล้วนางยังจะยังโง่เขลาทำเป็กล้าหาญ นางเสียสติหรือไร
ภาพลักษณ์ตีเป็เงินได้เท่าไหร่กันเชียว?
นางไม่อยากสนใจด้วยซ้ำ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้