สิ้นคำพูดของฮูหยินเยี่ยน สวี่ชิวเยวี่ยก็ขานรับอย่างนุ่มนวลแล้วนิ่งเงียบไป ฮูหยินเยี่ยนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป จึงมองสวี่ชิวเยวี่ยแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เหตุใดมีเื่ดีเช่นนี้แล้วดูเ้ายังเศร้าหมองนัก มีเื่อะไรไม่ชอบใจหรือ ไม่ต้องระแวดระวังนักหรอก พูดมาให้ข้าฟังเถอะ?”
เพราะไม่รู้เื่ราว ‘หนักเบา’ เช่นไร ฮูหยินเยี่ยนจึงโอนอ่อนผ่อนตามสวี่ชิวเยวี่ยเล็กน้อย ประการแรกฮูหยินเยี่ยนเองก็ไม่เคยนึกว่าหลานสาวผู้เป็ญาติทางแม่จากแดนไกลคนนี้ จะมีจิตใจเปราะบางเช่นนี้ เพียงแค่คำพูดเดียวก็หมองใจไปนานขนาดนั้น กลัวว่าเื่ที่แม่นางผู้นี้อยู่จวนเยี่ยนถูกบังคับให้กลายเป็น้องหลิน [1] ผู้อ่อนแอที่ร้องไห้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากแพร่งพรายออกไปก็นับว่าเป็การทำลายชื่อเสียงของจวนเยี่ยนเสียสิ้น
ประการที่สอง เพราะความสัมพันธ์ทางสายเืเพียงน้อยนิด หากในจวนนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ไว้หน้านางเลยก็ว่าไปอย่าง แต่หากตนก็ยังไม่ไว้หน้า ยามสิ้นลมจะมีหน้าไปพบบิดาได้อย่างไรกัน?
สรุปแล้วด้วยเหตุผลกองพะเนิน ทำให้ตอนที่ฮูหยินเยี่ยนเอ่ยคำพูดกับสวี่ชิวเยวี่ยผู้นี้ จึงเกิดความระแวดระวังขึ้นมาไม่น้อย ด้วยกลัวว่าจะทำให้สวี่ชิวเยวี่ยปิดประตูร้องไห้ไม่กินไม่ดื่ม พลันสร้างปัญหาวุ่นวายให้ตนอีกครั้ง
แต่ก็เพราะเหตุนี้ ทำให้ฮูหยินเยี่ยนยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องให้สวี่ชิวเยวี่ยแต่งออกเรือนไปให้ได้ ขอแค่นางแต่งออกไปแล้ว เื่นี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวนเยี่ยน ไม่ต้องสนใจว่าหลังจากสวี่ชิวเยวี่ยแต่งออกไปแล้วจะเป็ตายร้ายดีเช่นไร ถึงอย่างไรก็มีแต่จวนเยี่ยนที่สามารถไปซักไซ้เอาความผู้อื่น ตระกูลจ้าวย่อมไม่กล้าบอกว่าจวนเยี่ยนส่งสะใภ้ไร้เรี่ยวแรงมาแต่งเข้าบ้านตนหรอก
เมื่อได้ยินคำถามของฮูหยินเยี่ยน สวี่ชิวเยวี่ยก็สะอึกสะอื้นเริ่มคิดจะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง โชคดีที่ฮูหยินเยี่ยนเกลี้ยกล่อมยับยั้งเอาไว้ แล้วจึงได้ยินสวี่ชิวเยวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “ชิวเยวี่ยรู้ตัวว่า่เวลาที่อยู่ในจวนของท่านป้า ได้สร้างปัญหาให้ทุกคนไม่น้อย ยามนี้หากต้องไปกะทันหัน... ในใจจึงนึกเสียใจขึ้นมา ไม่อาจปล่อยวางได้...”
“เ้าพูดเช่นนี้ ทำให้ข้าผู้เป็ป้าไม่สบายใจนัก จะพูดถึงความเสียใจนั้นออกมาก็ไม่เสียหายหรอก ลองดูเถิดว่าป้าจะสามารถคลายความกลัดกลุ้มนี้ของเ้าได้หรือไม่ ว่าอย่างไร?”
จะไล่เป็ดขึ้นคอนก็ดี หรือจะต่อปากต่อคำก็ช่าง สรุปแล้วเมื่อว่ากันมาถึงจุดนี้ ถึงฮูหยินเยี่ยนจะไม่ยินยอมอย่างไร ก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตอบกลับใดๆ จึงได้แต่เอ่ยเช่นนั้น เตรียมฟังว่าสวี่ชิวเยวี่ยจะเอ่ยอะไรต่อ และจะแก้เช่นไร
สวี่ชิวเยวี่ยนั้นเพียงยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาสองสายออก แล้วจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตารื้นน้ำตาแวววาวที่มองไปยังฮูหยินเยี่ยน ราวกับจะมีหยดน้ำไหลรินออกมา “เมื่อหลายวันก่อนข้าทำให้พี่ชายไม่พอใจ จึงเป็เื่ใหญ่ที่ค้างคาใจชิวเยวี่ยมาตลอด หากไม่อาจแก้ไขความเสียใจนี้ ชิวเยวี่ยก็คงจะมีชนักติดหลังไปตลอดชีวิต ไม่อาจออกเรือนได้อย่างเป็สุข...”
เมื่อได้ยินว่าเป็เื่นี้ ฮูหยินเยี่ยนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ไม่ใช่เื่แต่งงานออกเรือน จะไปจัดการยากเท่าไรเชียว? พลันชูมือขึ้นเรียกหลิงหลงมา สั่งให้นางไปเชิญเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่อยู่กับอาจารย์อวี้ ให้ทบทวนตัวเองแบกไม้หนามมารับโทษ [2] แล้วรีบเข้าสู่ขั้นตอนการประนีประนอมโดยทันที
ในใจหลิงหลงรู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้ชื่นชอบสวี่ชิวเยวี่ยขนาดนั้น แต่เมื่อฮูหยินใหญ่เอ่ยปาก ใครจะกล้าขัด? จึงได้แต่ต้องไปด้วยความไม่เต็มใจ นางเคาะประตูอย่างขลาดๆ
อาจารย์อวี้นั้นเป็คนที่นิสัยเย่อหยิ่งเป็ที่สุด ถึงแม้ว่ายามนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะเป็นักเรียนที่นับว่าไม่เลวแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจตัวทำกำเริบเสิบสานในชั้นเรียนของตนได้ จึงให้หลิงหลงรออยู่หน้าประตูอยู่หนึ่งคาบเรียน กระทั่งหลิงหลงร้อนใจราวกับมดที่แตกกระเจิงอยู่บนกระทะร้อนก็ไม่ปาน เมื่อนั้นนางถึงเห็นเงาร่างของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเดินออกมา
เมื่อเห็นคนออกมาแล้ว หลิงหลงก็ดึงเ้าตัววิ่งไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นางวิ่งตะบึงอย่างบ้าระห่ำจนใต้ฝ่าเท้าแทบฝุ่นตลบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นตามอยู่ข้างหลังอย่างยากลำบาก ยังไม่ลืมถามว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ “เ้าจะวิ่งรีบร้อนลนลานอะไรนัก ใครอยากจะเจอข้ากันแน่?”
“คุณชายอย่าถามเลยเ้าค่ะ คือฮูหยินใหญ่ท่าน...”
หลิงหลงยกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก นางไม่กล้าบอกไปตามตรง หากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้ว่าที่รีบร้อนเช่นนี้เพื่อไปเจอสวี่ชิวเยวี่ย น่ากลัวว่าประเดี๋ยวจะเกิดความโกลาหลขึ้นมา
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลิงหลงคาดไม่ถึงคือ ตอนที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้ยินคำว่าฮูหยินใหญ่เพียงเท่านั้นก็ตึงเครียดขึ้นมาราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจ ทันใดนั้นก็ดึงหลิงหลงให้หยุดลง แล้วซักถามเอาความให้รู้เื่
“ฮูหยินใหญ่รู้ว่าข้ากำลังเรียนอยู่ เหตุใดจึงยังให้เ้ามาตามข้าไปอย่างเร่งร้อนเช่นนี้? หากวันนี้เ้าไม่พูดให้ชัดเจน ข้าก็ไม่ไปเด็ดขาด
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วปัดภาระเช่นนี้ ทำให้หลิงหลงลำบากใจยิ่ง นางหันซ้ายแลขวาไม่หยุด แล้วจึงเอ่ยขอร้องวิงวอน “คุณหนู ท่านเห็นใจหลิงหลงสักนิดเถอะเ้าค่ะ เหตุใดต้องทำให้ข้าลำบากใจด้วยเล่า... ท่านไปกับข้าสักเที่ยว ไปกับข้าสักเที่ยวเถอะเ้าค่ะ”
พูดจบนางก็ดึงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทำท่าจะวิ่งไป หารู้ไม่ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็คนพูดคำไหนคำนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้จึงไม่ยอมขยับเขยื้อน “ข้าบอกไปแล้ว หากเ้าไม่พูดให้ชัดเจน ข้าก็จะไม่ยอมไปกับเ้าเด็ดขาด จะพูดหรือไม่ก็แล้วแต่เ้า จะไปไม่ไป นั่นก็แล้วแต่ข้า!”
ไม่มีทางเลือก หลิงหลงได้แต่ตบมือลงที่ขา แล้วเล่าเื่ราวให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแต่โดยดีด้วยน้ำเสียงสะอื้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันชักสีหน้า แล้วเอ่ยในทันที “ข้าไม่ไป เ้าก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย!”
“คุณหนู คุณหนูอย่าทำเช่นนี้เลย... หากไม่ไป ที่เสียหายไม่ใช่หน้าของแม่นางชิวเยวี่ย แต่เป็หน้าของฮูหยินนะเ้าคะ คุณหนู...” หลิงหลงกดเสียงเบา แล้วเรียกว่าคุณหนูไปตรงๆ เสียเลย หลังจากเกลี้ยกล่อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมีความคิดที่จะไปขึ้นมาบ้าง “เช่นนั้นหลังจากวันนี้ไป เ้าก็บอกกับท่านแม่ให้ชัดเจนเสีย ว่าต่อไปเื่ที่เกี่ยวข้องกับสวี่ชิวเยวี่ย ข้าไม่ตอบรับทั้งสิ้น...”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพูดพลางเดินตามหลิงหลงไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ หลิงหลงไม่ทันได้ฟังให้ถี่ถ้วนดี ก็พลันพยักหน้าค้อมตัวไม่หยุด “เข้าใจแล้วเ้าค่ะคุณหนู เข้าใจแล้วๆ”
ทว่าเื่ในโลกใบนี้ ใครเล่าจะมั่นใจบอกได้ชัดแจ้ง? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก้าวเท้าอย่างไม่เต็มใจเดินไปข้างหน้า แต่กลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตนที่ต้องเผชิญโดยแท้จริงนั้นเป็ผีสางนางไม้อันแปลกประหลาดเช่นไรกันแน่…
“ท่านแม่ ท่านเรียกหาข้าหรือ?” ด้วยคำไหว้วานของหลิงหลง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงทำทีเป็ไม่รู้เื่อะไรทั้งนั้น แล้วเดินเข้าไปในห้องของฮูหยินเยี่ยนอย่างไร้เรี่ยวแรงยิ่ง
สวี่ชิวเยวี่ยที่รออยู่เนิ่นนานยังนึกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคงจะไม่มาแล้ว พลันเมื่อเห็นเ้าตัว ย่อมต้องดีใจออกหน้าออกตา ในดวงตาเต็มไปด้วยดวงดาวเล็กๆ พร่างพราว น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยก็อ่อนหวานนุ่มนวล พร้อมกับรอยยิ้มแล้วความลิงโลดที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้เล็กน้อย “เปี่ยวเกอ มาแล้วหรือ...”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขานรับเสียงทุ้ม โดยไม่มองไปที่สวี่ชิวเยวี่ยแม้แต่น้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถูกหลิงหลงดึงให้นั่งลง ฮูหยินเยี่ยนนำคำพูดที่สวี่ชิวเยวี่ยบอกกับตนมาพูดกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ทางฝั่งสวี่ชิวเยวี่ยนั้นหลั่งน้ำตาไหลพราก ทำท่าจะร้องห่มร้องไห้บอกว่าตนผิดต่างๆ นานา ขึ้นมาอีกครั้ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหงุดหงิด ยกมือขึ้น แล้วเอ่ยอย่างเ็า “เปี่ยวเม่ยเดิมทีไร้ความผิด ไม่จำเป็ต้องร้องไห้ฟูมฟายกับข้าหรอก ประเดี๋ยวผู้คนจะบอกว่าจวนเยี่ยนของพวกข้าโหดร้ายทารุณต่อญาติห่างๆ ผิดมนุษย์มนา...”
ได้ยินเช่นนั้นฮูหยินเยี่ยนก็เริ่มข่มอารมณ์ไม่อยู่ นางกระแอมไม่หยุด ให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรีบหุบปากเสีย ก่อนจะได้ยินสวี่ชิวเยวี่ยสะอึกสะอื้นวอนขอการให้อภัยไม่ขาดปาก “เปี่ยวเกอตำหนิข้า ชิวเยวี่ยรู้ดี... แต่ยามนี้ชิวเยวี่ยใกล้จะออกเรือน เปี่ยวเกออยากให้ข้าเก็บเอาความเสียใจนี้ไปด้วยเช่นนั้นหรือเ้าคะ?”
“เ้าออกเรือนไม่ใช่ออกบวชเสียหน่อย เื่เสียใจไม่เสียใจอะไรนั่นก็พอได้แล้ว”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่เล่นด้วยกับสวี่ชิวเยวี่ยแม้แต่น้อย นางโบกมืออย่างไม่แยแส เมื่อเสียงเงียบลง มันก็ได้ประกาศให้สวี่ชิวเยวี่ยหมดหวังโดยสิ้นเชิง
เชิงอรรถ
[1] น้องหลิน (林妹妹) คือคำเรียกถึงหลินไต้อวี้ผู้เป็นางเอกจากเื่ “ความฝันในหอแดง” มาจากประโยค “ฟ้าส่งน้องหลินลงมาจากสววรค์” (天上掉下个林妹妹)
[2] แบกไม้หนามมาขอรับโทษ (负荆请罪) หมายถึงการยอมรับความผิดของตน ขอโทษด้วยใจจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้