เสียงประตูดังขึ้น ผู้คนนอกเรือนที่รอคอยอยู่นานเห็นแม่นมชราโผล่ศีรษะออกมาจากในห้องจึงรีบพากันห้อมล้อมเข้าไป ทว่ากลับไม่เห็นร่างของหลิ่วอวิ๋นซู พวกนางไม่ทราบว่าอวิ๋นซูถูกแม่นมพาออกไปที่ประตูอีกบานหนึ่งแล้ว
เดิมทีเหลยซื่อ้าเชิญแม่นมไปยังเรือนของตน เพื่อสอบถามสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยกับคุณหนูหก ไหนเลยจะรู้ว่านางกลับมีท่าทางรีบร้อน
“ฮูหยินเ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าให้บ่าวไปเชิญช่างตัดเสื้อหลายท่านมาตัดชุดให้คุณหนูหกเ้าค่ะ”
“ตัดชุดหรือ? เหตุใดจึงกะทันหันนัก...”
ก่อนแม่นมออกมาฮูหยินผู้เฒ่าได้กำชับไว้เป็พิเศษ ไม่ให้กล่าวอะไรกับคนข้างนอกเ่าั้ให้มากความ พวกนางอยากจะคาดเดาอะไรก็ปล่อยให้คาดเดากันไป ดังนั้นแม่นมจึงปิดปากเงียบสนิท กล่าวเพียงว่าฮูหยินผู้เฒ่าเห็นใจคุณหนูหกเท่านั้น
เหลยซื่อย่อมไม่พอใจกับคำตอบเช่นนี้ นางมักจะรู้สึกว่าเื่ราวเป็ดังเช่นที่ตนคิด ฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนี้ราวกับว่านางเป็คนนอก ย่อมไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ หันมองบุตรีของตนสายตาเจือแววลึกล้ำอยู่หลายส่วน “อวิ๋นฮว๋า ไปดูแลน้องหกของเ้าเสียหน่อยเถิด ไม่รู้ว่าถูกฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิหรือไม่”
กลัวเสียหน้าหรืออย่างไร เห็นได้ชัดว่าได้รับการชมเชย ทว่าเมื่อออกจากปากเหลยซื่อกลับกลายเป็การถูกตำหนิ หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเข้าใจความหมายของมารดา นาง้าให้ตนไปเลียบๆ เคียงๆ ถามน้องหกเสียหน่อยว่าท่านย่ากล่าวอะไรกับนางกันแน่
“ท่านพี่ ให้พวกเราไปกับท่านเถิดเ้าคะ” คุณหนูทั้งสามตามหลังมา พวกนางไม่ได้มีความรู้สึกดีกับพี่น้องที่ถูกรับกลับจวนผู้นี้มากนัก เพียงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
“ได้” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายิ้ม นางไม่ค่อยอยากไปเรือนของตัวโชคร้ายผู้นั้นอยู่พอดี มีเหล่าน้องสาวไปเป็เพื่อนทำให้นางมีความกล้ามากขึ้น
เขตเรือนของหลิ่วอวิ๋นซูอยู่ในมุมที่ห่างไกลที่สุด กระทั่งดวงอาทิตย์ยังมิอาจสาดส่องแสงเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อเข้าไปในเขตเรือนจึงทำให้รู้สึกถึงความอึมครึมและหนาวเหน็บ
หิมะบนพื้นเริ่มละลาย คุณหนูทั้งหลายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีกระชับเสื้อนอกของตนแล้วเยี่ยมศีรษะไปด้านใน “น้องหก?” คาดไม่ถึงว่าจะยังมีเสียงตอบกลับมาเบาๆ
หลิ่วอวิ๋นเหยาคุณหนูเจ็ดที่นิสัยขลาดเขลาหดคอลง “พี่สี่เ้าคะ ข้าเคยได้ยินมาว่าเมื่อก่อนภายในเขตเรือนแห่งนี้มีสาวใช้ตายไปไม่น้อยเลยทีเดียว”
คุณหนูเจ็ดและคุณหนูสี่ล้วนเป็บุตรีที่เกิดจากอนุรอง ทว่านิสัยของทั้งสองกลับต่างกันมาก
“เรือนใดไม่เคยมีสาวใช้ตายบ้างเล่า อย่ากลัวไปเลย” หลิ่วอวิ๋นหลี่มีนิสัยค่อนข้างสุขุม เพียงแต่นางเองก็เคยได้ยินมารดากล่าวว่า เหล่าข้ารับใช้ในจวนลือกันอย่างลับๆ ว่าบริเวณเขตเรือนแห่งนี้มีภูตผี ดังนั้นฮูหยินจึงจัดให้หลิ่วอวิ๋นซูพักที่นี่เพื่อใช้ดวงของนางกดข่มิญญาชั่วร้าย
หลิ่วอวิ๋นเหยาพึมพำกับตนเอง “หากรู้เช่นนี้คงพาน้องแปดกับน้องเก้ามาด้วยแล้ว” มีเด็กผู้ชายสองคนอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้าง
หลิ่วอวิ๋นชิงคุณหนูห้าพลันชำเลืองมองนาง คุณชายแปดและคุณชายเก้าล้วนเป็บุตรที่เกิดจากอนุสี่เช่นเดียวกับนาง คำพูดของหลิ่วอวิ๋นเหยาทำให้นางไม่พอใจอยู่บ้าง
หลิ่วอวิ๋นหลี่รีบจับอวิ๋นเหยา ทำท่าทางให้น้องสาวร่วมมารดาหยุดพูดจามั่วซั่ว
“คุณหนูเ้าคะ เป็พวกคุณหนูรองเ้าค่ะ!”
อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ในตัวเรือนได้ยินเสียงของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าแล้ว ส่วนอวิ๋นซูกำลังจัดการกับเข็มเงินในห่อผ้าของตน สำหรับนาง พี่สาวน้องสาวทั้งหลายยังเยาว์นัก นางที่ผ่านประสบการณ์มาสองชีวิตย่อมไม่กังวลว่าพวกเขาจะมาหาเื่ ขอแค่น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง1 ชีวิตจิตใจของนางก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่มีประโยชน์เท่านั้น
“ทำให้พวกนางใเสียหน่อยแล้วกัน”
คุณหนูถึงกับบอกให้ทำพวกนางใ...อวี้เอ๋อร์คิดว่านี่เป็โอกาสอันดีงามที่จะสานสัมพันธ์กับคุณหนูเ่าั้นั้นเสียอีก! แต่เมื่อคุณหนูกล่าวเช่นนั้นนางย่อมต้องทำตาม
เสียงประตูดังขึ้น การปรากฏตัวของอวี้เอ๋อร์ทำให้หลิ่วอวิ๋นฮว๋าโล่งใจ
“นั่นผู้ใด มานี่”
อวี้เอ๋อร์เดินตามคำเรียก ทว่าสีหน้ากลับไม่ค่อยน่าดูนัก
“คุณหนูหกเล่า?”
“คุณหนูหกนาง...พวกเรา...คือ...” ท่าทางกระอึกกระอักทำให้ผู้อื่นทนไม่ไหวยิ่งนัก หลิ่วอวิ๋นฮว๋าขมวดคิ้วบางเบา อวี้เอ๋อร์ราวกับกำลังลังเล สุดท้ายจึงรวบรวมความกล้า “คุณหนูไม่สบายั้แ่เมื่อวานแล้วเ้าค่ะ เมื่อคืนก็ยังเห็น...เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น บ่าวเองก็ได้เห็นเช่นกัน มัน...ช่างน่ากลัวเหลือเกินเ้าค่ะ!”
อะไรนะ?!
หลิ่วอวิ๋นเหยาจับมือของหลิ่วอวิ๋นหลี่โดยพลัน “พี่สี่เ้าคะ พวกเรากลับกันเถิด เรือนนี้ไม่สะอาดเอาเสียเลย!”
“เ้าบอกว่า เ้าเองก็เห็น?”
อวี้เอ๋อร์พยักหน้าอย่างหวาดกลัว ท่าทางเช่นนี้ดูไม่คล้ายกับกำลังเสแสร้ง ความจริงเมื่อสักครู่อวิ๋นซูกำชับนางมาว่า หากเสแสร้งไม่ออกจริงๆ ให้นึกถึงสภาพที่ชุ่ยเอ๋อร์ถูกจับตัวไป เช่นนั้นย่อมเกิดความกลัวแน่นอน
หลิ่วอวิ๋นชิงมองอลิ่วอวิ๋นฮว๋าครู่หนึ่ง “ท่านพี่เ้าคะ มารดากำชับให้ท่านมาดูแลน้องหก เช่นนั้นพวกข้าขอตัวกลับไปก่อน งานที่ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าส่งพรุ่งนี้ยังไม่เสร็จเลยเ้าค่ะ”
คำพูดนี้เป็การผลักเื่ทั้งหมดให้แก่หลิ่วอวิ๋นฮว๋า คุณหนูสี่และคุณหนูเจ็ดเองก็หันกายเดินจากไปพร้อมนางโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย อย่างไรเสียพวกนางก็มากันเอง ไม่ใช่ท่านพี่เรียกให้พวกนางมา จากไปเช่นนี้ก็ไม่นับว่าผิดหลักจรรยา
สายตาของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าฉายแววมืดครึ้ม นางสามคนนี่ช่างขลาดเขลาเสียจริง!
ทว่า เมื่อลมหนาวหอบหนึ่งพัดผ่าน ข้างหลังก็ราวกับมีเสียงซ่าๆ ดังแว่วมา ร่างกายของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าสั่นสะท้านอย่างยากระงับ รวบรวมความกล้าหันไปช้าๆ ก็พบลูกหนังลูกหนึ่งะโเด้งจากระเบียงด้านหนึ่งเข้าสู่ม่านสายตาของนาง ทันใดนั้นนางพลันสูดลมหายใจเย็นะเื ขาอ่อนแรงจนต้องรีบใช้มือพิงผนัง
อย่างไรเสียท่านย่าไม่มีทางชอบเด็กคนนี้เป็แน่ ต่อให้ชอบแล้วอย่างไร อย่างไรเสียบุตรีภรรยาเอกแห่งจวนโหวก็มีเพียงนางตลอดกาล
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าคิดได้อย่างกระจ่างแจ้งจึงไม่ฝืนตนเองอีกต่อไป รีบออกจากเขตเรือนแห่งนั้นไปอย่างรีบร้อน
...
“เ้าบอกว่า ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงคุยทักทายทั่วไปกับนางสองสามประโยค แล้วจึงให้คนมาตัดชุดให้นาง?” เหลยซื่อไม่ค่อยเชื่อนัก
“เ้าค่ะท่านแม่ อย่างไรเสียก็แค่เด็กที่ไม่ได้รับความโปรดปราน มิอาจสร้างคลื่นลมอันใดได้หรอกเ้าค่ะ”
เกิดความเงียบงันขึ้นครู่หนึ่ง “อวิ๋นฮว๋า เ้าไม่ได้ไปที่เรือนของนางใช่หรือไม่”
“ข้าไปมาแล้ว จริงๆ นะเ้าคะ!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเงยหน้าอย่างตึงเครียด ทว่ากลับไปสบเข้ากับสายตาอันล้ำลึกคู่นั้นของเหลยซื่อเข้าพอดี จึงรีบเบะปากอย่างร้อนตัว
“หรือคิดว่าข้าจะไม่รู้ทันเ้า? พูดความจริงมา!”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าลังเลชั่วครู่ จึงเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ออกมา
“เื่เล็กน้อยเพียงเท่านี้ เ้าก็ใเสียแล้ว?!”
“...”
“อวิ๋นฮว๋า ข้าตั้งใจอบรมสั่งสอนเ้ามานานหลายปี แต่ผลคือเ้าเรียนรู้ได้แต่เื่พวกนี้หรือ?! ในจวนของตนก็ยังหวาดกลัวจนกลายเป็เช่นนี้ วันหน้าหากเ้าได้เข้าวัง พบสตรีวังหลังสามพันนาง ไม่เ้าตายข้าก็รอด ถึงยามนั้นไม่เพียงแต่เ้าที่จะดับดิ้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงจวนโหวอีกด้วย!”
แต่ไหนแต่ไรมารดาไม่เคยสั่งสอนนางอย่างรุนแรงขนาดนี้มาก่อน หลิ่วอวิ๋นฮว๋าตกตะลึง “...เข้าวัง? ท่านแม่้าให้อวิ๋นฮว๋าเข้าวังหรือเ้าคะ?”
ดวงตาของเหลยยซื่อเปล่งประกาย เดิมทีนางไม่้าบอกกล่าวเื่นี้กับบุตรีเร็วไปนัก แต่ก็ดี ตอนนี้พูดไปแล้ว จะได้ทำให้อวิ๋นฮว๋ารู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง
“ไม่งั้นเ้าคิดว่าเหตุใดบิดาของเ้าจึงรับเ้าตัวโชคร้ายผู้นั้นกลับมากันเล่า?”
“นี่...เกี่ยวข้องกับนางงั้นหรือ?”
“หรือเ้าไม่รู้ว่า ชางติ้งโหวตั้งใจจะให้บุตรชายพิกลพิการของเขามาสู่ขอเ้า?”
**********************
คำอธิบายเพิ่มเติม
1 น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง หมายถึง ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน