สำนักติงหลง ท่ามกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง
“เอาละ... ท่านหัวหน้าสำนักติง หลบไปก่อนเถอะ” กู่ไห่กล่าว
“ขอรับ!”
ติงตงมองชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีดำด้วยความแปลกใจ ก่อนเดินไปด้านข้าง กู่ไห่จึงก้าวไปที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่ แล้วค่อยๆ เปิดเสื้อออก
ตุบ!
ทันใดนั้น เท้าคู่หนึ่งก็ยื่นออกมาจากเสื้อคลุมสีดำ และเหยียบลงบนพื้นดินเบื้องล่าง
หญิงสาวในชุดรัดรูปผู้นั้น ก็คือหลงหว่านชิงนั่นเอง
“กู่ไห่! เมื่อครู่เ้ากล้าอย่างไรจึงได้....” นางถลึงตาใส่ชายหนุ่มด้วยความโกรธ
“เอ่อ!... เมื่อครู่พวกเราแนบชิดกันมาก มันจึงเป็เหตุสุดวิสัย นี่เป็สิ่งที่ข้าไม่อาจควบคุมได้ ท่านถังจู่รีบใส่ชุดคลุมสีดำนี้เร็วเข้า ข้าขอตัวก่อน!” กู่ไห่หยิบเสื้อคลุมสีดำออกมาให้หญิงสาว แล้วเดินออกจากหลังหินก้อนใหญ่ไปทันที
"ฮึ่ม!" หลงหว่านชิงมองตามแผ่นหลังกว้าง ก่อนแค่นเสียงเ็า
หญิงสาวระงับความขุ่นเคืองจากเื่น่าอายเมื่อครู่ สวมเสื้อคลุมที่อีกฝ่ายมอบให้ แล้วเดินตามออกไป
หลงหว่านชิงยังคงโกรธเคืองไม่หาย
ติงตงที่อยู่ใกล้ๆ กัน แสร้งทำเป็ไม่รู้เื่ที่เกิดขึ้น ส่วนกู่ไห่ก็เพียงคลี่ยิ้มเจื่อนๆ เท่านั้น
ตูม!
ทันใดนั้น ท้องฟ้าพลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เศษหินจำนวนมากลอยกระเด็นขึ้นฟ้า หมุนวนรอบสำนักติงหลง ราวกับพายุขนาดใหญ่ที่ปกคลุมสำนักเอาไว้
เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากหุบเขาที่อยู่ห่างไกล
กู่ไห่และหลงหว่านชิงเงยหน้าขึ้นมองความผิดปกติ ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
“แย่แล้ว! ติงรุ่ยรู้เื่แล้ว นางกำลังเปิดใช้ค่ายกลผนึกูเา เราออกไปไม่ได้แน่” สีหน้าของติงตงเปลี่ยนไป
“ติงรุ่ยเปิดค่ายกลใหญ่แล้วหรือ? เ้าเป็ถึงหัวหน้าสำนักติงหลง ไม่มีทางที่จะเล็ดลอดออกไปได้เลยหรือ?” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงต่ำ
“ค่ายกลผนึกูเา มีเพียงติงรุ่ยเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้ แม้แต่ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้” ชายชราตอบอย่างร้อนรน
“ติงรุ่ย?” หญิงสาวหน้าถอดสีทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เพราะตอนนี้พลังถูกผนึกเอา นางจึงก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
“ท่านกู่ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? ท่านต้องแจ้งให้ท่านตาของถังจู่ทราบหรือไม่? ไม่สิ! ท่านตาของถังจู่น่าจะรู้แล้ว” ติงตงถามอย่างสงสัย
“ไปที่หุบเขาโหยวหราน ตรงนั้นเป็ที่โล่ง” กู่ไห่หรี่ตาลง
“ที่โล่ง?” หลงหว่านชิงแสดงความงุนงงออกมา
ติงตงไม่ได้ผิดสังเกตกับน้ำเสียงของชายหนุ่ม เพียงพยักหน้ารับ “ได้ๆ! ข้าเชื่อฟังท่าน”
“สำนักติงหลงมีศิษย์ห้าพันคน และยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาของติงรุ่ยอีกพันกว่าคน พวกเราจะทำอย่างไร? ต้องปลอมตัวหรือไม่?” หญิงสาวมองกู่ไห่ด้วยความกังวล
“ไม่จำเป็! ถังจู่ ในเมื่อพบท่านแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก วันนี้ข้าจะพาท่านออกจากสำนักติงหลงอย่างปลอดภัย มาดูกันว่าติงรุ่ยจะขวางทางข้าได้อย่างไร?” ชายหนุ่มยิ้ม
“หืม?” หลงหว่านชิงเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
พาตัวเองออกไปอย่างปลอดภัย? จะเป็ไปได้อย่างไรกัน?
ชายชราเองกลับรู้สึกโล่งใจไม่น้อย รอบๆ สำนักตอนนี้ มีคนของท่านตาของถังจู่อยู่ พวกติงรุ่ยก็เป็เพียงผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น จะริอ่านเทียบเคียงท่านตาของถังจู่ได้อย่างไร? ดีจริงๆ ที่ตนกลับตัวทัน!
...
บัดนี้ ติงรุ่ยกำลังยืนอยู่บนูเาสูง และกวาดตามองไปรอบๆบริเวณด้วยแววตาเย็นะเื
“แจ้งให้ศิษย์ทุกคนของสำนักติงหลงทราบโดยทั่วกัน ต้องหาพวกมันให้เจอ อย่าปล่อยให้หลบหนีไปได้!” นางะโสั่งอย่างเ็า
“ท่านหัวหน้าโปรดวางใจ พวกเราจะตามหาอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้พลาดแม้แต่มุมเดียว” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวอย่างนอบน้อม
“ฮึ่ม!” หญิงชราเค้นเสียง
“เจอแล้ว... ข้าพบพวกมันแล้ว!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงะโดังมาจากที่ไกลๆ
ศิษย์สำนักติงหลงรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ท่านหัวหน้า พบท่านเ้าสำนักและกู่ไห่แล้ว ยังมีสตรีอีกหนึ่งคนด้วย”
“โอ้?” ติงรุ่ยเลิกคิ้วขึ้น แล้วเอ่ย “เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ใช่แล้ว! พวกเขากำลังเดินทางไปยังหุบเขาโหยวหราน เราจึงพบเข้าขอรับ!” ศิษย์ของสำนักติงหลงตอบอย่างเคร่งขรึม
“ง่ายดายเช่นนี้? พวกเขาไม่ปลอมตัว หรือหลบซ่อนเลยหรืออย่างไร?” ติงรุ่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ขอรับ! เดินทางโดยไร้ซึ่งการปิดบังตัวตน เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเดินช้า ดังนั้น ท่านหัวหน้าสำนัก และกู่ไห่จึงต้องเดินไปพร้อมๆ นาง” ชายคนนั้นพูด
“เป็ไปไม่ได้!” หญิงชราขัดขึ้น อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“จริงๆ ขอรับ! พวกเขาใกล้จะถึงหุบเขาโหยวหรานแล้ว”
“ไป! ไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!” ติงรุ่ยเดินนำไปยังหุบเขาด้วยความสับสน
...
ภายในหุบเขาโหยวหราน ยามนี้กำลังเกิดความวุ่นวายขึ้น
“เพื่ออะไร? สำนักติงหลงของพวกเ้าคิดจะทำอะไร? ทำไมต้องเปิดค่ายกลผนึกูเา?”
“ออกไปไม่ได้… ทางออกนั่นออกไปกันไม่ได้แล้ว!”
“นี่เ้าจะปล้นพวกเราอย่างนั้นหรือ? เพราะเสียเงินรางวัลไปมาก จึงอยากได้คืนสินะ?”
“พวกเ้าไม่มีสิทธิ์เรียกรางวัลกลับคืน... คิดจะทำอะไรกันแน่?”
หลังจากพบว่าสำนักติงหลงถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลผนึกูเา ผู้ฝึกตนกว่าหนึ่งพันคนที่กู่ไห่พาเข้ามา ต่างตะเบ็งเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว
อย่างไรก็ตาม มีศิษย์สำนักติงหลงจำนวนมาก มารวมตัวกันเพื่อระงับความวุ่นวายนี้
าาหมากล้อมสังหารโอบหญิงสาวข้างกาย พากันเดินออกมา พร้อมเหล่าศิษย์ที่ตามหลังมา พวกเขามองดูความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วสารทิศด้วยความงุนงง
“ท่านอาจารย์ สำนักติงหลงคิดจะทำอะไร?” ศิษย์คนหนึ่งพูดอย่างร้อนรน
าาหมากล้อมสังหารยื่นมือออกไป เพื่อหยุดมิให้พวกเขากล่าวอะไรอีก เมื่อเห็นเช่นนั้นศิษย์ทั้งหลาย ก็ได้แต่รออยู่เงียบๆ เท่านั้น
ฟึ่บ!
ศิษย์สำนักติงหลงจากทุกสารทิศ ได้มารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้แล้ว ยังมีคนของหัวหน้าสังกัดอัคคีแห่งหออี้ผินอีกด้วย ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปในหุบเขาโหยวหรานอย่างรวดเร็ว
เหล่าผู้ฝึกตนที่เดิมเอาแต่ร้องโวยวาย พลันสงบนิ่ง มองกองทัพขนาดย่อมตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
“คนของหออี้ผิน?”
“ศิษย์ของสำนักติงหลงมารวมตัวกันที่นี่หรือ? เกิดอะไรขึ้น?”
กลุ่มผู้ฝึกที่อยู่รอบๆ บริเวณ ต่างก็จับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ จึงพบว่าทั้งศิษย์สำนักติงหลงและ หออี้ผิน พากันหันหน้าตั้งรับบางอย่างที่ทิศเหนือ
ทุกคนจึงหันไปมองตามทิศทางนั้น
เพียงครู่หนึ่ง ก็เห็นกู่ไห่ ติงตง และหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังย่างเท้าเข้ามาในหุบเขาโหยวหราน รอบๆ กายของทั้งสามคน มีคนของหออี้ผินจำนวนมาก กำลังคอยจับจ้องอยู่
แน่นอนว่าหญิงสาวผู้นั้นก็คือหลงหว่านชิง เพียงแต่นางเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งได้ไม่นาน อีกทั้งไม่ค่อยปรากฏตัวสู่สายตาผู้คนเท่าใดนัก จึงทำให้มีน้อยคนนักที่จะรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของนาง
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ฝึกตนหลายคนต่างแสดงอาการงุนงง
าาหมากล้อมสังหารก้มหน้าลง มือบีบเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว จึงทำให้หญิงสาวที่เขาโอบอยู่ ถึงกับร้องเสียงเบาด้วยความเ็ป
“เพื่ออะไร? เ้าคิดจะอะไรกัน? ไปให้พ้น!” ติงตงตวาดอย่างเกรี้ยวกราด
ศิษย์สำนักติงหลงที่อยู่รอบด้าน พลันแสดงท่าทีสับสน
ปัง!
ทันใดนั้น ก็มีลมแรงพัดผ่าน ร่างหนึ่งค่อยๆ ร่อนลงกลางลานกว้างของหุบเขาโหยวหราน
เป็หญิงชราคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้า ดวงตาคมดุจับจ้องคนทั้งสามด้วยความเยือกเย็น
“ท่านหัวหน้า!” กลุ่มศิษย์ของหออี้ผินต่างแสดงความเคารพ
“หัวหน้าสังกัดอัคคีแห่งหออี้ผิน ติงรุ่ย?” ทันใดนั้น เหล่าผู้ฝึกตนก็จำได้
“อะไรกัน? ท่านหัวหน้าสังกัดติงก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
“นางมาทำอะไรกัน?”
ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างมองภาพตรงหน้า อย่างงุนงงสับสน เมื่อเห็นติงรุ่ยกำลังมองผู้มาใหม่ทั้งสามด้วยแววตาวาวโรจน์
ติงตงเองเมื่อเห็นหญิงชราก็พลันสะดุ้งใ เพราะความกลัวที่ฝังแน่นมายาวนาน จึงยากที่จะเก็บอาการยามอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย
สีหน้าของหลงหว่านชิงมืดครึ้ม
กู่ไห่ยิ้มและเดินนำเข้ามา
“ติงตง เ้าช่างกล้านัก!” ติงรุ่ยเอ่ย เสียงเย็นเยียบ
“ข้า... ข้า... ข้า...” ชายชราพูดตะกุกตะกักอย่างหวาดกลัว
“ติงรุ่ย เ้าช่างโอหังจริงๆ!” หญิงสาวพูดแทรก พลางยิ้มเยาะ
หญิงชรามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นะเื ก่อนถามอย่างใจเย็น “คิดหนีหรือ? จะหนีอย่างไร ในเมื่อตอนนี้เ้าก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น? ฮึ่ม! จะใช้ติงตง? หรือพึ่งพากู่ไห่ดีล่ะ?”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “หัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน กู่ไห่ คารวะท่านหัวหน้าติง!”
“ฮ่าๆๆๆ! กู่ไห่ ใครบอกว่าเ้าคือหัวหน้าสังกัดวารี?” ติงรุ่ยถามอย่างเ็า
“ข้าเป็คนแต่งตั้งเขาเอง ทั้งยังส่งหนังสือไปแจ้งพวกเ้าทุกคนแล้วมิใช่หรือ?” หลงหว่านตอบเสียงเย็น
“การเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าสังกัด ต้องได้รับการยินยอมจากหัวหน้าสังกัดคนอื่นๆ ก่อน นอกจากนี้ เขาเคยลงทะเบียนที่สำนักงานใหญ่แล้วหรือ? ในเมื่อยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนเหล่านี้ แล้วจะมีคุณสมบัติอะไร ที่จะเรียกตัวเองว่าหัวหน้าสังกัดวารี?” หญิงชรายิ้มเยาะ
ชายหนุ่มหรี่ตาลง พลางตอบโต้ “หัวหน้าติง ท่านคือคนของหออี้ผินมิใช่หรือ? นี่คือท่านถังจู่แห่งหออี้ผิน แล้วเหตุใดจึงไม่อาจแต่งตั้งได้? คุณสมบัติที่จะเป็หัวหน้าสังกัดอย่างนั้นหรือ? ความผิดของท่านในการจับตัว และคุมขังท่านถังจู่นั้นหนักหนายิ่ง... มีโทษถึงตาย!”
ฟึ่บ!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่บริเวณโดยรอบ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง สตรีนางนี้เป็ถึงถังจู่แห่งหออี้ผินเชียวหรือ? ท่านถังจู่คนใหม่?
ศิษย์สำนักติงหลงหลายคนก็แสดงท่าทีประหลาดใจเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ถึงตัวตนของหลงหว่านชิง
“ติงรุ่ย เ้ายังไม่สำนึกอีก? หากไม่ร้องขอความเมตตาจากท่านถังจู่ ต้องเจอดีแน่” ชายชราตวาด
“หืม?”
ผู้ฝึกตนพากันส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง ติงตงยอมรับแล้วหรือ ว่าสตรีนางนี้คือท่านถังจู่แห่งหออี้ผิน?
“ฮึ่ม!” หญิงชราใช้ไม้เท้า สร้างลมพายุขึ้นมาทันที
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป
“ติงตง เ้ายังมิได้อธิบายให้ข้าเข้าใจเลย ว่าเหตุใดจึงทรยศ? อยากตายอย่างนั้นหรือ?” ติงรุ่ยร้องถามเสียงเย็นเฉียบ
“ข้า... ข้า... ข้า...” ดวงตาของติงตงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หันไปมองกู่ไห่ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
“ฮึ่ม! ติงรุ่ย ที่ข้ากลับลำเป็เพราะรู้แจ้งแล้ว บัดนี้ สำนักติงหลงถูกล้อมเอาไว้แล้ว… ฮึ่ม! เพียงท่านตาของถังจู่ออกคำสั่ง พวกเ้าทุกคนก็ไม่อาจหนีไปไหนได้” ชายชราะโตอบด้วยสีหน้าดุร้าย
“ท่านตาของถังจู่?” ทุกคนพลันสั่นะเื
สีหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของติงรุ่ยเปลี่ยนไปทันที แม้แต่หญิงชราเองก็ใไม่น้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ก็แสร้งทำเป็ไม่สะทกสะท้าน
“ที่แท้เ้าก็ถูกล่อลวงอย่างนั้นหรือ?” ติงรุ่ยจ้องติงตง แล้วพูดเสียงเย็น
“อะไร? เ้าไม่เชื่อหรือ?” ชายชราถลึงตาใส่
“ข้าไม่เชื่อ? เ้าโง่หรืออย่างไร? หลงหว่านชิงมิใช่หลานสาวแท้ๆ ของเขา เขามีหลานสาวหลายคน แล้วจะมาที่นี่เพื่ออะไร? ทั้งยังจะซุ่มโจมตีอีก? เช่นนั้นก็มาสิ... มาสังหารข้าสิ!” หญิงชราท้าทาย
ติงตงหน้าชาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“เ้าเป็คนพากู่ไห่และหลงหว่านชิงหนีไปใช่หรือไม่? ช่างโง่เง่าจริงๆ หากท่านตาของหลงหว่านชิงมาถึงแล้ว พวกเขายังต้องหนีอีกหรือ? หากเป็แบบนั้นจริงจะหนีทำไม?” ติงรุ่ยกล่าวอย่างเ็า
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป... ใช่แล้ว! หากท่านตาของนางมา ทำไมพวกเขาต้องหนีด้วย? อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ ทำไมกู่ไห่ถึงได้จงใจบอกความลับกับข้า?
ติงตงถูกอีกฝ่ายเตือนสติ จึงตระหนักขึ้นมาได้
“กู่ไห่ เ้าโกหกข้าอย่างนั้นหรือ?” ชายชราถลึงตา และะโอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าไม่ได้พูด แต่เป็เ้าที่คิดไปเอง หากอยากรนหาที่ตาย ก็ไปเถอะ!” กู่ไห่แย้งเสียงเรียบ
ติงตงหน้าแข็งทื่อ
“เ้าโง่! ยังไม่มาอีก” หญิงชราตวาดเสียงเข้ม
ชายชราสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัว วิ่งกลับไปหาติงรุ่ย
“ข้าถูกกู่ไห่หลอก ข้าคิดไม่ถึงมาก่อน!” ติงตงอ้อนวอนขอความเมตตา
“ไว้ข้าจะจัดการกับเ้าภายหลัง... ฮึ่ม!” หญิงชราแค่นเสียง
ชายชราหน้าแข็งทื่อทันที... เหตุใดตนถึงโชคร้ายขนาดนี้?
ติงตงหันไประบายโทสะกับชายหนุ่มแทน
“กู่ไห่ เ้ากล้าโกหกข้า! วันนี้พวกเ้าอย่าคิดว่าจะหนีออกจากสำนักติงหลงได้เลย… ฮึ่ม!” ชายเขม้นมองอีกฝ่าย พร้ะโกนอย่างเคืองแค้น
“ติงตงกลับลำอีกแล้ว!” หญิงสาวเอ่ย
“นี่เรียกว่าคนสองหน้า! คนแบบนี้จุดจบมักจะไม่สวยนัก ต่อให้ไม่มีท่านตาของท่าน เขาก็ไม่มีวันเชื่อใจติงรุ่ยอีก ท่านเห็นว่าอย่างไร?” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
สีหน้าของติงตงพลันเปลี่ยนไป เขาเหลือบมองติงรุ่ย ทว่านางไม่ได้มองเขา แต่กลับจ้องกู่ไห่ไม่ละสายตา
ชายชรานิ่งงัน
ทำไมเขาจึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้?
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” หลงหว่านชิงมองชายหนุ่ม
ค่ายกลใหญ่ของสำนักติงหลงปิดล้อมพื้นที่อยู่ ไม่มีใครสามารถออกไปได้ พวกเขามีเพียงสองคน ส่วนอีกฝ่ายมีคนหลายพัน และตอนนี้พลังของกู่ไห่ก็อยู่แค่ระดับก่อ์เท่านั้น
เป็ศัตรูกับผู้คนทั้งใต้หล้า? เมื่อมองไปข้างหน้า ทุกคนที่กำลังยืนอยู่ล้วนเป็ศัตรูทั้งหมด ด้วยสถานการณ์ในยามนี้ หลงหว่านชิงจึงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น
“ถังจู่ ท่านลืมหรืออย่างไร? ข้าบอกแล้ว ว่าจะพาท่านกลับออกไปอย่างปลอดภัย” กู่ไห่ไม่ได้สนใจสายตาเ็าของยอดฝีมือนับพัน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตนแม้แต่น้อย ใบหน้าของชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับมา ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ให้หลงหว่านชิง
“หืม?” หญิงสาวมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้