นกั์กว่าสองหมื่นตัวบินกระจายเต็มผืนฟ้า บดบังแสงตะวันที่สาดส่องลงมาจนเห็นเพียงแสงริบหรี่
อสูรนกกระเรียนหมวกขาว : ระดับ 45 พลังชีวิต 20,250 มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า เป็นกที่มีคุณประโยชน์ วันหนึ่งเพื่อนคู่หูของมันก็ถูกปีศาจลักพาตัวไป ผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืนหัวของมันก็กลายเป็สีขาว ก่อนจะกลายเป็อสูรที่โเี้และกระหายเื มีความชำนาญในการไล่ล่า
อสูรนกกระเรียนหมวกขาว เมื่อกางปีกออกนั้นมีความยาวมากกว่าสามเมตร ด้วยความแข็งแรงที่มีมาก จึงสามารถโฉบจับแพะได้อย่างสบาย เพียงแค่กระพือปีกเบาๆ ก็สามารถบินไปได้ไกลกว่ายี่สิบเมตร อสูรนกกระเรียนหมวกขาวนับหมื่นโบกกระพือปีกอย่างพร้อมเพรียง ระยะทางกว่าสองร้อยเมตรก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที นี่เป็ข้อดีของสัตว์ที่มีปีก พวกมันสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แน่นอน
มองดูคล้ายกับเมฆก้อนใหญ่มหึมาที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมือง ก่อนจะดิ่งลงต่ำราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกมา เป้าหมายล้วนเป็ผู้เล่นทั้งหลายที่อยู่ในเมือง
"นักธนูเตรียมพร้อม... ยิง" ลมกระจ่างจันทร์แรมรีบจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่เพื่อรับมือกับสัตว์ที่บินได้ โดยลูกธนูยังคงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด
ลูกธนูนับพันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อต้านอสูรนกกระเรียนหมวกขาว เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนาเ็และถูกฆ่าตายไปเป็จำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะมีอุปกรณ์สนับสนุนอยู่ตลอดเวลา ทำให้จำนวนที่ยิงถูกทำได้ไม่ดีเท่าก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าจะยิงลูกธนูออกไปนับพันนับหมื่น แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับนกดังกล่าวอยู่ดี
อสูรนกกระเรียนหมวกขาวจำนวนไม่น้อยเริ่มถลาร่วงหล่นลงมา พร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป แต่ก็มีลูกธนูจำนวนอีกไม่น้อยที่ถูกปัดออกไป ฝูงอสูรนกกระเรียนหมวกขาวเริ่มพุ่งเข้าใส่ ผู้เล่นจำนวนมากถูกสังหารด้วยกรงเล็บที่แหลมคม เสียงร้องที่โหยหวนเริ่มดังขึ้น บ้างก็ถูกเจาะรูที่หน้าผากด้วยจะงอยปากอันแหลมคมและแข็งราวกับเหล็ก ผู้เล่นบางส่วนก็ถูกจับขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะถูกปล่อยให้ร่วงหล่นลงมา เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของผู้เล่นที่กำลังดิ่งพสุธาลงมาด้วยความเร็ว ช่างน่าหวาดเสียวยิ่งนัก
ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว คล้ายกับความมืดมิดกำลังจะมาเยือน ฝูงมอนสเตอร์ขนาดใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามา ระลอกที่มาถึงก่อนหน้านี้คงพูดได้ว่าเป็เพียงทัพหน้าเท่านั้น
วู้วว...
เสียงลมหวีดหวิวพัดอื้ออึง ราวกับจะมีพายุไต้ฝุ่นพัดผ่าน ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ อิฐหินดินทรายกลิ้งม้วนตลบขึ้นในอากาศ อสูรนกกระเรียนหมวกขาวนับหมื่นดิ่งโฉบลงอย่างพร้อมเพรียง เป็ภาพที่น่าหวาดกลัวจนขนหัวลุก
ครั้นมองดูว่าเหล่านักธนูที่นำโดยลมกระจ่างจันทร์แรมจะต้านทานไว้ไม่อยู่ กำแพงเมืองใกล้จะพังทลาย ทันใดนั้นภายในกำแพงเมือง ก็มีกลุ่มผู้เล่นราวสองพันคนปรากฏตัวขึ้น ซึ่งนำโดยแมงมุมสาวหลี่เฟย ในมือถือคันธนูและลูกศร สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม
ดูเหมือนว่าทั้งสองพันคนนี้ได้เตรียมตัวเพื่อการนี้มาเป็เวลายาวนานแล้ว ซึ่งในเวลานี้ลูกศรได้ขึ้นสายรอไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเป็ลูกธนูพิเศษมีจำนวนไม่มากนัก มีเพียงแค่คนละ 5 ดอกเท่านั้น แต่ท่าทีที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เพราะเหล่านี้ล้วนเป็ลูกธนูเวทะเิ
"เตรียมตัว... ยิง" น้ำเสียงของหลี่เฟยชัดเจน ถึงแม้จะดูอ่อนแรงไปบ้าง แต่ทุกคนที่อยู่ในทีมล้วนได้ยินแจ่มแจ้ง
ฟิ้ววว...
แสงเงาสว่างวาบและวูบหาย หลังจากที่ปล่อยลูกธนูออกไป ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงะเิดังต่อเนื่องขึ้นในอากาศ เสียงสนั่นดังะเืไปทั่วบริเวณ เืและชิ้นเนื้อปลิวว่อน ซากร่างของอสูรนกกระเรียนหมวกขาวทยอยร่วงหล่นราวกับฝนโปรย บ้างก็ตกลงในเมืองกระทบกับพื้นเสียงดังสนั่น บ้างก็ตกอยู่นอกเมือง ฝุ่นผงบนพื้นฟุ้งตลบ อสูรนกกระเรียนหมวกขาวบางตัวที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็ส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปทรมาน น้ำเสียงลากยาวต่อเนื่องก่อนจะค่อยๆ หยุดลง
"เตรียมตัว... ยิง"
......
หลังจากผ่านการโจมตีไปห้ารอบ ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างกระจ่างแจ้ง แสงสว่างส่องประกายปรากฏบนพื้นโลกอีกครั้ง เวลานี้เหลืออสูรนกกระเรียนหมวกขาวอยู่บนท้องฟ้าไม่ถึงร้อยตัว ซึ่งพวกมันไม่สามารถสร้างความกดดันได้อีกต่อไป ภายใต้การโจมตีของเหล่านักธนู ใช้เวลาไม่นานนักพวกมันก็สูญสลายหายไป เหลือเพียงร่างที่ตกอยู่กลาดเกลื่อนบนผืนดิน กองสุมกันเป็กองพะเนิน มอนสเตอร์หลายตัวถูกทับจนตาย มีมอนสเตอร์บางตัวที่มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งและไม่ได้รับาเ็มากนัก กำลังพยายามกระเสือกกระสนออกมา อย่างเช่น อนาคอนดาเขาเดียว
ลูกธนูะเิก็แสดงศักยภาพให้เห็นถึงความเป็สุดยอดของลูกธนู ที่ไม่สามารถถูกสั่นคลอนได้อีกครา
ที่บริเวณด้านหน้าของเมืองเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ... สำเร็จแล้ว!
เหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งนาทีกว่า ซึ่งมอนสเตอร์โจมตีเมืองคงไม่ได้มีมากมายเท่าใด หลังจากที่มอนสเตอร์ทางอากาศถูกจัดการจนหมด มอนสเตอร์ที่เหลือคงทำอะไรไม่ได้มากแล้ว ถึงแม้ว่าผู้เล่นแนวหน้าจะถูกสังหารไปจนหมด ก็ไม่มีทางเป็ไปได้ที่มอนสเตอร์จะทำลายห้องโถงของสำนักงานใหญ่ลงได้ในเวลาจำกัด ทำให้ผู้คนทั้งหลายของฉินหวังกรุ๊ปเริ่มรู้สึกโล่งอก
กลุ่มผู้เล่นจำนวนสองพันคนได้ทำภารกิจของพวกเขาสำเร็จลงเรียบร้อย ถึงเริ่มถอนตัวกลับอย่างเงียบเชียบ มีเพียงหลี่เฟยเท่านั้นที่ยังไม่ได้ถอยกลับไปด้วย ในขณะที่เดินมาหยุดยืนข้างฉินโจ้ว ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
"นั่นมัน..." เสียงของกัวหยากัวเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"เวรแล้วไง!" ลมกระจ่างจันทร์แรมหันหลังกลับไปมองก่อนจะสบถขึ้นทันที
หลังจากที่อสูรนกกระเรียนหมวกขาวออกมาแล้ว หลุมดำก็ยังคงปล่อยมอนสเตอร์ภาคพื้นดินออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลานั้นเองอสูรนกกระเรียนหมวกขาวได้ตายลงทั้งหมด และดูเหมือนว่าผู้เล่นจะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย มันจึงเริ่มปล่อยมอนสเตอร์ที่บินได้ออกมาอีกระลอกหนึ่ง
"นั่นใช่หมาป่าร่างอินทรีหรือเปล่า?" จอมยุทธ์ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าอุทานขึ้น ก่อนที่สีหน้าของเขาเริ่มเคร่งเครียดขึ้น เขาและดาบวงพระจันทร์ ร่วมมือกับ'สายลมที่หายไป' ในที่สุดจึงได้สังหารอนาคอนดาเขาเดียวระดับหัวหน้าฝูงลงได้ เพิ่งจะได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปหยกๆ ในขณะที่วิ่งมาที่ประตูเมืองเพื่อจะได้ช่วยเหลือ ก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
หมาป่าร่างอินทรี : ระดับ 50 พลังชีวิต 27,520 หน่วย เป็ผลผลิตจากการทดลองที่สำเร็จโดยผู้ใช้เวทแห่งความตาย เป็การรวมกันระหว่างหมาป่าและนกอินทรี ซึ่งมีความดุร้ายและฉลาดเ้าเล่ห์จากหมาป่า โดยมีร่ายกายและความว่องไวของนกอินทรี สามารถใช้เวทธาตุลมได้ เป็หนึ่งในศัตรูโดยธรรมชาติของทุ่งหญ้า
"ไม่นะ... ลูกธนูเวทใช้ไปก่อนหน้านี้" หลี่เฟยเอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจ
หมาป่าร่างอินทรีพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ปีกของมันกางออกได้กว้างกว่าเจ็ดเมตร จำนวนของมอนสเตอร์ระลอกนี้อาจดูไม่มากนัก เพียงแค่ 10,000 ตัว แต่ขนาดและความรุนแรงนั้นเทียบกันไม่ได้กับอสูรนกกระเรียนหมวกขาวจำนวน 20,000 ตัวก่อนหน้านี้เลย
เมฆดำทะมึนที่อยู่้านั้น ดูไม่ต่างจากเมฆของจริงแม้แต่น้อย ในเวลานี้ไม่มีแสงสว่างลอดผ่านมาให้เห็นได้เลย ถึงแม้ว่าโลกภายนอกยังเป็่กลางวัน แต่ท้องฟ้าและพื้นดินกลับไม่ต่างจากเวลากลางคืนเลยสักนิด
ในความเป็จริง ระยะห่างระหว่างหมาป่าร่างอินทรีแต่ละตัวนั้นค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากไม่สามารถเรียงต่อกันเป็แถวเดียวได้ทั้งหมด พวกมันจึงซ้อนกันอยู่ถึงห้าชั้น จึงเป็ธรรมดาที่แสงย่อมไม่สามารถทะลุผ่านได้ จำนวนของหมาป่าร่างอินทรีคราวนี้มากมายนัก ความสูงของท้องฟ้าจึงไม่สามารถรองรับได้ พวกมันจึงได้แต่ทับซ้อนกันอยู่ ส่วนที่มากที่สุดนั้นมีอยู่ราว 12 ตัว ซึ่งเทียบได้กับความสูงของตึกสามชั้น
"คุณรู้หรือไม่ว่าไพ่ตายของเราคือสิ่งใด?" ฉินโจ้วดูจะไม่ได้ใส่ใจมองเมฆดำทะมึนของเหล่าหมาป่าร่างอินทรี ก่อนจะหันหน้าไปทางกั่วกั่ว ที่กำลังหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัวอยู่ ด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
"ฉันไม่ทราบค่ะ" สีหน้าของกั่วกั่วซีดเผือด น้ำเสียงสั่นเครือ
"ไพ่ตายของเราอยู่บนหอคอยนั่น" ฉินโจ้วเอ่ยพลางชี้ไปยังหอคอยที่เชื่อมต่ออยู่ด้านในกำแพง ซึ่งเป็สิ่งก่อสร้างที่มีความสูงมากที่สุดในด๊อกทาวน์ เมื่อคราวที่ชูหลิงสร้างหอคอยนี้ขึ้น ผู้คนล้วนแต่รู้สึกสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยถาม ซึ่ง ชูหลิงได้ลงมากำกับดูแลด้วยตนเอง พวกเขาต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำตลอดสองวันสองคืน งานจึงได้สำเร็จลุล่วง ซึ่งในการสร้างหอคอยนี้มีเฉพาะคนที่ได้รับคัดเลือกเท่านั้น
หลังจากที่สร้างหอคอยเสร็จ มันก็ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าคลุมสีแดง ซึ่งทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใด
กัวหยากัวและคนที่เหลือก็ล้วนรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเื่นี้เช่นกัน พวกเขาต่างจ้องมองไปยังหอคอยอย่างใจจดใจจ่อ จนลืมเื่หมาป่าร่างอินทรีไปชั่วขณะ
"ปืนใหญ่ิญญา ที่ถูกผ้าแดงคลุมเอาไว้ นั่นคือปืนใหญ่ิญญา นั่นคือไพ่ตายของพวกเรา" ฉินโจ้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง ในเวลานี้เขาไม่กลัวที่ผู้อื่นจะล่วงรู้แม้แต่น้อย
"อ๊ะ..." กั่วกั่วถึงกับอุทานขึ้น สีหน้าแดงก่ำด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น
กั่วกั่วเองไม่ใช่ผู้เดียวที่ร้องขึ้นด้วยความใ คนอื่นที่เหลือต่างก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน ยกเว้นก็เพียงแต่จอมยุทธ์ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าปืนใหญ่ิญญาคือสิ่งใด แต่ก็ไม่ได้คิดขัดความตื่นเต้นระคนแปลกใจของพวกเขาเอาไว้ ถ้าฉินโจ้วกล่าวว่า มันคือไพ่ตาย แสดงว่าต้องเป็อาวุธที่ทรงอานุภาพเป็แน่
สามารถเข่นฆ่าได้ทุกหย่อมหญ้า อีกทั้งยังสามารถปฏิวัติโลกขึ้นใหม่ได้
"ดูเหมือนพวกฉกฉวยโอกาสจะโผล่มาให้เห็นแล้ว" ดาบวงพระจันทร์ไม่รู้ว่าโผล่มาั้แ่เมื่อไร น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน่าสงสัย คิดว่าไม่ได้มาดีเป็แน่ ยังคงปักใจไม่ได้ว่าจะเป็ศัตรูหรือจะเป็มิตร
เมื่อทุกคนหันกลับไป ก็พบกลุ่มผู้เล่นเป็จำนวนมากวิ่งเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์ ในระหว่างที่ต่อสู้กันนั้น ก็หยิบอุปกรณ์ที่ ดรอปอยู่ไปด้วย โดยแบ่งออกเป็สองกลุ่ม อยู่ทางด้านซ้าย ส่วนทางขวานั้นมุ่งตรงไปยังกำแพงเมือง ท่าทางดุร้ายบ่งบอกว่าไม่น่าจะมาดีเป็แน่
"นั่นมันคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่" กัวหยากัวเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
"ดูเหมือนจะมีกลุ่มโจรสายลมด้วย" หายไปกับสายลมรีบพุ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ทัพหน้าของหมาป่าร่างอินทรีนั้นได้มาถึงท้องฟ้าบริเวณด้านหน้าเมืองแล้ว มีเสียงดาบลมที่ปลดปล่อยออกมาอย่างนับไม่ถ้วน ผู้เล่นมากมายที่ถูกโจมตีเข้าใส่ ล้วนกลายเป็แสงสีเทาสลายไปในอากาศ ลูกธนูนับพันถูกยิงสวนกลับขึ้นไปจากบริเวณด้านหน้าเมือง ทำให้หมาป่าร่างอินทรีร่วงหล่นลงเป็จำนวนไม่น้อย เมื่อพวกมันที่เหลือได้เห็น ไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวก็ลุกโชน ความดุร้ายเพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก
แต่ดูเหมือนว่าฉินโจ้วนั้นไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย กลับจดจ้องมองไปยังทองคำราตรีที่นั่งอยู่บนเสืออเวจีเขาเดียวที่สูงราวสามเมตร ซึ่งอยู่ห่างไปราวแปดร้อยเมตร และะโถามด้วยเสียงอันดัง "ทองคำราตรี นายพาคนมากมายมาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร?"
ทองคำราตรีเมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับหัวเราะร่า เขาเดินขึ้นหน้ามา เื้ัของเขานั้นมีกองทหารอยู่ราวหนึ่งหมื่นนาย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย "เมามายซบตักสาวงาม ความแค้นระหว่างเรานั้น ฉันยังเก็บไว้อยู่ในใจไม่เคยลืมเลือน ซึ่งวันนี้ก็เป็โอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นแล้วถ้าไม่มาร่วมสนุกด้วยก็คงเป็เื่ที่น่าประหลาดแล้ว ฮ่า... ฮ่า... ฮ่า... ถ้านายยอมจ่ายมาสักหนึ่งล้านเหรียญทอง ฉันจะยอมถอยทัพกลับไปก็ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับกำแพงเมืองของนายแล้วล่ะ ว่าจะป้องกันกองทัพนับหมื่นของฉันได้นานแค่ไหน"
ทันทีที่พูดจบ ผู้คนที่อยู่ฝั่งของฉินโจ้วล้วนแสดงความโกรธขึ้งออกมาให้เห็น นี่มันน่ารังเกียจมากเกินไปแล้ว คิดจะฉกฉวยประโยชน์กันซึ่งหน้าอย่างนั้นหรือ ช่างหน้าด้านเสียจริง คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากได้แต่ก่นด่าสาปแช่ง
"ฝันไปเถอะ..."
"หนึ่งล้านเหรียญทอง อย่าหวังว่าจะได้มันไป"
"ไม่จ่ายเฟ้ย..."
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงช่วยไม่ได้..."
"ทองคำราตรี ถ้านายจนขนาดไม่มีเงินซื้อข้าวล่ะก็ เอาไป 100 เหรียญทองแดงซะ ผมให้..."
"เข้ามาเถอะ ทองคำราตรี แล้วเดี๋ยวนายจะเห็นว่าฉันจะทำลายกองทัพนับหมื่นของนายได้อย่างไร..."
......
"นายคงเป็กลุ่มโจรสายลมสินะ" ฉันไม่รู้หรอกว่านายมาที่นี่้าอะไร? ฉินโจ้วไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาก่อนจะไม่ใส่ใจทองคำราตรีหันไปหาอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนค่อนข้างน้อยกว่า อยู่ราวสามพันคนเห็นจะได้ ทั้งหมดล้วนเป็ทหารม้าสวมเกราะหมาป่าทมิฬ ดูแล้วความสามารถในการต่อสู้คงไม่ต่ำไปกว่ากองทหารหมื่นนายของทองคำราตรีเท่าใดนัก ผู้นำของกลุ่มสวมใส่หน้ากาก ท่าทางแข็งแกร่งไม่น้อย มองดูไม่ต่างจากหอคอยเหล็ก ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น "้าความมั่งคั่งน่ะสิ แค่ 500,000 เหรียญทอง แล้วพวกเราจะจากไปในทันที"
"ถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ฉินโจ้วถามกลับไป
ชายสวมหน้ากากได้แต่หัวเราะ แต่ไม่ได้เอ่ยอันใด ซึ่งความหมายก็เป็ที่ชัดเจนอยู่แล้ว
"นายไม่กลัวว่าฉันจะฆ่านายทิ้งที่นี่อย่างนั้นหรือ?" ฉินโจ้วข่มขู่กลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
"นายคงกำลังพูดถึงม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงอยู่กระมัง เพียงแค่ใช้มัน ก็สามารถรั้งพวกเราทั้งหมดให้อยู่ที่นี่ได้ แต่ถ้าหลังจากใช้ไปแล้ว พวกนายจะเอาอะไรไปรับมือกับหมาป่าร่างอินทรีพวกนั้นกันเล่า? นายไม่อยากเก็บด๊อกทาวน์เอาไว้แล้วหรืออย่างไร? ชายสวมหน้ากากพูดพลางหัวเราะ น้ำเสียงดูไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย
"สำหรับพวกนาย ฉันอนุญาตให้ฝังร่างไว้ที่นี่แน่นอน และสามารถจัดการกับหมาป่าร่างอินทรีไปด้วยเลย คิดว่าขาดแคลนม้วนคัมภีร์เวทหรืออย่างไรกัน" ฉินโจ้วเอ่ยขึ้นอย่างเ็า
"นายเหลือม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงอีกแค่ม้วนเดียวเท่านั้น" ชายสวมหน้ากากกล่าวยืนยันหนักแน่น
"ถ้าเช่นนั้นก็ลองดูสิ..." ฉินโจ้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เต็มไปด้วยความดุดัน
"เมามายซบตักสาวงาม คิดจะอำกันหรืออย่างไร ก่อนจะมาที่นี่ ฉันได้ตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว พวกนายน่ะเหลือม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงแค่ม้วนเดียวเท่านั้น คิดว่าพวกนายจะทำอะไรได้อีก? โชคไม่ดีเลย ฉันเองก็นำม้วนคัมภีร์เวทต้องห้ามมาไว้ยับยั้งม้วนคัมภีร์เวทของนายโดยเฉพาะ นายคงคิดไม่ถึงล่ะสิ... ว่ะ... ฮ่ะ... ฮ่ะ..." ทองคำราตรีเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แสดงท่าทางดีใจออกมาสุดๆ
หมาป่าร่างอินทรีจำนวนมากบินโฉบไปมาทั่วบริเวณเมือง พร้อมกับดาบลมที่ถูกปล่อยออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้เล่นตายลงคนแล้วคนเล่า ทั้งลมกระจ่างจันทร์แรมและหลี่เฟยต่างก็ช่วยกันรับมือ แต่ยังคงตึงมืออยู่ไม่น้อย
ในระหว่างที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงทุกขณะ กองกำลังขนาดใหญ่ก็กำลังเคลื่อนทัพใกล้เข้ามา
"สุดท้ายฉินโจ้วก็รีบพูดขึ้นมา เนื่องจากเขาเองไม่สามารถรั้งรอได้มากกว่านี้อีกแล้ว เขามองไปทางชูหลิง ก่อนจะพูดกับทองคำราตรีว่า "ฉันเองก็ไม่รู้ว่านายเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ฉันจะมีม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงอยู่เท่าไรนั้น ก็แล้วแต่นายจะคิดก็แล้วกัน นายไม่รู้หรือว่าทำไมวันนี้กิลด์ต้นไม้ทงเทียนถึงไม่โผล่มาให้เห็น นายไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมศัตรูคนอื่นๆ ถึงไม่มีใครมากันเลย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเวลาหรอกนะ แต่พวกเขาฉลาดมากกว่านาย เขารู้ว่าฉันยังมีไพ่ตายอื่นๆ นอกจากม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงอีกต่างหาก"
เมื่อเห็นว่าฉินโจ้วยังคงเย็นใจอยู่ และมีทีท่าที่แสดงออกมาอย่างมั่นใจ ทำให้ทองคำราตรีเริ่มเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงอันดัง "ถ้านายมีสิ่งที่ว่าจริง ก็รีบแสดงมันออกมาให้เห็นเลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นแล้วนายจะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน จะบอกให้ว่า ฉันจะนับแค่ถึงสาม ถ้านายไม่เริ่มมันซะ ฉันก็จะบุกเข้าโจมตีเมือง และทำให้นายล้มเหลวในการป้องกันเมืองครั้งนี้ 1... 2..."
ยังไม่ทันจะเอ่ยถึง 3 เขาก็ต้องใกับแสงสว่างเจิดจ้าทอแสงประกายที่พุ่งออกมาจากเมือง ซึ่งเขาไม่คาดคิดว่ามันจะมีความรวดเร็วได้ปานนี้ ก่อนจะพบว่าเสียงของะเิได้เกิดขึ้นจากด้านหลัง
ตูมม...
สนามรบสั่นะเื เนินเขาถึงกับสั่นไหวราวกับถูกจับเขย่า จนเกือบจะดึงบังเหียนม้าที่เขาขี่อยู่แทบไม่ทัน หลังจากที่หันหลังไปดู ก็พบว่าบริเวณกองทัพนับหมื่นที่กำลังเคลื่อนมานั้น เกิดช่องโหว่ขึ้น เหมือนจะสูญหายไปราวหนึ่งในสิบส่วน เกิดเป็หลุมลึกราว 7-8 เมตรขึ้น
จากนั้นดูเหมือนจะมีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าสว่างวาบขึ้นสองหรือสามครั้ง ทองคำราตรีเองก็ไม่อาจแน่ใจได้ เพราะในเวลานี้ทั้งความคิดและปฏิกิริยาตอบสนองนั้นดูเหมือนจะนิ่งงันไปทั้งคู่ เวลาที่คนเราเจอเื่ที่เสียใจขนาดหนัก ก็มักจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วครู่ได้
กองทัพนับหมื่น พินาศสิ้นแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้