หากใครอยู่ใกล้หน่อยก็จะเห็นรอยแดงที่ทำให้คิดไปไกลหลายรอยบริเวณคอของจ้าวอวี้ถิง ภายในห้องนอกจากจ้าวอวี้ถิงแล้วก็ไม่มีคนอื่นอีก แต่หน้าต่างด้านหลังที่เปิดอยู่แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนเข้ามา
ซูิเยว่เองก็เดินไปที่หน้าประตูแล้วมองภายในห้องอย่างพิจารณา จากนั้นแววตาก็มีประกายวาบขึ้นมา นางไม่มีทางเห็นใจอีกฝ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็จ้าวอวี้ถิงทำตัวเอง
ทุกคนต่างถูกภาพตรงหน้าทำให้ตะลึงค้างไป ใครจะไปคิดว่ามาร่วมงานเลี้ยงครบรอบเดือนแล้วจะพบกับเื่เช่นนี้
ภายในเรือนเริ่มมีเสียงพูดคุยซุบซิบดังขึ้น พวกเขาพยายามทำให้เสียงเบาที่สุด แต่พอคนพูดถึงกันเยอะขึ้น เนื้อหาส่วนใหญ่ก็มีประมาณนี้
“เหตุใดคุณหนูจ้าวถึงได้เจอกับเื่เช่นนี้?”
“คาดว่าครั้งนี้เจิ้นหนานโหวคงไม่มีทางยอมแน่”
“อายุน้อยขนาดนี้ ต่อไปจะแต่งงานอย่างไรกัน”
สิ่งที่ทุกคนหวาดกลัวกันไม่ใช่ความจริง แต่เป็ข่าวลือที่พูดต่อกันไป
องค์หญิงใหญ่ได้ยินคำพูดพวกนี้ทั้งหมด สีหน้าทะมึนคล้ำจนแทบจะมีน้ำหมึกหยดลงมา นางส่งสายตาไปให้องครักษ์ข้างตัว จากนั้นองครักษ์คนนั้นก็รีบไปหาผ้าห่มมาคลุมตัวของจ้าวอวี้ถิงไว้
สาวใช้ของจ้าวอวี้ถิงวิ่งมานั่งกึ่งคุกเข่าข้างตั่งพลางร้องเรียกชื่อคุณหนูของตัวเองอยู่หลายครั้ง “คุณหนู ตื่นเถิดเ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่กับองค์ชายห้าต่างเข้ามาด้านในแล้ว ซูิเยว่ยืนอยู่หน้าประตูห้องครู่หนึ่งก่อนจะตามเข้าไป แต่คนอื่นๆ กลับไม่มีความกล้าขนาดนั้นจึงทำได้แค่มองอยู่ไกลๆ
จ้าวอวี้ถิงรู้สึกแค่ว่ามีเสียงดังมากมายอยู่ข้างหู แต่นางยังเวียนหัวอยู่เล็กน้อย เปลือกตาเองก็หนักมาก ผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงพยายามฝืนลืมตาขึ้นมา ต่อมาก็เห็นผู้คนมากมายเต็มห้องมองมาที่นาง
วินาทีนี้ใบหน้าของจ้าวอวี้ถิงมีแต่ความงุนงง นางไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น จนกระทั่งได้เห็นองค์ชายห้าที่ยืนทำหน้าทะมึนอยู่ไม่ไกลกับสาวใช้ที่ร้องไห้น้ำตาอาบหน้า
รวมถึงองค์หญิงใหญ่กับฉินอี้ที่ยืนหน้าดำจนเหมือนก้นหม้ออยู่ด้านข้าง แล้วก็ยังมีซูิเยว่ที่ยืนสบายดีอยู่ไม่ไกล ในใจนางถึงได้มีลางสังหรณ์ไม่ดีบังเกิดขึ้นมา
พอนางเปิดผ้าห่มบนตัวออก วินาทีต่อมาก็ร้องกรี๊ดออกมา เสื้อผ้าตรงหน้าอกถูกฉีกเป็รอยใหญ่เผยให้เห็นเสื้อผ้าด้านใน
สีหน้าของจ้าวอวี้ถิงพลันซีดลงทันตา แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “กรี๊ด! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
นางพูดไปก็ร้องกรี๊ดขดตัวเป็ก้อน จากนั้นก็ใช้ผ้าห่มมาปิดตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด “นี่มันเป็ไปไม่ได้ เหตุใดถึงเป็เช่นนี้?”
“คุณหนู คุณหนู ท่านอย่าเป็เช่นนี้สิเ้าคะ”
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ นางไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“นี่มันเื่อะไรกัน? เกิดเื่อะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
จ้าวอวี้ถิงใกล้จะสติแตกแล้ว แววตามองกวาดภายในห้องอย่างหวาดหวั่น สุดท้ายก็ไปหยุดที่องค์ชายห้า
เื่นี้นางกับองค์ชายห้าวางแผนกันสองคน นางอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พอสบตากับนางองค์ชายห้าก็อดที่จะเบนสายตาไปทางอื่นไม่ได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่โล่งใจก็คือคนของเขาไม่ได้ทำเกินงามตามที่เขาสั่งไว้ ไม่เช่นนั้นเื่น่าอับอายในวันนี้คงไม่อาจจัดการได้แล้ว
ซูิเยว่ที่ยืนอยู่หลังกลุ่มคนมองดูสภาพย่ำแย่ของจ้าวอวี้ถิงจนพอใจแล้วก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็กังวลมากและเดินเข้าไปหา นางมองคนที่ห่อตัวเป็ก้อนกลมอยู่ตรงมุมด้วยใบหน้าที่ทนไม่ได้
“พี่อวี้ถิง เป็ข้าเองที่ไม่ดี ตอนแรกข้าควรจะอยู่ดูแลเ้าที่นี่ ผิดที่ข้าหลับลึกจนเกินไป เมื่ออยู่ห้องข้างๆ พอมีเสียงดังอะไรก็ไม่รับรู้เลย”
นางพูดไปก็หลุบตาลง ดูแล้วท่าทางรู้สึกผิดมาก ต่อมาน้ำตาใสก็หยดลงมาหนึ่งหยด เป็ท่าทางที่ใครเห็นก็รู้สึกเอ็นดู
จ้าวอวี้ถิงจ้องซูิเยว่นิ่ง นิ้วมือกำผ้าห่มจนขาดเพราะใช้แรงมากเกินไป ข้อนิ้วของนางขึ้นสีขาวเล็กน้อย หลังมือมีเส้นเืปูดออกมาจนแทบจะแตก
ซูิเยว่เงยหน้าขึ้น ขอบตาแดงก่ำ นางมองไปทางจ้าวอวี้ถิงด้วยความรู้สึกผิดแล้วพูดเสียงสะอึกสะอื้น “พี่อวี้ถิง เป็ข้าเองที่ไม่ดี เป็ข้าเองที่ผิด”
“เป็เ้า ล้วนเป็เพราะเ้า” จ้าวอวี้ถิงก็พลันตะคอกเสียงดังพร้อมพุ่งเข้าไปจับมือของซูิเยว่แน่น
พอเจอแบบนี้เข้าก็ทำเอาซูิเยว่ถึงกับต้องถอยหลังไปครึ่งก้าว แม้แต่เล็บของอีกฝ่ายก็ยังจิกเข้าที่หลังมือของนางจนเืไหลออกมา
ซูิเยว่ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บแต่ไม่ได้ดึงมือออก นางปล่อยให้จ้าวอวี้ถิงอาละวาดใส่
“ทั้งๆ ที่มันเป็ห้องของเ้า คนที่ควรอยู่ในห้องนี้ต้องเป็เ้าสิถึงจะถูก เหตุใดตอนนี้เ้ากลับมายืนอยู่ตรงนี้ได้ เป็เพราะเ้า เป็เพราะเ้าทำให้ข้าเป็แบบนี้”
ซูิเยว่อธิบายด้วยท่าทางน่าสงสารปนน้อยใจ “ไม่ใช่อย่างนั้นนะเ้าคะ เป็เพราะตอนนั้นพี่อวี้ถิงเหนื่อยล้ามากเกินไปจึงมาพักผ่อนในห้องของข้า ข้าถึงได้ไปที่ห้องด้านข้าง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ขออภัยเ้าค่ะ”
“เ้ามันนางเ้าเล่ห์” จ้าวอวี้ถิงตวาด “แก้วชาใบนั้น.....”
“หุบปาก”
องค์ชายห้าตะคอกออกมาตัดบทของจ้าวอวี้ถิง
จ้าวอวี้ถิงพอถูกตะคอกใส่ก็รู้ตัวว่าตนเกือบจะปากพล่อยออกไป เมื่อสบตาเข้ากับองค์ชายห้า ตอนนั้นใบหน้าของนางก็ซีดเผือด ริมฝีปากสั่นพูดอะไรไม่ออก
“คุณหนูจ้าว ข้าเข้าใจความรู้สึกของเ้า” องค์ชายห้าพูดไปก็เดินมาข้างเตียง “แต่คุณหนูซูนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เื่นี้ข้าเชื่อว่าเสด็จพี่จะให้คำตอบเ้าเอง”
แม้จะเขาพูดจบแล้ว แต่ก็ยังส่งสายตาเตือนไปให้จ้าวอวี้ถิง เมื่อครู่สตรีโง่เขลาคนนี้เกือบจะหลุดปากออกมาแล้ว หากเป็เช่นนั้นวันนี้พวกเขาก็คงหนีไม่พ้นแล้ว
จ้าวอวี้ถิงรู้สึกไม่พอใจ นางมองไปทางซูิเยว่ก่อนจะดึงอีกฝ่ายมาด้านข้างทันที ซูิเยว่จึงงอเอวลงมาตามแรงดึงนั้น จ้าวอวี้ถิงทำปากเป็รูปในมุมที่ไม่มีใครเห็นว่า “ข้ารู้ว่าเป็เ้า”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของซูิเยว่วูบหนึ่งก่อนจะยักคิ้วแล้วไม่ได้พูดอะไร
จ้าวอวี้ถิงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด สุดท้ายก็ได้แต่คลายมือไปเพราะทำอะไรนางไม่ได้
“ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่ คุณหนูซู” องค์หญิงใหญ่เดินเข้ามาดูมือของซูิเยว่ด้วยความกังวล หลังมือของนางถูกจ้าวอวี้ถิงข่วนเมื่อครู่จนเป็รอยเืซิบหลายรอย
“ข้าไม่เป็อะไร” ซูิเยว่ส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าพี่อวี้ถิงรู้สึกไม่ดี”
องค์หญิงใหญ่หันไปมองจ้าวอวี้ถิงที่อยู่บนตั่งแล้วถอนหายใจอย่างจนใจ “คุณหนูจ้าว เ้าวางใจเถิด เื่นี้ข้าจะจัดการให้เ้าเอง ข้าจะไปอธิบายกับเสด็จพ่อของข้าในวังด้วยตัวเอง เื่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็ความเลินเล่อของข้าเอง”
ตอนที่กำลังพูดอยู่นั้นองครักษ์ที่สั่งให้ไปตามหาคนร้ายเมื่อครู่ก็กลับมา
องค์หญิงใหญ่หันไปถามเสียงเย็น “จับได้หรือไม่?”
“องค์หญิงโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยฝ่าา” องครักษ์นั่งคุกเข่าลง “คนที่บุกเข้ามาหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมจับไม่ได้”
“ข้าเลี้ยงดูพวกเ้ามาให้ทำงานสูญเปล่าอย่างนั้นหรือ” องค์หญิงใหญ่พอได้ยินก็สะบัดแขนเสื้อ “คนเยอะมากมายขนาดนี้ก็ยังจับโจรคนหนึ่งไม่ได้หรือ?”
แม้ทุกคนจะโกรธแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดออกมา มีองค์ชายห้าเพียงคนเดียวที่กลับถอนหายใจ เื่มันเกินกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้ แต่จับคนไม่ได้ก็ดี
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ดีใจจนจบ ที่หน้าประตูก็มีเสียงดังขึ้นมาตามมาด้วยเสียงเย็นทว่าเนิบช้า “พวกเ้ากำลังตามหาสองคนนี้ใช่หรือไม่?”
ต่อมาก็มีเสียงตึง มีเสียงหนักๆ กระแทกลงไปที่พื้น แถมยังมีเสียงแค่นหัวเราะดังตามมาตบท้ายอีกด้วย
คนในเรือนหลายคนต่างหันไปมองทางหน้าประตูด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเห็นองค์ชายสามจี๋โม่หานนั่งอยู่บนรถเข็นซึ่งถูกองครักษ์เข็นมา ที่ปลายเท้าของเขามีคนชุดดำปิดหน้านอนหมอบอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้