เหยาเชียนเชียนสังเกตหน้าผากของอาเหยียน ดูเหมือนว่าเขาจะร้อน เนื่องจากมีเหงื่อบางๆ เกาะอยู่ บางทีเขาอาจจะไม่สบายตัวเท่าไรนัก
“เช่นนั้นก็ได้ แม่จะพาอาเหยียนไปพักผ่อนสักครู่แล้วกัน”
เหยาเชียนเชียนวางแมวดำลง และอุ้มอาเหยียนวางลงบนเตียงเตรียมกล่อมเขาให้นอนพักผ่อนสักครู่
ในมุมที่แมวดำมองไม่เห็น อาเหยียนน้อยกระซิบเบาๆ ว่า “ท่านแม่ ข้าหลับพักผ่อนครู่เดียวก็ดีขึ้นแล้ว ท่านแม่เก็บน่องเป็ดย่างไว้ให้อาเหยียนสักชิ้น อาเหยียนตื่นแล้วค่อยกินขอรับ”
รอท่านพ่อออกไปก่อนแล้วอาเหยียนค่อยกิน
เหยาเชียนเชียนยิ้มรับ พลางคิดว่าเด็กน้อยยังคงชอบมันอยู่สินะ
ครั้งนี้อาเหยียนหลับเร็วกว่าปกติ เหยาเชียนเชียนกำชับเหล่าบ่าวไพร่ให้เก็บเนื้อเป็ดสักเล็กน้อยไว้ให้อาเหยียน ส่วนที่เหลือก็เตรียมนำไปให้ชิงผิงอ๋องชิม
“ไปเถิด เรากลับกันก่อน”
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำกลับไปยังเรือนของตนเอง นางปิดประตูและวางแมวดำลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงเริ่มรื้อหีบค้นตู้
นางอุ้มกล่องไม้ออกมากล่องหนึ่ง แมวดำย้ายสายตาไปที่ใบหน้าของนาง แอบเก็บซ่อนสิ่งใดไว้ถึงไม่กล้าให้ผู้อื่นค้นพบกัน เปิ่นหวังจะดูให้ชัดเจนเสียหน่อย
“เสี่ยวไกวไกวมานี่สิ” เหยาเชียนเชียนกวักมือเรียกแมวดำอย่างตื่นเต้น จากนั้นจึงค่อยๆ เปิดกล่องไม้นั้น ภายในเต็มไปด้วยอัญมณีเงินทอง เครื่องประดับ และตั๋วเงินมากมาย
“ดูสิ นี่คืออนาคตของเรา”
เหยาเชียนเชียนคิดมาแล้ว และคิดมาอย่างถี่ถ้วนเสียด้วย องค์ชายสามเป็เหมือนะเิเวลาที่ไม่ได้ตั้งเวลาไว้ เขายังไม่ยอมปล่อยนางไป อีกทั้งยังมีความเป็ไปได้ที่เขาจะะเิได้ทุกเวลา เป็อันตรายมากเกินไป
ส่วนชิงผิงอ๋อง นางทอดถอนใจ แม้จะไม่ต้องคำนึงถึงชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลาอย่างแต่ก่อนแล้ว ทว่าการอยู่กับชายหนุ่มผู้ซึ่งมีความคิดลึกซึ้งและมีอำนาจสูงเทียมฟ้าเช่นนี้ ในอนาคตก็อาจจะไม่ได้ง่ายดายนัก
“ข้าไม่อยากมีเอี่ยวในาใดๆ ทั้งสิ้น ข้าเพียงแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบและมั่นคง” เหยาเชียนเชียนกอดแมวดำและจูบมันเบาๆ เป็ครั้งแรกที่แววตาของนางฉายแววเหนื่อยล้าออกมา
“ชิงผิงอ๋องดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวอันใดกับข้า าในหมู่ราชวงศ์ยากจะหลีกเลี่ยงการนองเืและดิ้นรน การอยู่ท่ามกลางความคิดและการคำนวณของผู้อื่น เพียงแค่คิดข้าก็เหนื่อยล้าเหลือเกินแล้ว มิสู้ไปให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้เสียยังดีกว่า”
เหยาเชียนเชียนนำทรัพย์สินออกมาให้แมวดำดูอย่างตื่นเต้น ราวกับหนูชังสู่ [1] ที่สะสมเก็บออมเสบียงอาหารเตรียมผ่านฤดูหนาว และราวกับกำลังโอ้อวดความร่ำรวยของนางให้เพื่อนดูอย่างภาคภูมิใจ
“ตราบใดที่มีของเหล่านี้ ไม่ว่าเราจะไปที่ใดก็ล้วนไม่ต้องกังวลเื่อาหารและอาภรณ์ แต่อาเหยียนเป็บุตรของชิงผิงอ๋องนี่สิ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเคารพความคิดเห็นของเขา หากเขาไม่อยากไปกับข้าจริงๆ เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับเขา”
นางยกแมวดำขึ้นมาในระดับสายตาของตัวเอง
“แต่เ้าไม่เหมือนกัน เ้าไม่มีสิทธิ์เลือก” เหยาเชียนเชียนทำปากจู๋ “ข้าต้องพาเ้าไปด้วย เ้าอย่าไม่พอใจไปเลย เมื่อถึงยามนั้นข้าจะใช้ทองคำมาทำเป็รังให้เ้า ภายในปูประดับด้วยอัญมณีไข่มุกมากมาย เ้ารั้งอยู่เป็เพื่อนข้าเถิด”
ั์ตาของแมวดำหม่นแสงลง เ้าอย่าได้คิดจะไปที่ใดทั้งนั้น
“นี่!”
แมวดำอาศัยจังหวะที่นางไม่ทันระวังตัวะโออกไปด้วยความไวแสง เหยาเชียนเชียนบึนปากอย่างสิ้นหวัง ต่อให้ไม่เต็มใจก็ไม่เห็นต้องหนีไปเร็วขนาดนี้ก็ได้นี่
นางนับทรัพย์สินของตนอย่างจริงจัง ทุกครั้งที่รู้สึกจิตใจลังเลไม่สงบ นางมักจะนำสมบัติเหล่านี้ออกมาและนับมันไปทีละชิ้น
ในยุคสมัยที่ข้างกายเต็มไปด้วยแผนร้ายและกับดัก ดูเหมือนว่าจะมีเพียงหลักประกันทางวัตถุที่เพียงพอเท่านั้นที่จะทำให้จิตใจของนางรู้สึกเหมือนมีที่พึ่งพิงได้ นางจะไม่รู้สึกกลัวจนเกินไป และสามารถรออนาคตที่กำลังมาถึงต่อไปได้
เมื่อวันหนึ่งที่นางมีโอกาสออกไปจากที่นี่ได้ นางก็จะไม่ต้องดิ้นรนและกลัดกลุ้มเื่ชีวิต และสามารถมีชีวิตที่ดีได้
ในที่สุดก็นับเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหยาเชียนเชียนไม่รู้สึกปวดหลังหรือเมื่อยขา กระทั่งตาก็ยังคงเป็ประกายอยู่หลายส่วน ทว่านางนึกเสียดายที่ไม่สามารถนำปะการังอัญมณีชิ้นนั้นไปด้วยได้ พลางคิดว่าต่อไปควรไปที่ใดเพื่อเสริมความมั่งคั่งให้กับคลังสมบัติของตนเอง
หลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหยาเชียนเชียนก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากในสวน และตามมาด้วยเสียงประตูที่ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน เป่ยเหลียนโม่พุ่งเข้ามาหานางด้วยสีหน้าเ็า
เขาคงไม่ได้รู้เื่ที่นางออกไปนอกจวนใช่หรือไม่?
เหยาเชียนเชียนค้ำยันโต๊ะด้วยขาอันอ่อนแรง หรือว่าเป็เพราะเหตุผลอื่น หลังจากอดทนมาได้ครึ่งเดือน สุดท้ายท่านเทพสังหารผู้นี้ก็ทนไม่ไหวเลยมาหานางเพื่อคิดบัญชีหรือ?
“ถวาย...ถวายบังคมท่านอ๋อง” นางยิ้มเกร็ง “เหตุใดวันนี้ถึงว่างเสด็จมาที่นี่ได้เล่าเพคะ?”
มือข้างหลังของนางขยับทรัพย์สินบนโต๊ะไปมาอย่างอลหม่าน เขาบุกเข้ามากะทันหันในยามที่นางกำลังนับเงิน ประตูก็ไม่เคาะ ชิงผิงอ๋องผู้นี้ช่างมีคำว่าทำตามที่ใจปรารถนาสลักไว้บนกะโหลกโดยแท้
“่นี้งานของกองทัพค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นจึงละเลยหวังเฟย” ั์ตาสีดำสนิทเพ่งมองเหยาเชียนเชียน จากนั้นสายตาก็ค่อยๆ เคลื่อนไปอยู่ที่ทรัพย์สมบัติบนโต๊ะ
“หวังเฟยกำลังทำอะไรอยู่หรือ เปิ่นหวังมาในเวลาที่ไม่สมควรหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนมีลางสังหรณ์ไม่ดี แต่ถ้านางเก็บสิ่งของเหล่านี้ต่อหน้าเขาก็จะยิ่งแปลก ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยิ้มสู้ต่อไป พลางอธิบายว่าตนกำลังเตรียมจะนอนกลางวัน ดังนั้นห้องจึงรกไปสักหน่อย
ฟังดูแล้วสองสิ่งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ทว่าคนทั้งคู่ไม่ได้ดึงดันอะไรต่อ เป่ยเหลียนโม่คีบไข่มุกเม็ดหนึ่งขึ้นมา มันทั้งใหญ่และกลม
ไข่มุกไห่หนานคุณภาพดีเช่นนี้ ในยามนี้พบเห็นได้ไม่มากแล้ว นี่เป็ของที่เขามอบให้เหยาเชียนเชียนยามที่เข้ามาที่จวนในครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าจะถูกทำให้กลายเป็ต้นทุนในการจ้องหาโอกาสหนีของนาง
เพียงแค่คิดก็โกรธขึ้นมา เป่ยเหลียนโม่โยนไข่มุกกลับลงไปในกล่อง จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นช้าๆ
“หลายปีมานี้การเก็บเกี่ยวในแถบซีหนานไม่ดีนัก ความเป็อยู่ของเหล่าทหารลำบากยิ่ง ดังนั้นเปิ่นหวังจึงอยากใช้ทรัพย์สินในคลังส่วนตัวเพื่อช่วยสนับสนุนทางการทหาร ทว่าของเ่าั้ล้วนเป็เครื่องลายครามและของมีค่า หาก้าจะใช้สำหรับการทหารก็ต้องนำไปแลกเปลี่ยนเป็เงิน หวังเฟยคิดว่าทำเช่นนี้ลำบากเกินไปหรือไม่”
เหยาเชียนเชียนกำไข่มุกราตรี [2] ในมือไว้แน่น ไม่อยากเอื้อนเอ่ยคำใด นางมีลางสังหรณ์ว่าสิ่งที่เป่ยเหลียนโม่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ไม่ใช่เื่ดีสำหรับนางอย่างแน่นอน
“เหล่าทหารเดือดร้อน” ชิงผิงอ๋องทอดถอนใจ
“เปิ่นหวังเป็ผู้นำกองทัพของพวกเขา ย่อมไม่อาจทนเห็นพวกเขาตกระกำลำบากต่อหน้าต่อตาได้ วันนี้นึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้พบหวังเฟยมาหลายวันแล้ว บังเอิญเหลือเกิน เห็นว่าหวังเฟยมีเงินทองที่มีอยู่แล้วแต่เดิม บางทีนี่อาจจะเป็เพราะ์เมตตาทหารของเป่ยจิ้ง ดังนั้นจึงอยากให้หวังเฟยช่วยเปิ่นหวังคลี่คลายเื่เร่งด่วนนี้”
ในเมื่อ์เมตตาเขา เช่นนั้นเขาก็ควรไปร้องขอต่อ์สิ เหยาเชียนเชียนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา มองเขายกตั๋วเงินไปทั้งกล่องต่อหน้าต่อตา
นั่นคือสิ่งที่นางนำไปขายเพื่อแลกเป็เงินและสะสมไว้เชียวนะ เขารู้หรือไม่ว่านางทำแบบนี้มันอันตรายมากเพียงใด หากไม่ระวังก็จะถูกเขาจับได้!
“ท่านอ๋อง พระองค์คงไม่ได้้าจะเอา...”
“ไม่ใช่เอาไป” เป่ยเหลียนโม่พูดแทรกขึ้นมา “แต่เป็การแลกเปลี่ยนต่างหาก”
แลกเปลี่ยน?
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว ได้ฟังคำที่เขาพูดต่ออย่างจริงใจ หน้ามือหรือหลังมือก็คือเนื้อหนังเช่นเดียวกัน [3] เขาเองก็ทำใจให้หวังเฟยของเขาเทถุงเงินไม่ได้เช่นกัน
“ที่เปิ่นหวังกล่าวเมื่อสักครู่ ก็แค่หาเงินให้หวังเฟยสะดวกยิ่งขึ้น เปิ่นหวังจะส่งคนนำของมาชดเชยให้หวังเฟยทีหลัง รับรองว่ามีแต่จะมากขึ้นไม่มีน้อยลง”
เขากล่าวอย่างน่าเชื่อถือ เหยาเชียนเชียนจุกจนไม่กล้าต่อต้าน ทำได้เพียงมองเขายกของของนางออกไปต่อหน้าต่อตา เท่านั้นยังไม่พอ เป่ยเหลียนโม่ยังค่อยๆ โน้มเข้ามาหานาง มือหนึ่งโอบรอบคอของนางไว้
“หวังเฟยเข้าใจและมีเหตุผลเช่นนี้ เปิ่นหวังรู้สึกขอบคุณหวังเฟยแทนเหล่าทหารเป่ยจิ้ง”
เหยาเชียนเชียนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นางส่ายหน้าอย่างยากลำบาก เลิกพูดสักทีเถิด หากเขายังไม่ไปอีกนางจะตีเขาจริงๆ แล้ว
เป่ยเหลียนโม่กอบกุมกำปั้นที่เหยาเชียนเชียนกำไว้แน่น นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ดึงออกทีละนิ้ว ในที่สุดก็สามารถแกะเอาไข่มุกราตรีที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมาได้
“ท่านอ๋อง...”
เหยาเชียนเชียนร้องโอดครวญอย่างอดไม่ได้ ของชิ้นเดียวแค่นี้ก็เหลือไว้ให้นางเถิด ยามนี้นอกจากสิ่งของที่พกพาติดตัว นางก็ไม่เหลือสิ่งของใดที่มีมูลค่าแล้ว!
“เชิงเทียนในห้องหนังสือของเปิ่นหวังขาดไข่มุกราตรีอยู่เม็ดหนึ่งพอดี ไข่มุกเม็ดนี้ของหวังเฟยมีขนาดพอดีกัน วันหน้าเปิ่นหวังจะเสาะหาเม็ดที่ใหญ่กว่านี้มาให้หวังเฟย ส่วนเม็ดนี้เปิ่นหวังขอยืมไปก่อน”
ครั้งนี้เหยาเชียนเชียนร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ หยาดน้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้มนวล ความหวังและที่พึ่งใดๆ ล้วนไม่เหลือแล้ว รังทองของเสี่ยวไกวไกวก็ไม่มีแล้วเช่นกัน วันหน้าถ้าจะออกจากจวนก็คงต้องกัดก้อนเกลือกิน
เป่ยเหลียนโม่ชะงัก รู้สึกหนักใจเมื่อเห็นแววตาเศร้าๆ ในดวงตาของนาง ทว่าเมื่อนึกถึงการที่นางบอกแมวดำอย่างมีความสุขถึงวิธีการออกจากจวนอ๋องและวิธีอยู่ห่างจากเขา อารมณ์ที่พันกันก็ถูกระงับทันใด
“เปิ่นหวังจะให้คนนำของมาคืนให้หวังเฟยในภายหลัง คืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงที่จวนอ๋องเพื่อเฉลิมฉลองความมีน้ำใจของหวังเฟย และเพื่อที่อาเหยียนจะได้รู้ว่าแม่ของเขาทำงานหนักเพื่อทหารของเป่ยจิ้งอย่างไร”
เหยาเชียนเชียนเดินตามเขาไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงพิงประตูเรือน มีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กปลิวไปตามสายลม
เหตุใดชิงผิงอ๋องถึงได้บังเอิญนัก เขามาหานางได้ประจวบเหมาะพอดี เขานำทรัพย์สมบัติของนางมาจัดเรียงทีละชิ้นและเรียกบ่าวไพร่ให้มาเก็บรวบรวม
“บอกแล้วว่าอย่าเอาออกมาตลอดเวลา” นางสำลักและก่นด่าตัวเอง “ดูสิ ยามนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว”
ทว่าเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ เหยาเชียนเชียนรู้สึกเ็ปใจเล็กน้อย จึงพิงซบลงบนโต๊ะหินและน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ นางเ็ปราวกับเพิ่งแยกทางกับคนรักของตน
“ข้ารู้สึกวิงเวียนศีรษะ เ็ปหัวใจ และไร้ซึ่งเรี่ยวแรง” เหยาเชียนเชียนพร่ำพรรณนา “หัวใจของข้าอยู่กับทหารของชิงผิงอ๋อง และจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
พ่อบ้านเดินเข้ามาหานางอย่างลังเล และเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของนางอย่างชัดเจนก็รีบเรียกคนข้างหลังทันที
“หวังเฟย ของเหล่านี้คือของที่ท่านอ๋องทรงมีรับสั่งให้นำมาส่ง เป็ของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
เหยาเชียนเชียนเอียงศีรษะไปมองอย่างอ่อนแรง นางเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังหามสิ่งของมุ่งมาทางนี้อย่างเอิกเกริก เหตุผลที่ใช้คำว่า ‘หาม’ นั่นก็เพราะสิ่งของในมือของทุกคนมีขนาดใหญ่มากจริงๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้คนสองคนในการออกแรงเพื่อเคลื่อนย้ายมัน
“ท่านอ๋องตรัสว่าพระองค์ทรงขนย้ายสิ่งของของหวังเฟยโดยไม่ได้ปรึกษาก่อนล่วงหน้า คงทำให้หวังเฟยใมากเป็แน่ ดังนั้นจึงรีบรับสั่งให้บ่าวไพร่เลือกสิ่งของที่ดีที่สุดในคลังเพื่อมอบแด่หวังเฟย พระองค์ลองทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ ของทุกชิ้นล้วนเป็ของล้ำค่าทั้งสิ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาเชียนเชียนลุกขึ้นยืน นางมองไปทีละชิ้น ทั้งฉากกั้นคำขวัญ แจกันแก้วหลิวหลีสีม่วงทองขนาดสูงเท่าตัวคน แจกันหยกประดับช่อบุปผาไข่มุกที่มีพัดใบปาล์มขนาดเท่าแท่นโม่หิน และฐานวางดอกไม้ผลึกหินรูปปลาคู่
จะว่าล้ำค่าก็ล้ำค่า แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยตัวคนเดียว สิ่งของที่อยู่ตรงนั้นทุกชิ้นก็เพื่อเตรียมนำมาให้นางใช้เป็เครื่องรางปกป้องบ้านเรือนหรือ?
“สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็สมบัติมีค่าและหายากพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านยังคงกล่าวอย่างกระตือรือร้น “หากนำไปแลกเปลี่ยนเป็เงิน ก็เพียงพอจะนำมาถมจวนอ๋องทั้งจวนได้”
ใช่แล้ว เช่นนั้นก็ต้องให้นางสามารถนำไปแลกเป็เงินได้ด้วยถึงจะถูกต้อง เหยาเชียนเชียนพ่นลมหายใจออกมา สมบัติเหล่านี้ ขอเพียงแค่มีดวงตาก็สามารถมองออกหากมีชิ้นใดชิ้นหนึ่งหายไป
ชิงผิงอ๋องจงใจั้แ่แรก!
“ลำบากท่านอ๋องแล้ว ให้พวกท่านเสาะหาสมบัติเหล่านี้มาให้ข้า” เหยาเชียนเชียนโบกมือเล็กน้อย“ออกไปก่อนเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านลอบพินิจสีหน้าของนางเล็กน้อย เหตุใดท่าทางของหวังเฟยจึงดูไม่ค่อยดีใจเอาเสียเลย สิ่งของเหล่านี้ไม่ได้มีมูลค่าด้อยไปกว่าสิ่งของที่ท่านอ๋องเอาไปเลยสักนิด
เหยาเชียนเชียนเดินวนไปวนมาในห้องเพียงลำพัง ในห้องเต็มไปด้วยสมบัติแต่กลับไม่สามารถกินได้ นำไปสวมใส่ก็ไม่ได้ บอกไปผู้ใดเล่าจะเชื่อ นางเฝ้าห้องซึ่งเต็มไปด้วยสมบัติแต่กลับไม่มีเงินสักแดงเดียว เหยาเชียนเชียนไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือว่ายิ้มดี
แมวดำนั่งมองนางอยู่บนสันกำแพงเงียบๆ ของเหล่านี้ก็น่าจะทำให้นางดีใจได้บ้าง แม้ไม่สามารถนำไปแลกเป็เงินได้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็สมบัติ ดีกว่าให้นางนั่งมองห้องอันว่างเปล่าทั้งน้ำตา
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถไปจากเขาได้ เลิกคิดไปชั่วชีวิตได้เลย!
เชิงอรรถ
[1] หนูชังสู่ หมายถึง หนูแฮมสเตอร์
[2] ไข่มุกราตรี เป็ไข่มุกมหัศจรรย์ที่สามารถเปล่งแสงได้ในยามค่ำคืน
[3] หน้ามือหรือหลังมือก็คือเนื้อหนังเช่นเดียวกัน เป็สำนวนที่ใช้สำหรับอุปมาว่าสิ่งไหนก็มีความสำคัญเท่ากัน เช่น ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชาย อย่างไรก็มีความสำคัญเท่ากัน พ่อแม่ต้องรักลูกเท่าๆ กัน
