หลังจากเดินไปส่งหวังตัวจวี๋แล้วอวี๋เคอไม่ได้กลับไปที่ตำหนักบรรทม แต่เดินตรงไปที่ห้องหนังสือซึ่งอยู่ติดกับตำหนักหลักเขาพบสมุดสีฟ้าธรรมดาเล่มหนึ่งที่มีความหนามากจากกองหนังสือรายงานเื่ราวต่างๆของแดนปีศาจกองหนึ่งที่อยู่ปะปนกัน เขากางสมุดออกแล้วใช้คาถาเพื่อให้แท่งหมึกบดลงในแท่นฝนหมึกด้วยตัวมันเองส่วนพู่กันบนโต๊ะก็จุ่มหมึกแล้วเขียนลงบนกระดาษเปล่าด้วยตัวมันเองเช่นกัน
เนื่องจากผู้ใดที่ไม่ได้รับบัญชาจากเขาก็เข้ามาในห้องหนังสือแห่งนี้ไม่ได้ก็คงจะไม่มีใครจงใจมาเปิดหนังสือเล่มนี้ที่เก็บเอาไว้ในที่แห่งนี้เช่นกันดังนั้นอวี๋เคอจึงกล้านำเนื้อเื่ในนิยาย “มหันตภัยแห่งแดนเซียนปีศาจ” ที่เขานึกออกเขียนขึ้นมาใหม่ในสมุดเล่มนี้อย่างเปิดเผยความจริงแล้วตัวเขาเองก็จำได้ไม่มากเช่นกัน แต่สิ่งที่นึกได้เขาจะจดเอาไว้้าจนบางจุดถึงกับดูมั่วซั่วและไม่เกี่ยวโยงกันไปพอสมควร แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาหาอะไรให้ตัวเองทำได้บ้าง
เื่ระดับน้ำในแดนทะเลมายาที่หวังตัวจวี๋พูดถึงเมื่อครู่ถือเป็เครื่องเตือนใจเขาอย่างหนึ่ง ว่าแดนทะเลมายาเป็สถานที่ที่ซ่งฉียวนจะแสดงความกล้าหาญในมาดของวีรบุรุษออกมาอย่างสุดกำลังให้เป็ที่ประจักษ์ในอนาคตนอกจากนี้ภายในค่ายกลมายาใต้ท้องทะเลของแดนทะเลมายาซ่งฉียวนและกุยหรูอี้ยังมีฉากรักที่แสนจะเร่าร้อนและตราตรึงใจอีกด้วย
เมื่อพูดถึงกุยหรูอี้ อวี๋เคอก็ยังประทับใจสาวน้อยคนนี้มากอยู่เลยนางมีกลิ่นอายของเซียนมากกว่าไป๋หลิวลี่บุตรสาวของไป๋ลี่เ้าสำนักกระบี่ฉิงชางเสียอีกและเป็เทพธิดาน้อยในหนังสือของตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ยังเป็คุณหนูในอุดมคติผู้งดงามที่อ่อนโยนน่าทะนุถนอม ไม่มีนิสัยยั่วยวนเลยแม้แต่น้อยและในฐานะที่เป็ผู้นำของคนรุ่นเยาว์ของหกตระกูลใหญ่ นางจึงนับว่าเป็ความภาคภูมิใจของตระกูลกุยตอนที่ฉากรักของกุยหรูอี้และซ่งฉียวนได้ปรากฏออกสู่โลกออนไลน์ ทำให้ผู้อ่านโห่ร้องกันเต็มพื้นที่คอมเมนต์พากันสารภาพรักกุยหรูอี้เต็มไปหมด
แต่ฉากหวานที่แจกน้ำตาลให้กับผู้อ่านนั้นจำเป็ต้องถูกสร้างขึ้นมาอยู่บ่อยครั้งดังนั้นเพื่อผลักดันฉากความสัมพันธ์ระหว่างกุยหรูอี้กับซ่งฉียวนจึงให้พวกเขาทั้งคู่หุงข้าวสารให้สุกอย่างรวดเร็ว [1] โดยการที่อวี๋เคอให้เหยาจือเ้าดินแดนแห่งแดนทะเลมายาตกหลุมรักกุยหรูอี้และฉวยโอกาสพาแม่นางน้อยไปที่แดนทะเลมายา เมื่อถึงตรงนี้แน่นอนว่าซ่งฉียวนก็อยู่เฉยไม่ได้ในตอนนั้นเขาเองก็มีพลังที่เหนืุ์แล้วจึงถือกระบี่ชางเจวี๋ยตามไปยังแดนทะเลมายาในทันที เรียกได้ว่าเป็ลูกผู้ชายตัวจริง
ทว่าในขณะที่เขากำลังเผชิญกับกระแสน้ำทะเลที่เชี่ยวกรากของแดนทะเลมายาอยู่นั้นค่ายกลมายาที่ถูกทิ้งไว้ในสมัยโบราณก็ได้โผล่ขึ้นมาเหนือผืนน้ำอีกครั้งซ้ำยังสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับเ้าดินแดนได้อีกด้วยหลังจากเหยาจือถูกเขาโจมตีจนได้รับาเ็สาหัส ก็ร่ายค่ายกลขังซ่งฉียวนเอาไว้ในนั้นตลอดชีวิตแต่ในนามของพระเอกที่มีนิ้วทองคำบริสุทธิ์ถึงยี่สิบสี่กะรัตซ่งฉียวนจึงได้รับความโชคดีของตนเองโดยบังเอิญในระหว่างที่ถูกขังอยู่ในนั้น เนื่องจากความสามารถที่เพิ่มสูงขึ้นมากนี้แน่นอนว่า “เคล็ดวิชาเทียนเฉิน” ที่ไม่เห็นการพัฒนาได้ทะลวงผ่านไปแล้ว
แต่สิ่งเหล่านี้ได้มาหลังจากที่เขากับกุยหรูอี้ได้ร่วมรักกันแล้วและตอนที่พวกเขาสองคนออกมาหลังเสร็จกิจก็ปะทะเข้ากับอวี๋เคอที่มาหาเหยาจือเพื่อขอเหล้าชั้นดีที่สะสมมานับร้อยปีของแดนทะเลมายาเข้าพอดีขึ้นชื่อว่าเป็ศัตรู เมื่อเจอหน้ากันก็เกิดอาการตาลุกเป็ไฟหลังจากที่ซ่งฉียวนเห็นอวี๋เคอก็แทบจะชักกระบี่ชางเจวี๋ยออกมาเดี๋ยวนั้นเพื่อสู้ให้ตายกันไปข้างแม้ว่าพลังของซ่งฉียวนจะสูงมากพอสมควร แต่ก็เทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของอวี๋เคอเลยจนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ย่อยยับภายใต้เงื้อมมือของอวี๋เคอแต่ฝ่ายที่มาทีหลังเห็นเขาหนีไปกลับไม่ไล่ตาม กลับไปหาเหยาจือเพื่อขอดื่มเหล้าของตนเองต่อไปทำเหมือนไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นที่นี่
ผู้อ่านไม่เข้าใจว่าทำไมอวี๋เคอจึงปล่อยซ่งฉียวนไปโดยไม่มีเหตุผลอวี๋เคอจึงแสร้งตอบอย่างก้าวร้าวว่า เพราะจอมปีศาจจำไม่ได้ว่านี่คือเด็กที่ถูกเขาฆ่ายกครอบครัวในตอนนั้นในความทรงจำของเขาซ่งฉียวนตายไปั้แ่ตอนที่ถูกตนเองโยนลงไปที่แม่น้ำแห่ง์แล้วนอกจากนี้อวี๋เคอเป็คนทำตามใจตัวเองมาโดยตลอด จุดประสงค์ในการมาแดนทะเลมายาของเขานั้นชัดเจนมากก็คือเพื่อมาขอเหล้ากิน แล้วทำไมเขาต้องสร้างเื่นองเืด้วย แน่นอนว่าหลังจากที่เหยาจือได้ยินก็โกรธจนนำเหล้าโบราณร้อยปีมาละเลงกับน้ำจนหมด
ผู้อ่าน้าหาช่องโหว่ของเขาแต่ก็พบว่าความจริงในบทความที่เขียนเอาไว้ว่า ตอนที่ซ่งฉียวนไปรายงานตัวเข้าสำนักเขาบอกว่าตนเองชื่อ “ฉียวน” ซ้ำยังไม่เคยพูดด้วยว่าตนเองเป็เด็กกำพร้าของตระกูลซ่งที่ถูกอวี๋เคอฆ่าล้างยกตระกูลดังนั้นสุดท้ายจึงทำได้เพียงกัดฟันตามน้ำไปกับคำอธิบายอันไร้ขอบเขตแบบนี้ของผู้เขียน
อวี๋เคอรู้สึกภาคภูมิใจกับจุดนี้มากแต่หลังจากข้ามมิติมาเขาก็พบว่าทุกอย่างที่นี่ล้วนมีเหตุก็ต้องมีผลซึ่งอวี๋เคอเองก็ไม่ได้ปัญญานิ่ม และซ่งฉียวนก็ไม่ได้เสียโฉมแล้วเขาจะจำซ่งฉียวนไม่ได้จริงๆ หรือ ในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมอวี๋เคอถึงปล่อยซ่งฉียวนไป?
ความคิดของอวี๋เคอหยุดชะงักลงพู่กันที่ยังคงเขียนอยู่ก็หยุดลงตามไปด้วยเช่นกัน เวลาผ่านไปสักพักบนกระดาษที่เขียนมาเป็อย่างดีก็เปื้อนไปด้วยหมึกสีดำอวี๋เคอได้สติกลับมาและรีบหยิบพู่กันออกแต่กลับสังเกตเห็นเนื้อเื่บนกระดาษสีขาวว่าได้ถูกเขียนไปจนถึงเื่ที่สำนักฉิงชางจะจัดแข่งขันเพื่อจัดอันดับศิษย์ในสำนักทุกครึ่งปีในหนึ่งครั้ง
เมื่อครู่เขาทำสองอย่างในเวลาเดียวกันสิ่งที่คิดอยู่ในหัวคือเนื้อเื่ในแดนทะเลมายาแต่สิ่งที่เขียนลงไปกลับเป็เนื้อเื่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้พอเวลาผ่านไปไม่เท่าไรก็หยุดลง ตอนนี้เมื่อเห็นการแข่งขันจัดอันดับนี้หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และเกิดความคิดอยากจะไปดูความครึกครื้นสักหน่อย
เวทีประลองหาเ้าดินแดนของแดนซากกระดูกสามารถจัดใน่เสียวเสวี่ย[2] ได้ ส่วนการแข่งขันจัดอันดับศิษย์ของสำนักฉิงชางอยู่ใน่ปลายฤดูใบไม้ร่วงหากเขาแอบไปดูแล้วกลับมา ก็จะทันตอนการจัดเวทีประลองของแดนซากกระดูกได้พอดีได้ชมความสนุกสนานทั้งไปและกลับเลยอีกอย่างยังสามารถใช้โอกาสนี้เฝ้าดูซ่งฉียวนได้อีกด้วยว่าอารมณ์ถอดใจของเด็กคนนั้นสะเปะสะปะไปถึงขั้นไหนแล้ว
อวี๋เคอร่ายเวทจนทำให้หมึกดำบนกระดาษแห้งไปจากนั้นก็ปิดสมุดลงแต่ไม่ได้วางรวมไว้ในกองจดหมายเหตุนั้น ทว่าร่ายมนตร์เพื่อเก็บเข้าไปในแหวนหยกเขาตัดสินใจพกของแบบนี้ติดตัวไปด้วยจะดีกว่า เพราะหากวันใดถูกใครสักคนพบเข้าจะไม่เป็การเปิดเผยตัวเองหรอกหรือ?
“นายท่าน นายท่าน!!!ข้ากลับมาแล้ว!!! ” เขาเพิ่งจะเก็บของทางด้านนี้เสร็จได้ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกของห้องหนังสือ “นายท่านข้าเข้าไปได้หรือไม่? ขอข้าเข้าไปได้ไหมขอรับ? ” แล้วยังถามอย่างออดอ้อนอีกสองสามครั้งด้วย
อวี๋เคอกุมขมับ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หากเ้ายังเคาะต่อไปอีกข้าผู้นี้คงต้องเปลี่ยนประตูห้องหนังสือแห่งนี้เป็แน่ รีบเข้ามาเถิด”
ประตูไม้ส่งเสียงดัง “เอี๊ยดอ๊าด” จากนั้นอาจิ่วก็พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของอวี๋เคออย่างรวดเร็วแล้วทำหน้านกออดอ้อนใส่ “นายท่านเมื่อครู่อาจิ่วหิวมาก! ”
คำพูดนี้ของเขาฟังดูสับสนชอบกลอวี๋เคอจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จึงถามไปว่า “เมื่อครู่หิวมากเป็พิเศษเลยหรือ? แล้วตอนนี้หิวหรือไม่? ข้าผู้นี้จะได้ให้พ่อครัวทำอาหารมาให้เ้า”
อาจิ่วบินขึ้นไปเกาะที่ไหล่ของอวี๋เคอจากนั้นก็เรอออกมาหนึ่งที แล้วพูดเสียงเบาออกมาว่า “ฮี่ฮี่ตอนนี้ไม่หิวแล้วขอรับ เอ่อ... คือว่า นายท่าน ท่านคงต้องเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงอสูรใหม่ยกชุดเสียแล้วขอรับ”
เมื่ออวี๋เคอได้ยินคำพูดนี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้ประจบสอพลอเช่นนี้สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อกลับมารอบนี้ก็คือการกินสัตว์เลี้ยงอสูรไปยกรังแล้วอาจิ่วก็ทำได้จริงๆ แต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับสัตว์เลี้ยงอสูรเ่าั้อาจิ่วกินไปแล้วก็กินไปเถอะ เขาไม่ได้สนใจ
“เ้ากินอิ่มก็ดีแล้วต่อไปข้าผู้นี้จะเลี้ยงสัตว์อสูรที่เ้าชอบกินเอาไว้ในถ้ำแห่งนั้น เพื่อเป็เสบียงสำรองให้เ้าดีหรือไม่? ”
“ฮือ! นายท่านท่านจะดีกับข้าเกินไปแล้ว! ” ดวงตาทั้งสองข้างของอาจิ่วเปล่งประกายอย่างมีความสุขเขาจุ๊บแก้มของอวี๋เคอไปหนึ่งที จนทำให้หน้าหนาๆ ของอวี๋เคอขึ้นสีแดง
เขาโบกมือไปมา แล้วกล่าวอย่างจนใจว่า “อย่าวุ่นวาย เ้ามาก็ดีแล้วข้าผู้นี้มีบางเื่ที่จะหารือกับเ้าอยู่พอดี”
“เอ๊ะ? นายท่านมีเื่อะไรหรือ? หากเป็เื่ที่สำคัญอาจิ่วคงช่วยไม่ได้หรอก อาจิ่นก็จะกลับมาแล้วนายท่านไปหารือกับเขาก็ได้นะขอรับ” ครั้งนี้อาจิ่วเพิ่งจะกลับมาจากหอสิงลี่ภารกิจที่อวี๋เคอมอบให้เขาก็คือช่วยตนดูแลกู้จิ่นเฉิงให้ดีหากกู้จิ่นเฉิงจะกลับวังปีศาจก็ให้กลับมาบอกเขา
อวี๋เคอยิ้มสดใส “ไม่ใช่เื่สำคัญอะไรหรอกก็แค่อยากให้เ้าไปดูอะไรสนุกๆ กับข้าก็เท่านั้นเอง”
“ดูเื่สนุก!!! ที่ไหนดูเื่สนุกที่ไหนหรือ? ” เมื่อพูดถึงการไปดูเื่สนุกสนานทั้งตัวของอาจิ่วก็เดือดพล่านไปหมด เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยังเป็เด็กน้อยอยู่ก่อนหน้านี้เขายังเที่ยวเล่นกับอวี๋เคออย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านนอกอยู่เลยจะให้เขาอยู่แต่ในวังปีศาจทั้งวันก็คงจะไม่ไหว ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีเื่สนุกๆให้ดู แน่นอนว่าเขาตื่นเต้นมาก
“ตามข้าไปดูซ่งฉียวนที่สำนักฉิงชาง”
เมื่ออาจิ่วได้ยินเช่นนี้แววตาก็หม่นหมองลงความตื่นเต้นเมื่อครู่มลายหายไปกว่าครึ่ง จะงอยปากน้อยๆ คว่ำลง แล้วกล่าวว่า “นายท่านตัวท่านอยากจะไปดูเ้าผีน้อยนั่นก็พูดออกมาตรงๆ เลยสิ เหตุใดต้องเอาเื่สนุกๆมาเป็ข้ออ้าง ทำให้ข้าดีใจเปล่าๆ ”
อวี๋เคอไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่พอคิดอีกทีการที่จะไปดูซ่งฉียวนที่สำนักฉิงชางเดิมทีแล้วก็ไม่ใช่เื่สนุกสำหรับอาจิ่วนัก จึงเกาหน้าอย่างกระอักกระอ่วนและโน้มน้าวเขาว่า “ใครบอกว่าไม่ค่อยสนุกกันเล่า? ข้าผู้นี้ได้ยินมาว่าโลกผู้ฝึกตนมีสถานที่สนุกๆและของอร่อยๆ อยู่มากมาย เมื่อดูการประลองจัดอันดับศิษย์ของสำนักฉิงชางจบข้าผู้นี้ก็จะพาเ้าไปลิ้มลองของดีๆ เ่าั้”
เมื่ออาจิ่วได้ยินคำพูดนี้ดวงตาก็เป็ประกายอีกครั้ง แล้วะโว่า “นายท่าน ท่านห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด! ”
“ได้ๆข้าผู้นี้เคยโกหกเ้าั้แ่เมื่อไรกัน”
“ฮึ่ม งั้นก็ได้! ”
เมื่อเห็นว่าเกลี้ยกล่อมอาจิ่วได้สำเร็จอวี๋เคอก็เบาใจลง เขาลูบศีรษะปุกปุยของเ้าตัวเล็กไปมาและเริ่มจินตนาการถึงรูปลักษณ์หลังจากแปลงกายของเด็กคนนี้อย่างอดไม่ได้มันจะต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย
ก๊อก ก๊อก——
เสียงเคาะประตูขัดจังหวะความคิดของอวี๋เคอเขาขมวดคิ้วเพียงครู่และคลายออก ก่อนจะปัดมือเปิดประตูออก และกล่าวว่า “จิ่นเฉิงเ้ามาเร็วเสียจริงนะ”
......
เชิงอรรถ
[1] หุงข้าวสารให้เป็ข้าวสุกหมายถึง เื่ที่เลยเถิดไปแล้วและยากจะแก้ไข
[2] เสียวเสวี่ยคือ่ที่เริ่มมีหิมะตก เป็ 1 ใน 24 สารทของจีนซึ่งจะเริ่มวันที่ 22 หรือ 23 พฤศจิกายน ขึ้นอยู่กับในแต่ละปี