ฮ่องเต้กล่าวเสียงดุดัน “เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบให้ทั่ว ตรวจสอบว่าระหว่างนี้มีใครบ้างที่เดินผ่านตำหนักเหรินโฉว เ้าสิ่งนี้เพิ่งมีคนเอามาวางไว้แน่นอน ทุกคนในวังหลังต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด”
เมื่องานเลี้ยงดีๆ เกิดเื่ขึ้นกะทันหัน ทุกคนต่างเริ่มถกเถียงกัน ตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะดื่มเหล้าพูดคุยกันแล้ว
แต่พวกคนที่เดินทางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย ดังนั้นคงจะตัดออกจากผู้ต้องสงสัยได้ ทุกคนต่างมีท่าทางรอดูเื่สนุก
หลังจากฮ่องเต้ออกคำสั่ง เพียงครู่เดียวองครักษ์ก็เริ่มตรวจสอบวังหลังในวงกว้าง แต่ทุกคนกลับพบปัญหาอย่างหนึ่ง แม้แต่ทางเข้างานเลี้ยงก็มีองครักษ์เฝ้าอยู่หลายคน
ตอนนั้นทุกคนต่างก็เริ่มหวาดหวั่น
ดวงตาของฮ่องเต้กวาดมองใบหน้าของทุกคนก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ทุกท่านไม่จำเป็ต้องหวั่นใจไป อีกเดี๋ยวเื่ราวก็จะถูกตรวจสอบออกมาชัดเจน ถึงตอนนั้นเจิ้นจะปล่อยพวกเ้ากลับไป”
ซูิเยว่หรี่ตาลง ั้แ่งานเลี้ยงเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ หลายคนที่นั่งอยู่ที่นี่แทบไม่ได้ออกจากตำแหน่งของตัวเองเลย ฮ่องเต้ระมัดระวังจริงๆ
เหล่าขุนนางต่างใลนลาน พวกเขาทำได้แค่ลดความใลง แล้วรอให้เื่ถูกตรวจสอบชัดเจนก่อน
ทางด้านองครักษ์ยังไม่พบเจออะไร สีหน้าของฮ่องเต้ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ จนหน้าดำคล้ำเหมือนก้นหม้อ
ในตอนนี้เอง ที่ทางเข้ามีองครักษ์คนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามา ทุกคนต่างคิดว่าคงตรวจสอบเจออะไรเข้าแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าองครักษ์คนนั้นจะคุกเข่ารายงาน “ฝ่าา องค์ชายห้ามาพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้า?
เหล่าขุนนางใหญ่ก็เริ่มหันมากระซิบกระซาบกัน งานเลี้ยงวันนี้พวกเขาสังเกตได้ องค์ชายทุกคนมากันหมดแล้ว มีแค่คนเดียวที่ยังไม่เห็นซึ่งก็คือองค์ชายห้า แต่ขุนนางที่รู้เื่ภายในบางคนกลับไม่คิดว่าแปลก
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว หัวใจสั่นอย่างน่าประหลาด การที่องค์ชายห้ามาในตอนนี้ ลางสังหรณ์นางบอกว่าจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น
“เขามาทำไม?”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วไม่พอใจ ก่อนหน้านี้เขาออกคำสั่งว่า หากไม่ได้เรียก องค์ชายห้าจะไม่สามารถเข้าวังได้ตามใจชอบ เพราะเหตุนี้องค์ชายห้าจึงไม่ได้มางานวันเกิดของไทเฮาในวันนี้
องครักษ์กล่าว “องค์ชายห้าบอกว่าเขามีเื่ด่วนพ่ะย่ะค่ะ อ๋อ ใช่แล้ว ข้างกายองค์ชายยังมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง นักพรตเต๋าคนนั้นพูดไม่ขาดปากว่าภายในวังมีของไสยศาสตร์”
ของไสยศาสตร์ สี่คำที่เอ่ยออกมาทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้แต่สีหน้าของฮ่องเต้ด้วย นี่ไม่ใช่คำสาปที่เจอในวังของไทเฮาเมื่อครู่หรือ บังเอิญมากที่มีนักพรตเต๋ามา
วินาทีที่ซูิเยว่ได้ยินว่านักพรตเต๋า นางก็คิดได้ว่าเื่ตุ๊กตาตัวเล็กในวังของไทเฮาวันนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับองค์ชายห้าแน่นอน ถึงคนอื่นจะเชื่อละครหลอกลวงแบบนี้ แต่นางไม่เชื่อ
ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะสั่งเสียงเย็นออกมา “ให้เขาเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์คนนั้นออกไป เพียงครู่เดียวก็มีเสียงวุ่นวายดังมาจากทางเข้า องค์ชายห้าเดินนำเข้ามา ข้างกายเขามีคนแปลกๆ ถือดาบไม้สวมชุดเพ้าเดินมาด้วย ด้านหลังยังมีองครักษ์ตามมาด้วยอีกหลายสิบคน คิดไปแล้วคนที่สวมชุดเพ้าก็คงจะเป็นักพรตเต๋าที่องครักษ์คนเมื่อครู่พูดถึง
องค์ชายห้าสาวเท้ายาวๆ เดินนำหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ “ลูกเข้าวังโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอเสด็จพ่อโปรดอภัย เื่ที่เกิดขึ้นนั้นมีเหตุผล ลูกจำเป็ต้องทำพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ยกมือขึ้น “ลุกขึ้นมาพูด นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
สายตาของทุกคนต่างรวมกันที่นักพรตคนนั้น เมื่อมองอย่างพิจารณา นักพรตคนนั้นดูแล้วอายุประมาณสามสิบ หัวขาว แม้แต่หนวดก็ขาว เขากอดดาบไม้เล่มหนึ่งเอาไว้ ตอนที่ยืนเงียบๆ ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของเซียนที่แผ่ออกมา
องค์ชายห้าอธิบาย “เป็เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่ นักพรตท่านนี้จู่ๆ ก็มาหาลูก บอกว่าภายในวังมีของไสยศาสตร์ แล้วให้ลูกพาเขาเข้าวัง ลูกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงคิดได้ว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่เล็ก ก็เลยพาเขาเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ”
นักพรตคนนั้นเดินขึ้นมาอธิบาย เขาโค้งตัวเพียงเล็กน้อยเป็การทำความเคารพ มือซ้ายกอดดาบไม้ มือขวาลูบหนวดของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางแบบคนสูงส่ง “ฝ่าา อาตมาเป็ศิษย์ของวัดจิ่วิซานฉิง วันนี้ได้ลงเขามาธุดงค์ ตอนที่ผ่านเมืองหลวงก็ได้เห็นไอดำคละคลุ้งอยู่ในวัง หลังจากสำรวจแล้วก็เป็ไอของไสยศาสตร์ อาตมาจึงได้ไปขอร้องให้องค์ชายห้าพาเข้าวังเพื่อค้นหาความจริงว่ามันคืออะไรกันแน่”
ทุกคนได้ฟังเช่นนั้นในหัวก็ขึ้นหมอกควันขาว พวกเขาต่างไม่เคยได้ยินชื่อของนักพรตคนนี้มาก่อน แต่พอเห็นว่าคนคนนี้พูดแล้วดูเป็จริงเป็จัง ไม่เหมือนกับคนพูดความเท็จเลย
ฮ่องเต้หรี่ตาลง แววตาฉายความสงสัยพร้อมกับมองพิจารณานักพรตจากบนลงล่างหนึ่งรอบ “เช่นนั้นไม่ทราบว่านักพรตมีนามว่าอะไรหรือ?”
นักพรตพูดเสียงเนิบ “เรียกอาตมาว่านักพรตจ้าวก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นจากที่นักพรตจ้าวว่ามา ไอไสยศาสตร์มันคืออะไรกันแน่?”
นักพรตไม่ได้ตอบ แต่หรี่ตาพิจารณามองรอบๆ งานเลี้ยงหนึ่งรอบด้วยท่าทางยากจะคาดเดา “อาตมาตรวจสอบได้ว่ามีกลิ่นอายของไสยศาสตร์อยู่ที่นี่”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมาสีหน้าของฮ่องเต้ก็เปลี่ยนไปทันที ทุกคนต่างก็เงียบลงพร้อมกับกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ
ต่อมาสายตาของนักพรตก็จ้องไปยังนางกำนัลที่พบตุ๊กตาคนตัวเล็กเมื่อครู่ ดวงตาหรี่ลง เขาสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปหา ก่อนจะหยิบตุ๊กตาคนตัวเล็กในมือของนางกำนัลมา จากนั้นก็พูดด้วยใบหน้าจริงจัง “ฝ่าา ใช่เ้าสิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมาก็เห็นนักพรตล้วงเอายันต์สีเหลืองตรงเอวมาแปะที่ตัวตุ๊กตาคน
ตอนนี้ทุกคนต่างเชื่อนักพรตคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ฮ่องเต้ถามเสียงเข้ม “จากที่นักพรตดู มันเป็ของอะไรหรือ?”
“เ้าสิ่งนี้เป็ของใช้สาปอย่างหนึ่ง เป็ความชั่วร้ายอย่างมาก” นักพรตมองตุ๊กตาตัวเล็กในมือด้วยใบหน้าจริงจังก่อนจะเอ่ยปาก “ของสาปแช่งปกติแล้วจะทำให้คนที่ถูกสาปอายุสั้น เป็ไสยศาสตร์ที่ทำร้ายคนร้ายแรงอย่างหนึ่ง ผู้ร่ายคำสาปจะต้องเขียนชื่อของคนที่ถูกสาปลงบนตัวตุ๊กตาตัวเล็กแล้วปักเข็มเงินลงบนนั้น จากนั้นก็เขียนวันเกิดของผู้ถูกสาปลงไปในกระดาษแล้วเผา ก่อนจะเอาขี้เถ้าไปละลายในน้ำ การสาปก็จะกลายเป็จริง”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป วิธีการทำร้ายคนเช่นนี้ได้มาปรากฏขึ้นในวัง ไทเฮาที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานหน้าขาวซีด ตัวสั่นไม่หยุด
ตอนนี้ฮ่องเต้เชื่อคำพูดของนักพรตจ้าวมากอย่างไม่ต้องสงสัย “เช่นนั้นนักพรตจ้าวมีวิธีที่จะหาคนร่ายคำสาปหรือไม่?”
“อาตมามีวิธี คนร่ายคำสาปจะต้องััคำสาปนี้แน่ บนตัวของคนคนนั้นจะแฝงไปด้วยกลิ่นอายของไสยศาสตร์ ลองให้อาตมาตรวจสอบดูก็จะรู้” นักพรตลูบหนวดของตัวเองด้วยท่าทางมั่นใจอยู่เต็มอก “อาตมาเข้าวังมาวันนี้ก็เพื่อเื่นี้ ขอฝ่าาโปรดวางใจ การมีอยู่ของไสยศาสตร์นี้ อาตมาจะต้องกำจัดสิ่งที่มาทำร้ายประชาชนให้ได้”
ทุกคนได้ยินที่นักพรตพูดเช่นนี้ก็พากันวางใจ
ซูิเยว่ยกมือยันศีรษะเอาไว้และทำท่าทางไร้อารมณ์ั้แ่ต้นจนจบ แค่มองก็รู้ว่านักพรตผู้นี้หลอกลวง ปลอมขนาดนี้ ของสาปแช่งอะไรกัน นางไม่เชื่อ ตอนนี้ที่นางกังวลก็คือไม่รู้ว่าเหตุใดองค์ชายห้าถึงได้ปรากฏตัวที่นี่ เขาวางแผนอะไรไว้กันแน่
รอบๆ งานเลี้ยงถูกล้อมไปด้วยองครักษ์คุ้มกันวังหลวง ในตอนนี้แมลงวันสักตัวจะบินออกมาก็คงยาก
นักพรตเริ่มหยิบตุ๊กตาตัวเล็กเดินหาไปทั่วงาน ตอนที่เขาเดินมาถึงตรงหน้าทุกคนก็ทำมือบีบเข้าด้วยกัน แสร้งทำปากท่องคำสาปที่คนอื่นๆ ฟังไม่รู้เื่