สองข้างทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ใหญ่ ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสิบหกปีที่ไม่ได้มาที่ฟาร์มม้าอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเตชะปัทมาสน์ โดยมีพี่เขาเป็เ้าของซึ่งแต่ก่อนชื่อฟาร์มจะเป็ชื่อของพ่อพี่อัพ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็ชื่อของพี่อัพทั้งหมด รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ทุกอย่างถูกโอนถ่ายเป็ชื่อของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทันทีหลังจากพ่อพี่เขาเสียไปแล้ว
"ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ"
"ไม่เหมือนเดิมหรอก มันไม่เหมือนเดิมมาตั้งนานละ"
เสียงของเ้าของฟาร์มเ้าเสน่ห์พูดออกมาห้วนๆ ใบหน้าที่ตอนแรกเหมือนจะดีอยู่แล้วกลับมาขึงขังเหมือนเดิม ั้แ่ขับรถออกมาผมยังไม่เห็นพี่เขาจะยิ้มเลย
ยิ้มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ!!! คนบ้าอะไรไม่ชอบยิ้ม
"ถามจริงเถอะมีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ"
ผมตัดสินใจถามดีกว่าเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างมันคลุมเครือเหลือเกินกับความสัมพันธ์ที่เป็อยู่ตอนนี้ ผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดเท่านี้มาก่อน ระหว่างพี่อัพกับผมเราแทบจะเรียกได้ว่าเราคือพี่น้องกัน
และรักกันมากแต่หลังจากที่พ่อจากไปผมก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราก็เปลี่ยนไป พร้อมกับสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบคือหนี้ก้อนโต แต่นั่นก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้จดหมายของพ่อได้อธิบายไว้แล้วว่า พ่อได้ยืมเงินของเพื่อนมาและยังไม่ได้ชดใช้ในส่วนนั้น และผมก็รับทราบและยินดีที่จะชดใช้ในส่วนนั้นให้ แต่ดูหน้าพี่เขาตอนนี้สิ
ผมถึงกับอ้าปากหวอเมื่อพี่อัพสะบัดบ๊อบออกไปโน่นหลังจากที่จอดรถไว้ แล้วเดินเข้าที่พัก ซึ่งเป็บ้านหลังเล็กๆ หลายหลังเรียงกัน น่าจะเป็บ้านพักคนงานที่นี่
"ไม่เมื่อยเหรอครับ"
"อะไรของมึง ขับรถนะเหรอ?"
"เปล่าครับ หน้าพี่อะ ไม่เมื่อยเหรอครับคิ้วขมวดตลอดเวลา หน้าที่บึ้งตึงนั่นอีก มันตึงโบท็อกเหรอครับ"
จิ๊!!! อัพทำท่าจะเตะ แต่คนที่หาเื่ก็รีบหลบพร้อมกับหัวเราะออกมาที่แกล้งเขาได้
"แก่ไวนะครับ อายุไม่เท่าไหร่เองชอบทำหน้าบึ้ง ไม่น่ารักนะครับ"
อัพมองรอยยิ้มที่ใสซื่อนั้น แต่ก็ต้องรีบหันออกเมื่อหัวใจของเขาเต้นแรงผิดปกติ แล้วเด็กมันก็วิ่งดักหน้าดักหลัง
"แน่ะ พี่หน้าแดงอะ หน้าแดงทำไม เขินผมเหรอครับ"
บางทีเขาก็ว่าบีมเหมือนลูกหมาที่เมาน้ำข้าวนะ ก็ดูเถอะขนาดเขาออกสีหน้าท่าทางขนาดนี้มันยังไม่รู้สึกอะไรเลย หรือว่าหน้าเขายังโหดไม่พอ ทำไงได้กับเ้าเด็กอย่างบีมต่อให้ทำหน้าโหดกว่านี้มันก็คงเหมือนกันนั่นแหละ เพราะเด็กมันดูไม่กลัวเขาเอาซะเลย
"กูจะเขินมึงเื่อะไร"
"อ้าว ก็พี่..."
"อะไรไอ้ลูกหมา"
"อย่างน้อยพี่ก็เก็บของเล่นชิ้นนั้นที่ผมเคยให้พี่ไว้จนถึงทุกวันนี้"
ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่ายื่นใบหน้าเข้าหาปากแทบชิดกันดีที่อัพรีบดึงหน้าตัวเองออกไม่งั้นมันคงได้จูบ
"ไอ้นี่ มึงนี่นะ"
มันก็จริงเขาต้องมีความรู้สึกดีๆ ไม่งั้นของทุกอย่างที่บีมเคยให้ไว้เขาจะเก็บมันไว้ทำไม ข้อนี้เขาเองก็รู้ดีว่าทำไม เื่ของหัวใจเขาไม่เคยหักห้ามมันได้สักครั้งเดียวที่จะไม่ให้คิดถึงเ้าเด็กตัวเล็กๆ ที่เคยวิ่งตามเขาอยู่บ่อยๆ ถ้าได้มาที่นี่ และทุกครั้งถ้าได้ยินพ่อพูดว่าลุงชัยมาที่นี่ เขาจะตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าบีมจะมาด้วยหรือเปล่า
เพราะหากว่ามา และถ้าตรงกับวันไหนที่ต้องเข้าฟาร์มจะได้ขออยู่ที่บ้านก่อน ส่วนมากแล้วลุงชัยจะไปหาพ่อที่บ้าน บีมเคยมาฟาร์มม้าแค่ครั้งเดียว หัวใจดวงน้อยมันเป็ของเด็กหนุ่มที่ชื่อบีมั้แ่ตอนนั้นแล้ว และเขาก็คิดมาตลอดว่าหากว่าน้องมันโตมากกว่านี้จะสารภาพความในใจ
แต่ไม่คิดว่าทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด เมื่อพ่อและลุงชัยมีปัญหากัน เขาที่รับรู้มาตลอดว่าลุงชัยเดือดร้อนทางด้านการเงิน และมีหุ้นส่วนอยู่เล็กน้อยในฟาร์มม้านี่ และสิ่งที่ทำให้พ่อและลุงบาดหมางกันหนักที่สุดก็เื่เงินรายรับรายจ่ายที่ลุงชัยเป็คนรับผิดชอบในการทำบัญชี
ลุงชัยปฏิเสธทุกอย่างทุกข้อกล่าวหา เมื่อพ่อแจ้งความเอาผิดลุงชัย เื่นี้เ้าเด็กหน้าซื่อตาใสนี่ไม่รู้อะไรหรอก มันไม่รู้เื่อะไรทั้งนั้น และเขาก็จะไม่มีวันให้บีมได้รู้เื่นี้ด้วย นั่นคือคำสั่งเสียของลุงชัยผู้เป็พ่อที่เรียกเขาเข้าไปหา
ลุงไม่ได้ยักยอกเงิน แต่ลุงก็ไม่รู้ว่าเงินนั้นมันหายไปไหน นั่นคือคำพูดของลุงชัย ลุงที่เป็ทั้งลูกจ้างและหุ้นส่วนรายย่อย แถมยังเป็เพื่อนรักของพ่อ ลุงชัยได้แต่บอกว่าไม่มีทางที่ลุงชัยจะทำแบบนั้นแน่ๆ แต่เงินที่หายไปลุงชัยจะให้บีมทำงานใช้หนี้ในส่วนต่างที่เหลืออยู่แค่ไม่เท่าไหร่ เพราะแกขายสมบัติของแกหมดแล้วเพื่อใช้หนี้ให้กับเตชะปัทมาสน์ และคำขอร้องสุดท้ายที่ลุงชัยขอ
ลุงชัยขอให้ดูแลบีมให้ดีที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้บีมอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ไม่ว่าจะต้องทำยังไงด้วยวิธีไหนก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นว่าทำไมเขาต้องให้บีมเซ็นสัญญา ใจหนึ่งเขาก็เชื่อลุงชัย เพราะลุงชัยเป็คนที่ใจดีมากๆ แต่อีกใจหนึ่งก็เข้าข้างพ่อตัวเองที่ปักใจไปแล้วว่าเพื่อนนั้นยักยอกเงินของธุรกิจฟาร์มม้า
แล้วพ่อก็มาเสียอีกคนเพราะโรคร้ายรุมเร้า แต่เขาก็เชื่อว่าเหตุผลที่พ่อจากไปเร็วกว่าทั้งๆ ที่หมอก็บอกว่ายังอยู่ได้อีกหลายปี นั่นก็เป็เพราะว่าพ่อเสียใจกับสิ่งที่ทำกับเพื่อนรัก สิ่งที่พ่อขอร้องมันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทำกับเพื่อนรักอย่างลุงชัย นั่นคือพ่อเขาขอร้องให้ช่วยดูแลบีมให้ดีที่สุดเช่นกัน รักบีมให้มากๆ และพ่อเพิ่งพูดเป็ครั้งแรกว่าพ่อไม่เชื่อว่าลุงชัยจะทำเื่แบบนั้นได้ จึงขอให้เขาสืบเื่นี้ และหาความจริงให้ได้
แต่ดูหน้ามันสิ ยิ้มกริ่มหน้าบาน เหมือนไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไร จะว่าก็ไม่ได้เพราะบีมไม่รู้เื่นี้จริงๆ แหละ
"ผมแค่อยากมองปากพี่ใกล้ๆ นะครับว่ามันติดอะไรไว้หรือเปล่าทำไมสกิลปากพี่ถึงได้แซ่บขนาดนี้"
ร่างสูงกระเด็นออก ชนกับโซฟาที่อยู่กลางห้องเพราะถูกอีกคนผลักอย่างแรง บีมหัวเราะออกมาอย่างถูกใจเมื่อสามารถทำให้คนพี่เขินหน้าแดงออกมาได้ และถึงผมจะเด็กกว่า แต่เื่นี้ผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น ผมรู้หัวใจตัวเองดีว่ามัน้าอะไร
และผมก็มั่นใจว่าพี่เขานั้นรู้สึกยังไงกับผม เรด้าผมมันไม่พังแน่นอน สิบปีกับแววตาคู่นั้นของพี่เขามันเคยเป็แบบไหน ตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามันถูกซ่อนไว้ส่วนลึกของหัวใจพี่อัพ และยังคงซ่อนอยู่แบบนั้นตลอดมา เพียงแต่มันถูกปิดบังอำพรางไว้ด้วยใบหน้าที่ขึงขังเกรี้ยวกราด และโมโหอยู่ตลอดเวลาของพี่เขา ซึ่งนี่แหละที่ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เขามองรอยยิ้มที่สดใสนั้นนิ่ง มันช่างเป็รอยยิ้มที่มองแล้วสดชื่นที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ปากบางเฉียบสีแดงเรื่อเหมือนลูกเชอรี่
น่าชิมจังเลย!!!
"คิดดังไปหรือเปล่าครับ"
"อะไรของมึง"
อัพทำหน้าตาไม่รู้เื่เมื่อเด็กมันจับไต๋ได้
"แพ้เสียงในหัวเหรอครับถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกมา ผมเห็นพี่กลืนน้ำลายอะ"
"หิวน้ำเหอะ" เขาแก้ตัว
"เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ครับ"
ยังไม่ทันพูดอะไรต่อมันก็วิ่งด๊อกๆ แด๊กๆ ไปเหมือนลูกหมา อัพได้แต่ส่ายหัวยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเป็ครั้งแรกเมื่อเห็นเ้าลูกหมามันทำตัวน่ารัก ก็เป็ซะแบบนี้จะให้เขาชักสีหน้าใส่มันทั้งวันได้ยังไง ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากทำสักนิดเดียว แต่เขาแค่อยากให้บีมนั้นโต และแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด อย่างน้อยสิ่งที่ลุงชัยสั่งเสียไว้จะได้ไม่เสียเปล่า
"น่ารักวะ"
นี่ไงสุดท้ายเขาก็แพ้เสียงในหัวตัวเองอีกจนได้ แพ้ความน่ารักของเ้าหมาเด็กอีกตามเคย ไม่เคยจะชนะเลยสักครั้ง
"มาแล้วครับผม เชิญคุณพี่อัพดื่มน้ำแก้กระหายก่อนนะครับ"
"ขอบใจ ทำเหมือนคุ้นชินที่นี่จังนะมึง"
"มีพี่อยู่ที่ไหน ผมก็ดูคุ้นชินหมดแหละครับ"
บีมจ้องเข้าไปในดวงตาของคนพี่ ตั้งใจมองเหมือน้าให้รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง ว่าตอนนี้ความรู้สึกมันล้นอกแค่ไหน
ผมไม่อยากปิดบังความรู้สึกตัวเองอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่ว่าทนไม่ได้ ไม่ใช่ว่ารอไม่ได้ แต่เพราะผู้คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังพี่อัพมันเยอะเหลือเกิน แต่ละคนดูดีทั้งนั้น ภูมิฐานมั่นคงไม่ใช่เด็กที่เพิ่งจบอย่างตนเอง และไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนว่าพี่อัพก็สนใจคนพวกนั้นอยู่ไม่น้อย
รุก!!!
ใช่แล้วรุกอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะครองใจพี่เขาได้ ถึงเรด้าจะมองออกว่าพี่เขาก็แอบมีใจอยู่ไม่น้อย แต่อะไรก็ทำให้ไว้ใจไม่ได้เท่ากับเอาพี่เขามาเป็ของตนเอง
'หนูอยากเป็สมบัติของพี่อัพครับ'
อย่าว่าแต่ตอนนั้นผมแค่สิบขวบเลยที่อยากเป็สมบัติของพี่อัพ ตอนนี้หลังจากที่เรียนจบแล้วผมก็ยังยืนยันคำเดิมอยู่ดีว่าอยากเป็สมบัติของพี่เขา
แต่จะว่าไปหากจะพูดให้ถูกพี่อัพต่างหากที่จะต้องเป็สมบัติของผม เพราะฉะนั้นใครหน้าไหนก็อย่าเข้ามาเฉียดใกล้พี่เขาได้อีก!!!
"มองอะไร ยิ้มแบบนั้นทำไม"
"แบบไหนครับ"
"ก็ยิ้มหวาน สายตาแพรวพราว สายตา..."
เขาไม่กล้าที่จะพูดต่อว่าสายตาของเด็กหนุ่มนั้นมันเป็สายตาที่โลมเลียแค่ไหน สายตาที่มองแล้วคนที่ถูกมองละลายได้เลยละ นี่เ้าเด็กนี่มันไปฝึกสายตาแบบนี้มาั้แ่เมื่อไหร่กัน
เ้าเล่ห์ จิ้งจอกชัดๆ!!!
"อย่าไปมองใครแบบนี้นะบีม"
เขาขยับขาออก แต่มือซุกซนของเด็กรีบดึงขาของคนพี่ไว้ลงนั่งข้างๆ คางเกยกับเข่ามองเขาตาแป๋วเหมือนหมาเด็ก
"มองแบบไหนครับ มองแบบนี้เหรอ"
แววตาเป็ประกายดวงตาที่บอกชัดเจนว่าตอนนี้เด็กหนุ่มมีเพียงคนที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น อาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่หลบเวลาที่เด็กมันจ้อง นั่นยิ่งทำให้บีมได้ใจ เขาที่ไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อน ไอ้จะมาเขินอาย หรือนั่งหน้าแดงเวลาคนมาก้อร่อก้อติกใส่แบบนั้นไม่เคยมี
เพราะว่าอะไรนะเหรอ คนที่เข้ามาแล้วทำให้หัวใจเขาตุ๊บๆ ต่อมๆ ได้ไม่เคยมีไม่เคยเจอหรอก เขาเคยเอาตัวเองเข้าไปหาสิ่งเ่าั้ เคยถึงขนาดยอมวันไนท์สแตนด์กับใครต่อใครด้วยซ้ำ เพราะ่นั้นยอมรับว่าเขาทำเพราะอยากลืมเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
เขาอยากลืมเด็กที่ชื่อบีม มาตลอด!!!
แต่สุดท้ายเขาก็รู้ใจตัวเองว่าไม่สามารถที่จะลืมบีมได้เลย คนที่อยู่เต็มสี่ห้องหัวใจคือเ้าเด็กที่นั่งเอาคางเกยเข่าเขาอยู่นี่แหละ ตอนนั้นที่ทำเพียงเพราะว่าพ่อไม่ยอมรับ และถูกป้อนข้อมูลว่าครอบครัวของบีมคือลุงชัยยักยอกเงิน เขายอมรับว่าไม่อยากที่จะเข้าไปมีความสัมพันธ์ที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่สองคน
แต่วันนี้พ่อเขาอนุญาตแล้ว การที่พ่อให้ดูแลบีมให้ดีที่สุดก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาสานสัมพันธ์ต่อได้ และเขาก็เชื่อว่าก่อนที่พ่อจะจากไปนั้นพ่อรู้อยู่แล้วว่าเขาชอบ และมีใจให้กับเด็กหนุ่มหน้าใสนี่ ไม่งั้นคงไม่ฝากไว้แบบนั้น
"โอ๊ย!!! เจ็บครับ หยิกปากผมทำไมเนี่ย"
"ก็บอกว่าอย่ามองแบบนี้ไง"
เด็กซุกซนไม่เลิกลุกขึ้นชันเข่าสองมือกางกั้นขังคนพี่ไว้ให้นั่งอยู่บนโซฟาเล็ก ใบหน้ายื่นเข้าหา หลับตาสูดดมกลิ่นหอมจากแก้มเ้าของฟาร์มอย่างหลงใหล ในขณะที่เขานิ่งเกร็งทำตัวไม่ถูก
"หอมจัง นี่ขนาดอยู่แต่กับม้านะครับ"
"เด็กบ้า"
"เื่จริงครับ พี่ตัวหอมมาก เอ๊ะว่าแต่มีใครเคยสูดดมกลิ่นนี้ป้ะเนี่ย"
น้ำเสียงที่ขึ้นจมูกแสดงความไม่พอใจออกมา อัพรีบผลักร่างสูงออก แต่ก็ดูเหมือนคนน้องก็ไม่ยอมจะเอาคำตอบให้ได้ยิ่งยื่นจมูกเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
"ว่าไงครับ มีใครได้สูดดมกลิ่นนี้แล้วบ้างหรือยัง"
เสียงอ้อนๆ ใบหน้าที่มองคนพี่อย่างเอ็นดู นั่นทำให้เขารู้สึกหมั่นไส้ที่มันทำเหมือนเขาเป็เด็กน้อย
"แล้วไง มันก็เป็เื่ธรรมดาป้ะละที่จะมีใครได้สูดดมกลิ่นนี้ของกู ออกไปเลยบีม"
"อื้อ ไม่ครับ โอเคที่ผ่านมาผมทำใจยอมรับก็ได้ แต่ต่อไปนี้ผมขอพี่ได้มั้ยครับ"
"ว่า?"
"กลิ่นหอมนี้ขอผมสูดดมคนเดียวได้มั้ยครับ"
เขาถึงกับอึ้งเมื่อสายตาบ้องแบ๊วที่เหมือนจะเล่นๆ กลับจริงจังขึ้นมาซะงั้น จะว่าขอร้องก็ใช่ ออดอ้อนก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ได้ด้วยหัวใจเด็กมันกำลังขอร้องว่าต่อไปนี้ขอให้มีมันคนเดียวได้หรือเปล่า?
แล้วมันมีสิทธิ์อะไรมาขอแบบนั้น
"แล้วทำไมกูต้องเชื่อมึงด้วย ไอ้เด็กนี่ หลีกไปเลย"
"ไม่!!! จนกว่าพี่จะรับปากผมว่าพี่จะไม่ให้ใครได้สูดดมกลิ่นพี่อีก"
คราวนี้เอวบางถึงกับสะดุ้งเมื่อสองแขนเล็กๆ ของเ้าเด็กดื้อมันคว้าหมับเข้าให้กอดแน่น และที่ใไปกว่านั้นก็ใบหน้าที่ซุกเข้าที่หน้าท้องของเขานี่แหละ
"เฮ้ย!!! บีม ทำบ้าอะไร เดี๋ยวก็มีใครเข้ามาเห็นหรอก เอามือออก"
"พี่รับปากผมก่อน"
"อะไรของมึง งอแงเป็เด็ก"
เขาพยายามแกะมือที่เหนียวติดหนึบยังกะปลาหมึกนั้นออก แต่ก็ไม่สำเร็จ ก็เลยได้แต่ถามอย่างอ่อนใจ สายตาก็กวาดไปทั่วเพราะกลัวคนงานมาเห็น
"กูจะให้ใครดม กูไม่ได้ให้ใครดมมานานแล้ว พอใจยัง"
นั่นก็เท่ากับว่าพี่เขาไม่มีใคร
เท่านั้นแหละรอยยิ้มก็เปื้อนเต็มใบหน้าของบีมทันที เด็กหนุ่มยิ้มกว้างดีใจเป็ที่สุด
"อ้าว พอใจแล้วก็ปล่อยกูได้แล้ว ไอ้นี่"
เขาที่ทำท่าจะลุกขึ้นแต่เด็กที่ไม่ยอมผลักให้ลงไปนั่งเหมือนเดิม สองมือประคองใบหน้าเรียวงามจ้องมองปากอวบอิ่มของเขา ทุกอย่างมันเกินการยับยั้งช่างใจจริงๆ ความรักอันท่วมท้นที่มันอัดแน่นอยู่ภายใน
ผมรู้แค่ว่าในหัวของผมตอนนี้มันพูดว่า จูบพี่เขาสิ
อุ๊บ!!!
บีม!!!
ริมฝีปากอันร้อนผ่าวของเด็กหนุ่มประกบลงบนกลีบปากอวบอิ่มนั้นอย่างโยน
"อื้อ บีม"