ฟู่ซินหลางครุ่นคิดถึงเื่พวกนี้อย่างเลื่อนลอย จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์สามคนโผล่มาจากข้างทางแล้วล้อมเขาเอาไว้ ฟู่ซินหลางเห็นท่าไม่ดีจึงคิดว่าตัวเองถูกปล้นแน่ๆ เขาจึงรีบวิงวอนขอชีวิต
“พี่ชายทั้งหลาย ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ไม่มีเงินติดตัวเลย พวกพี่ปล่อยผมไปเถอะ!”
“แกคิดว่าพวกเรา้าเงินของแกงั้นหรือ?” ชายร่างกำยำที่ปิดบังใบหน้าส่งเสียงฮึหนึ่งที ก่อนกล่าวกับฟู่ซินหลางอย่างดุร้ายว่า “ไอ้หนุ่มยากจนแบบแกอย่าฝันถึงเนื้อหงส์เลย คืนนี้เราจะสั่งสอนแกให้รู้ว่า เนื้อหงส์ไม่ใช่สิ่งที่แกจะกินได้!”
พูดจบ ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นก็รุมทำร้ายฟู่ซินหลาง ทั้งเตะทั้งต่อย แต่พวกเขาดูเหมือนจะลงมืออย่างระมัดระวัง ไม่ได้โจมตีจุดสำคัญของเขา เหมือนว่าพวกเขาไม่อยากจะทำร้ายให้ถึงตาย
แต่ทุกๆ หมัดที่พวกเขาเหวี่ยงลงไป ล้วนแต่เป็จุดอ่อนไหวที่เจ็บง่ายของฟู่ซินหลาง ฟู่ซินหลางก้มตัวลงเพื่อป้องกันจุดสำคัญของเขา พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างเวทนา
ั้แ่เล็กจนโต เขาไม่เคยถูกคนอื่นรุมทำร้ายแบบนี้มาก่อน...
พอเห็นว่าฟู่ซินหลางนอนนิ่งไม่ไหวติง ชายฉกรรจ์พวกนั้นก็กล่าวทิ้งท้ายด้วยท่าทีโหดร้ายว่า “คางคกอยากกินเนื้อหงส์ ฝันไปเถอะ!”
พูดจบพวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ฟู่ซินหลางนอนนาบบนพื้นอยู่นาน กว่าจะค่อยๆ ลุกขึ้นมาได้ ตอนนั้นเองเขาจึงรู้ว่าใครเป็คนสั่งสอนเขา นอกจากตระกูลอู๋แล้วจะเป็ใครได้อีก?
คางคกอยากกินเนื้อหงส์ พวกเขาคงหมายถึงเื่ที่เขาอยากแต่งงานกับอู๋ฮวนสินะ?
ฟู่ซินหลางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ในใจเขาก็รู้ดีว่าคงไม่มีทางสมหวังกับอู๋ฮวนได้
ฟู่ซินหลางพยายามพยุงตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก เขาเดินกะโผลกกะเผลกจูงจักรยานกลับบ้าน เพราะไม่อาจปั่นมันได้
โชคดีที่บ้านของเขาไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี่นัก พอมาถึงหน้าบ้าน เขาก็จอดรถจักรยานไว้ในโรงจอดรถ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
ทันทีที่เดินมาถึงบันได ก็มีผู้หญิงตัวใหญ่เดินเข้ามาหาเขา พอเห็นฟู่ซินหลาง เธอก็ร้องใ “เสี่ยวฟู่ นายเป็อะไรไป? หรือว่าถูกคนอื่นทำร้าย? มุมปากเืออกขนาดนี้!”
พอฟู่ซินหลางเห็นว่าเป็ไป๋เหลียนฮวา เขาก็พยักหน้าอย่างยากลำบาก ตอนนี้เขาพูดไม่ออกเลย
ไป๋เหลียนฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปพยุงเขา ฟู่ซินหลางเดินไม่ไหว ไป๋เหลียนฮวาจึงย่อตัวลงแล้วให้เขาขี่หลัง “รีบหน่อยๆ” จากนั้นเธอก็แบกเขาขึ้นไปชั้นสอง
เมื่อเห็นไป๋เหลียนฮวาโผล่มาแล้วแบกฟู่ซินหลางขึ้นไปชั้นสอง เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมุมมืดชั้นล่างของบ้านตระกูลฟู่ แสงไฟส่องกระทบใบหน้าของบุคคลนั้น จนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็สือเจียงหย่วนนั่นเอง
สือเจียงหย่วนแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างสง่างาม…
เื่ที่อู๋ฮวนจะได้รับโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งเป็พนักงานประจำนั้น เป็เขาที่ปล่อยข่าวลือออกไปเอง เขาคิดว่าคนเ้าเล่ห์อย่างอู๋ต๋าซานจะต้องรีบจัดการหาโควตาให้กับลูกสาวเป็คนแรกอย่างแน่นอน
เมื่ออู๋ฮวนมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง สถานะข้าราชการที่เป็สิ่งที่ฟู่ซินหลางยึดถือก็จะไม่เป็ข้อได้เปรียบอีก ตระกูลอู๋คงไม่สนใจฟู่ซินหลาง แล้วพวกเขาก็จะบังคับให้อู๋ฮวนเลิกกับฟู่ซินหลาง
ความฝันที่ฟู่ซินหลางอยากแต่งงานกับคุณหนู มีพ่อตาเป็คนมีอำนาจคอยหนุนหลังคงสลายไปแล้ว
แน่ล่ะว่าน่าเสียดายอยู่บ้างที่แผนนี้ไม่ได้ลงโทษอู๋ฮวน แต่กลับช่วยให้เธอหลุดพ้นจากเงื้อมมือของฟู่ซินหลางไปได้ นับว่าเป็แผนที่ไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่
แต่อู๋ฮวนไม่ใช่เป้าหมายหลักของการแก้แค้นครั้งนี้ เป้าหมายหลักคือการสั่งสอนสองแม่ลูกฟู่ซินหลางแทนคังอิงที่ถูกพวกเขาทรมานมาตลอดสามปี
ต่อไปนี้พอมีไป๋เหลียนฮวาเข้ามาพัวพัน ชีวิตของฟู่ซินหลางคงจะสุขสบายขึ้นมาก...
สือเจียงหย่วนสอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินไปบนถนนที่สว่างไสวด้วยท่วงท่าผึ่งผาย แผนการในครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังเอาไว้ นี่คงจะเป็การตอบแทนบุญคุณที่คังอิงเคยช่วยชีวิตเขาไว้สินะ
ทำความดีไม่จำเป็ต้องอวดอ้าง [1] สือเจียงหย่วนทำเื่ทั้งหมดนี้โดยไม่คิดจะบอกคังอิงเลยสักนิด ขอแค่คนร้ายได้รับโทษก็พอ
สือเจียงหย่วนผู้มีหัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความยุติธรรมรู้สึกราวกับตนเป็จอมยุทธ์ในนวนิยายของกิมย้ง
คนมากมายต่างก็ชื่นชอบก๊วยเจ๋ง [2] ตัวละครในนิยายของกิมย้ง เพราะคิดว่าเขาเป็คนเที่ยงธรรมและซื่อสัตย์สมกับเป็จอมยุทธ์ แต่ตัวละครที่สือเจียงหย่วนชื่นชอบมากที่สุดกลับเป็เอี้ยก้วย [3]ในนิยายเื่ ัหยกภาคตำนานจอมยุทธ์อินทรี
เอี้ยก้วยมีชีวิตที่น่าสงสาร ตอนเด็กๆ พ่อของเขาเสียชีวิต มีเพียงม๊กเนี่ยมฉื้อผู้เป็มารดาที่เลี้ยงดูเขามาอย่างยากลำบาก
แน่นอนว่าที่เขาชื่นชอบเอี้ยก้วยไม่ใช่เพราะภูมิหลังครอบครัวที่น่าสงสารของเอี้ยก้วย ครอบครัวของเขามีความสุขมากกว่าเอี้ยก้วยมาก ต่อให้บ่อยครั้งที่พ่อของเขามักจะมองว่าเขาเป็ตัวขัดขวางความรักของพ่อแม่ก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ พ่อแม่ของเขาก็ยังคงอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่รักและดูแลเขาอย่างจริงใจโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง
ในนิยายนั้น ครั้งหนึ่งเอี้ยก้วยเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็คนชั่วร้าย เขาเป็คนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีกับความชั่ว จึงไม่ได้รับการต้อนรับในยุทธจักรแห่งความดี แต่สือเจียงหย่วนกลับชอบบุคลิกที่ดูอิสระเสรีและความเป็จอมยุทธ์ที่ยึดมั่นในความถูกต้องของเอี้ยก้วยมากกว่า
หลังจากลาพักงานจากหน่วยงานของรัฐบาลเพื่อไปทำธุรกิจ ชีวิตของเขาก็ไม่ต่างจากเอี้ยก้วย ที่ต้องเผชิญหน้ากับเื่วุ่นวายต่าง ๆ ในยุทธจักรแห่งธุรกิจ หลังจากลงมือสั่งสอนฟู่ซินหลางแทนคังอิง แท้จริงแล้วสือเจียงหย่วนก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกัน
่นี้คังอิงกำลังยุ่งอยู่กับการเป็ตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วตอนนี้ตลาดเป็ของผู้ขาย ซึ่งปริมาณสินค้าไม่เพียงพอต่อความ้า เหมือนว่าสินค้าทุกอย่างจะขาดแคลนไปหมด
แม้ชาวบ้านจะชอบซื้อสินค้ายี่ห้อจากต่างชาติ แต่ไม่ได้หมายความว่าสินค้ายี่ห้อภายในประเทศจะไม่มีตลาด ดังนั้นในการขอสิทธิ์การเป็ตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ขนาดเล็กครั้งนี้ คังอิงไม่มีเส้นสายใดๆ เลยสักนิด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปหาคนรับผิดชอบของบริษัทพวกนั้นที่ไหน
อำเภอหลี่ว์เป็อำเภอหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของเมืองฉวี่เจียง คังอิงคิดว่าอย่างน้อยๆ ในเมืองฉวี่เจียงก็ควรจะมีสำนักงานติดต่อของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแห่ง เธอจึงวางแผนว่าจะไปที่เมืองฉวี่เจียงก่อน เพื่อที่จะได้ไปเยี่ยมบริษัทพวกนั้นทีละแห่ง หากบริษัทไหนไม่มีสำนักงานติดต่อที่เมืองฉวี่เจียง คังอิงจะบุกไปที่สำนักงานใหญ่โดยตรง
ในขณะเดียวกันคังอิงก็กังวลเื่การเช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้า เธอเผลอคุยโม้กับสือเจียงหย่วนไปแล้วว่า จะเช่าโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชั้นสองของห้างสรรพสินค้ามิตรภาพ
แต่การเช่าพื้นที่ร้านค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็ร้านค้าของหน่วยงานรัฐบาล ย่อมต้องไปเจรจากับหน่วยงานระดับสูงที่ดูแล หากหน่วยงานระดับสูงไม่เห็นด้วย แม้แต่ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าก็ไม่อาจทำอะไรได้
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ คังอิงก็มืดแปดด้าน เธอไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน หรือคุยกับใคร
โชคดีที่คังอิงไม่ใช่พวกมือใหม่ในวงการธุรกิจ เธอรู้ว่าในเมื่อเป็หน่วยงานของรัฐบาล ก็ต้องมีหน่วยงานที่ดูแลอยู่
คังอิงเคยรู้ว่าบริษัทการค้าระดับจังหวัดและเทศบาลเป็หน่วยงานระดับสูงที่ดูแลรัฐวิสาหกิจ แต่เธอไม่รู้ว่าในยุค 90 จะเป็เช่นนี้หรือเปล่า
ดังนั้นเธอจึงใช้เงินสิบห้าหยวน ซื้อสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง [4] เล่มหนึ่ง
สมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองเล่มหนานี้มีทั้งเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานรัฐบาล บริษัทขนาดใหญ่ขนาดเล็ก แม้แต่เบอร์โทรศัพท์บ้านของประชาชนก็ยังถูกพิมพ์ไว้อย่างละเอียด บนสมุดรายชื่อยังระบุที่อยู่ของเ้าของเบอร์โทรศัพท์อย่างชัดเจนอีกด้วย
ตามหลักเหตุผล สมุดรายชื่อแบบนี้หากอยู่ในยุคหลังๆ คงนับว่าเป็การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับความเป็ส่วนตัว นอกจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะจะสามารถพิมพ์ที่อยู่ลงไปในสมุดรายชื่อได้แล้ว เบอร์โทรศัพท์บ้านของประชาชนทั่วไปไม่มีทางถูกพิมพ์ลงไปในนั้นได้อย่างแน่นอน
เชิงอรรถ
[1] ทำความดีไม่จำเป็ต้องอวดอ้าง (事了拂衣去 深藏功与名) เป็สุภาษิตจีนที่สอนให้เป็คนถ่อมตัว รู้จักเสียสละ และทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
[2] ก๊วยเจ๋ง พระเอกนิยายเื่ัหยกภาคก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ
[3] เอี้ยก้วย พระเอกนิยายเื่ัหยกภาคตำนานจอมยุทธ์อินทรี
[4] สมุดหน้าเหลือง ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็สมุดโทรศัพท์ที่รวบรวมรายชื่อบริษัทฯ องค์กร เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเอาไว้เป็หมวดหมู่ สมุดโทรศัพท์แยกเป็สองชนิด หากเป็สมุดหน้าขาว จะตีพิมพ์รายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของบุคคลทั่วไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้