วางหนังสือลงในแผงขายของบนเสียนอวี๋เสร็จ หลินหวั่นชิวนำเศษผ้า เส้นด้าย และใยฝ้ายไปใส่ในห้องหัตถกรรม
จากนั้นเลือกทำเป็ผ้าห่มกับผ้าปูที่นอนสองชุด รองเท้าผ้าสี่คู่ ถุงเท้าแปดคู่ หลินหวั่นชิวกะขนาดเอาเอง ทำเป็ชุดผ้าฝ้ายบางขนาด 120 140 160 และ 190 เิเ อีกหนึ่งชุด
นางเห็นแถบความคืบหน้าในห้องหัตถกรรมค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ถึงสิบนาที ของที่นาง้าก็เสร็จหมด พวกมันเข้าไปอยู่ในช่องเก็บของบนเสียนอวี๋โดยอัตโนมัติ
หลินหวั่นชิวรีบหยิบออกมาดูทีละชิ้น ฝีเย็บทำออกมาได้ดีมาก ไม่ต้องพูดถึงผ้าปูที่นอนกับผ้าห่ม หากไม่มองดูอย่างละเอียดก็แทบมองไม่ออกเลยว่าของทั้งหมดทำมาจากเศษผ้า
ส่วนรองเท้ายิ่งมองไม่ออกเข้าไปใหญ่ ไม่ต่างกระไรกับรองเท้าใหม่ที่ขายในร้านค้าเลย
ฮ่าฮ่าฮ่า หลินหวั่นชิวหัวเราะในใจ
นางแยกส่วนของสองพี่น้องตระกูลเจียงไว้ด้านข้าง และใช้ผ้ามาห่อส่วนของตัวเองกับเจียงหงหย่วนก่อนนำไปเก็บภายในตู้
ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแต่ยังมีวัตถุดิบเหลือ หลินหวั่นชิวคิดไม่ออกว่าจะทำสิ่งใดเพิ่มจึงนำวัตถุดิบออกมาก่อน
นางถอนหายใจกับตัวเองอีกครั้งว่า ระบบของเสียนอวี๋จะใช้ดีเกินไปเสียแล้ว หากไม่มีระบบของเสียนอวี๋ การเดินทางทะลุมิติของนางคงลำบากและยากแค้นแสนเข็ญกว่านี้มาก
ต่อมาคือกระดาษที่ตู้ซิวจู๋ให้มา หลินหวั่นชิวตัดกระดาษออกมาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเก็บไว้ในช่องเก็บของบนเสียนอวี๋ เช่นเดียวกับหนังสือที่นางเอากลับมาจากร้านหนังสือ
นางยังไม่อยากให้คนตระกูลเจียงรู้ว่าตัวเองคัดหนังสือเพื่อหาเงิน เพราะก่อนหน้านี้หลินหวั่นชิวยังคิดไม่ออกว่าควรจะอธิบายเื่ที่ตัวเองรู้หนังสือให้ผู้อื่นฟังว่าอย่างไร
“พี่สะใภ้ อาหารเสร็จแล้วขอรับ” ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ เจียงหงหนิงมาเคาะประตู
“เดี๋ยวข้าไปกินที่ห้องครัวเอง” หลินหวั่นชิวยังคงไม่หยุดมือ นางเก็บของเสร็จก็นำพู่กัน หมึก กระดาษและคัมภีร์ตรีอักษรเล่มเก่าที่เถ้าแก่ร้านหนังสือให้มาถือออกจากห้อง
“เจียงหงหนิง!” หลินหวั่นชิวถือของะโไปทางห้องข้างๆ
คงเพราะกลัวกระอักกระอ่วน เจียงหงหนิงมาเรียกหลินหวั่นชิวกินข้าวเสร็จถึงได้เข้าไปแอบในห้อง
เจียงหงหนิงเดินออกมา มองหลินหวั่นชิวอย่างทำตัวไม่ถูก “พี่สะใภ้ มีกระไรหรือ?”
หลินหวั่นชิวยัดของในมือใส่หน้าอกเขา “ข้าซื้อให้พวกเ้า” พูดจบก็เดินเข้าห้องครัว ออกไปจ่ายตลาดั้แ่เช้า ทนหิวมาตั้งนาน
เจียงหงหนิงตะลึงงันเมื่อเห็นของในอ้อมอก
กระดาษ พู่กันและหมึก!
จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดร้าวในลำคอขึ้นมา น้ำตาหยดลงอย่างกลั้นไม่อยู่
หมู่บ้านข้างๆ มีโรงเรียนส่วนตัว เวลาไปเก็บหญ้าจูเฉ่า เขาจะแอบเข้าไปฟังอาจารย์สอนหนังสือที่ใต้กำแพง อิจฉาพวกเด็กๆ ที่ได้ไปเรียนหนังสืออย่างมาก
เขาอยากไปเรียน แต่ก็รู้ถึงสถานการณ์ที่บ้าน ไม่กล้าเอ่ยปากพูดเื่นี้กับต้าเกอ
คิดไม่ถึง
คิดไม่ถึงว่าเจียงหงหนิงคนนี้จะมีวันที่ได้ของพวกนี้เช่นกัน!
เจียงหงหนิงรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เื่จริงเป็เหมือนดั่งความฝัน แค่ข้าวพวกเขายังกินไม่อิ่ม จะกล้าเพ้อฝันถึงกระดาษ พู่กัน และหมึกได้อย่างไรกัน…
เจียงหงหนิงที่ตั้งสติได้รีบวิ่งไปทางห้องครัวเพื่อคืนของให้หลินหวั่นชิว “พี่สะใภ้ ข้าไม่้า พี่สะใภ้เอาไปเปลี่ยนเป็…เป็เสบียงเถิด”
หลินหวั่นชิวไม่ได้เพิกเฉยต่อความดิ้นรนและเสียดายในแววตาของเขา คงจนและอดอยากจนรู้สึกกลัวสินะ ไม่แปลกที่เด็กคนนี้จะตระหนี่ ไม่แปลกที่เขาหน้าดำเมื่อเห็นนางซื้อของกองโตกลับมาบ้าน
หลินหวั่นชิวไม่รับคืน “ข้าให้ก็รับไป เอ้อร์เกอเ้ารู้หนังสือหรือไม่? ถ้ารู้ก็ขอให้เขาสอนเ้า!”
เจียงหงหนิงร้อนใจ “แต่ว่าพี่สะใภ้ บ้านพวกเรา…”
หลินหวั่นชิวมองเขาเย็นๆ “วางใจเถิด ข้ามีวิธีหาเงินของข้า วันหน้าข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเ้าต้องทนหิว ต้าเกอเ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ข้ากำลังตอบแทนเขา! เ้ากับหงป๋อแค่บังเอิญโชคดีไปด้วยเท่านั้น ข้าแยกแยะบุญคุณกับความแค้นออกอย่างชัดเจน!”
พูดจบก็ใช้ตะเกียบชี้ไปที่โจ๊กในชามกับหมั่นโถวเนื้อหยาบในมือ พูดกับเจียงหงหนิงว่า “วันหลังเ้าห้ามต้มโจ๊กเหลวเช่นนี้อีก แล้วก็ ในหมั่นโถวห้ามใส่ธัญพืชเนื้อหยาบมากขนาดนี้! ข้ามีวิธีหาเงิน ตอนอยู่บ้านตระกูลหลินข้าแค่ไม่อยากใช้ความสามารถหาเงินให้หมาป่าที่อยากเอาชีวิตข้าทุกเมื่อฝูงนั้น ตอนนี้…ข้าออกมาจากบ้านตระกูลหลินแล้ว ไม่อยากปฏิบัติต่อตัวเองอย่างไม่ยุติธรรม!”
ถึงเจียงหงหนิงจะพยายามทำตัวเป็ผู้ใหญ่อย่างไรแต่เขาก็ยังคงเป็เด็ก เขาเชื่อว่าที่หลินหวั่นชิวพูดเป็เื่จริง
“ข้าขอเตือนไว้นะว่าห้ามเอาออกไปพูดด้านนอกเด็ดขาด ต้าเกอเ้าไม่ค่อยอยู่บ้าน หากครอบครัวหลินรู้เข้าและบุกมาแย่งของไป พวกเราคงต้านไม่ไหว” หลินหวั่นชิวกำชับเจียงหงหนิงเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
เจียงหงหนิงนึกถึงประสบการณ์บางอย่างของตัวเอง รีบตอบว่า “พี่สะใภ้วางใจเถิด ข้าจะไม่บอกใครทั้งสื้น”
“เอ่อคือ…พี่สะใภ้…ข้าขอบคุณท่านมาก” ถึงจะอายเพียงไร เจียงหงหนิงก็ยังพูดออกมา
เขาพูดจบก็เดินจากไป ไม่กล้าสบตาหลินหวั่นชิว
“เป็กระไรหรือ?” เจียงหงป๋อถามเมื่อเห็นเขาหอบของกองหนึ่งเข้ามา
เจียงหงหนิงวางของลงที่หัวเตียง พูดกับเจียงหงป๋อว่า “พี่สะใภ้ใช้เงินที่แอบเก็บไว้มาซื้อเสบียงเข้าบ้าน ทั้งยังซื้อกระดาษ พู่กันและหมึกให้พวกเรา…”
เจียงหงป๋อเงียบ เขามองของบนหัวเตียง เอื้อมมือไปลูบอย่างสั่นเทา ตลอดหลายปีที่เขาล้มป่วย ไม่มีนาทีไหนที่เขาไม่อยากเรียนหนังสือ
“หงหนิง…พี่สะใภ้เป็คนดี” เจียงหงป๋อพูดขึ้นหลังจากที่ผ่านไปสักพัก “วันหน้าพวกเราต้องมองพี่สะใภ้เป็คนในครอบครัว นางต่างจากสองคนที่หนีไปก่อนหน้านี้”
“อื้ม ข้าเข้าใจแล้วเอ้อร์เกอ” เจียงหงหนิงพยักหน้า ในใจรู้สึกผิดมากเช่นกัน รู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้ปฏิบัติกับหลินหวั่นชิวไม่ดี อีกทั้งยังเกือบทำนางโดนจับถ่วงน้ำ
“เอ้อร์เกอพักผ่อนเถิด ข้าจะไปดูว่าพี่สะใภ้ว่ากินเสร็จหรือยัง ถ้ากินเสร็จแล้วข้าจะได้ล้างชาม”
สายตาเจียงหงป๋อหยุดมองที่ ‘คัมภีร์ตรีอักษร’ เก่าๆ เล่มนั้น “อื้ม เ้าไปเถิด เสร็จแล้วเอ้อร์เกอจะสอนหนังสือให้”
เจียงหงหนิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มทันที “ขอบคุณเอ้อร์เกอ!”
เจียงหงป๋อ “พวกเราควรขอบคุณพี่สะใภ้”
หลินหวั่นชิวไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้ของตัวเองซื้อใจเด็กน้อยทั้งสองได้แล้ว นางคิดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะได้รับการยอมรับจากเด็กทั้งสอง
“พี่สะใภ้วางไว้เถิด ข้าจะเก็บกวาดเอง!” เจียงหงหนิงเข้าห้องครัวมาเห็นว่าหลินหวั่นชิวกินเสร็จแล้วก็รีบเข้ามาเก็บชามและตะเกียบ
หลินหวั่นชิวไม่ใช่คนช่างตามใจเด็กแต่ก็ไม่ใช่คนเสแสร้ง “ได้ เ้าเก็บกวาดเถิด จริงสิ บ่ายนี้อากาศไม่เย็น มีแดดออก เ้าอย่าลืมเปิดหน้าต่างระบายอากาศให้เอ้อร์เกอของเ้าด้วย”
“อื้ม…ข้ารู้แล้วพี่สะใภ้” เจียงหงหนิงอารมณ์ดี เรียกว่าพี่สะใภ้ได้เบิกบานยิ่งขึ้น
หลินหวั่นชิวปิดประตูลงเมื่อกลับห้อง นอนหลับบนเตียงงีบหนึ่งแล้วลุกมาอ่านคัมภีร์หลุนอวี่[1]
นางคุ้นเคยกับคัมภีร์หลุนอวี่ไม่เท่ากับตำราตรีร้อยพัน ก่อนคัดจึงต้องอ่านทั้งหมดก่อนหนึ่งรอบ แม้จะเป็อักษรตัวจีนตัวเต็ม แต่เมื่อก่อนผลงานส่วนใหญ่ที่นางคัดด้วยปากกาก็เป็อักษรจีนตัวเต็มอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่มีอุปสรรคแม้แต่น้อย
เชิงอรรถ
[1]คัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เป็คัมภีร์ของสำนักขงจื้อ