“เชี่ยแล้ว ผู้ดูแลกลุ่มของพวกเราถูกถอนออกหมดแล้ว ตอนนี้มีแค่เฉินเฟิงที่เป็หัวหน้ากลุ่ม” ในกลุ่มก็รีบมีคนโวยวายขึ้นมาทันที หัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทั้งชั้นเรียนคือเฉินเฟิง คนอื่นๆ ที่มีผู้ดูแล พวกเขาก็พบว่าหัวหน้ากลุ่มได้เพิกถอนอำนาจการดูของพวกเขาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีผู้ดูแลคนอื่นๆ แล้ว ในระหว่างที่ด่ากระทบกระเทียบกัน รูปโปรไฟล์ของเฉินเฟิงก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีเทา
ฉันดูแบบสอบถามแค่ครู่เดียว หลังจากนั้นก็ปิดโทรศัพท์มือแล้วนอนต่อ แบบสอบถามเช่นนี้ฉันไม่อยากร่วมโหวตด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญชาตญาณมันบอกว่า ฉันเกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อแบบสอบถามนี้ ซึ่งเป็ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่แม้แต่ฉันก็พูดไม่ออก
เช้าตรู่ของวันที่สอง หลังจากที่ฉันตื่นนอนก็รีบเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วเข้าใช้งาน QQ กลับพบว่าการโหวตในกลุ่มได้สิ้นสุดลงแล้ว คนที่เลือกหลี๋หยู่เสวียนมีมากที่สุด ก็มีเพียงแค่ 3 เสียงเท่านั้น ดูแล้วคนส่วนใหญ่ในกลุ่มไม่ได้สนใจแบบสอบถามนี้
กลับมาถึงห้องเรียน ทุกคนเตรียมพร้อมเข้าเรียนแล้ว หวางอู่กำลังร้องคำรามอยู่ในห้องเรียน เขาแผดเสียงก้องพูดกับเพื่อนๆ ที่รายล้อมว่า “แบบสอบถามในกลุ่มคือฝีมือใคร? คือใครที่เข้าใช้งานแอคเค้าท์ของเฉินเฟิง? ถ้าแน่จริงก็ก้าวออกมาสิ! ”
ไม่มีใครตอบเขา ทุกคนล้วนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ หลี๋หยู่เสวียนนั่งอยู่ที่โต๊ะของตน สีหน้ามีความโกรธแค้น
“พวกเธอว่าแบบสอบถามเมื่อวานคือยังไงกันแน่? เป็การเล่นพิเรนทร์จริงเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าผีหลอกเหรอ”
“เป็ไปไม่ได้ โรงเรียนของพวกเราไม่เคยมีเื่ผีปรากฎ”
“ถ้าสิ่งที่ข้อความข้างบนพูดเป็เื่จริง หากไม่ทำตามเช่นนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าจะต้องตายจริงๆ”
คนในชั้นเรียนยังกระซิบกระซาบกันอยู่ หลี๋หยู่เสวียนกลับรู้สึกว่าเื่นี้ไม่มีค่าควรแก่การมอง ครูประจำชั้นได้เดินเข้าชั้นเรียนมาทันที เธอมองพวกเราด้วยความหม่นหมอง หลังจากนั้นเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันรู้ว่าจิตใจของทุกคนเป็ทุกข์มาก แต่ทว่าเื่ของเฉินเฟิงเป็เพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น หลังจากนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ทุกคนควรจะคิดถึงเื่เรียนกัน”
พูดเสร็จเธอก็เริ่มสอน ทุกอย่างเป็ปกติ ไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จนกระทั่งถึงตอนบ่าย หลี๋หยู่เสวียนก็สุขสบายดี ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งก็ทำให้พวกเรารู้สึกโล่งใจ
ในเวลาดังกล่าว นักเรียนหญิงสองสามคนพูดกับหลี๋หยู่เสวียนอย่างเงียบๆ
“เธอน่าจะทำตามแบบสอบถามในกลุ่มนะ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเื่ขึ้นจริงๆ ก็เป็ได้”
แต่ทว่าหลี๋หยู่เสวียนส่ายหน้าอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย เธอขมวดคิ้วยืนขึ้นและะโว่า “พอได้แล้ว นี่ก็เป็เพียงแค่การเล่นพิเรนทร์เท่านั้น ทุกคนไม่ต้องระแวงไปต่างๆ นานา”
กวานเหยาที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนขึ้นพูดว่า “พูดไม่ผิด แบบสอบในกลุ่มจะต้องเป็ฝีมือของเพื่อนคนใดหนึ่งในชั้นเรียนแน่นอน เขาเข้าใช้งานแอคเค้าท์ของเฉินเฟิงแล้วมาขู่ขวัญพวกเรา ทุกคนอย่าไปหลงกล” ซึ่งเธอก็เป็ดาวของชั้นเรียนคนหนึ่ง ในเวลานี้ใบหน้าที่งดงามของเธอมีความโกรธแค้น
นักเรียนชายอีกสองสามคนก็พูดตามกันว่า “พูดไม่ผิด”
ครั้นแล้ว เพื่อนๆ ก็เริ่มเรียนต่อ วันนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ตอนเย็นในกลุ่มก็ไม่มีแบบสอบถามใหม่ปรากฏเหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้ทุกคนในชั้นเรียนโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
เช้าวันที่สอง ฉันเพิ่งมาถึงห้องเรียนก็เห็นหลี๋หยู่เสวียนกำลังคุยโวอยู่กับเพื่อนของเธออย่างภาคภูมิใจ
“ฉันพูดไว้ั้แ่แรกแล้วเถอะ แบบสอบถามในกลุ่มเป็เพียงแค่ฝีมือของคนที่เข้าใช้งานแอคเค้าท์ของเฉินเฟิง แต่ทว่ากลุ่มของชั้นเรียนของพวกเราไม่สามารถใช้ได้แล้ว และฉันก็ได้สร้างกลุ่มใหม่แล้ว”
“งั้นก็เอาอย่างนี้เถอะ พี่หยู่เสวียนสุดยอดจริงๆ ในเวลานั้นหลังจากที่เฉินเฟิงเข้าใช้งาน ฉันใจนค้างไปเลย ซึ่งยังเข้าใจว่าเป็ผี”
“ผีอะไรไม่มีจริงหรอก อย่าตลกเลย” หลี๋หยู่เสวียนพูดอย่างรู้สึกว่าไม่ควรค่าแก่การมองด้วยใบหน้าที่งดงาม หลังจากนั้นเธอก็กลับไปที่นั่งของตนในท่ามกลางสายตาที่เลื่อมใสของกลุ่มเพื่อนนักเรียนหญิงจำนวนมาก
ตลอดทั้ง่เช้าไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น คาบเรียนที่ 2 ใน่บ่าย ในระหว่างคาบเรียนก็มีเสียงเอะอะโวยวายในชั้นเรียน ต่างคนต่างก็กำลังพูดคุยกัน
พวกเราชั้นม.5/5 สายศิลป์ นักเรียนชายนอกจากเฉินเฟิงที่ตายแล้ว ยังมีอีก 18 คน นักเรียนหญิงมี 35 คน อาจกล่าวได้ว่าจำนวนนักเรียนหญิงมีมากกว่านักเรียนชายเกือบเท่าตัว นักเรียนชายในชั้นเรียนส่วนใหญ่ล้วนมีแฟนกันหมดแล้ว
แต่น่าเสียดาย ฉันกับหลี่โม่ฟ๋านถือเป็ส่วนน้อยที่ยังไม่มีแฟน
บนแท่นพูดหน้าชั้นเรียน กวานเหยาถือแปรงลบกระดานพลางพูดว่า “หลี๋หยู่เสวียนวันนี้เป็เวรลบกระดานของเธอแล้ว” เธอเป็คณะกรรมการงานห้องเรียน
หลี๋หยู่เสวียนหันหน้าและเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดว่า “รู้แล้ว” เธอกำลังพูดคุยกับเพื่อนๆ อยู่ที่โต๊ะอย่างมีความสุข ซึ่งไม่ค่อยสมัครใจนัก หลักจากที่เธอลุกจากที่นั่งอย่างอ้อยอิ่ง และก็เดินไปที่กระดาน แต่หลังจากที่มาหากวานเหยา เธอก็ไม่ได้รับแปรงลบกระดานจากมือของกวานเหยา แต่ได้เดินตรงไปที่บริเวณหน้าต่าง
“จริงๆ เลยเธอเนี่ย ไม่อยากทำก็พูดมาตรงๆ สิ ฉันทำเองก็ได้” กวานเหยาขมวด แต่ทว่าเธอมีนิสัยอ่อนโยน และก็ไม่ได้ตำหนิหลี๋หยู่เสวียน ก็แค่หันหน้าไปลบกระดานเอง
ณ เวลานี้ ทันใดนั้นหลี๋หยู่เสวียนก็เปิดหน้าต่างที่อยู่ทางด้านซ้ายของแท่นพูดหน้าชั้นเรียน โดยเปิดกว้างทั้งหมด ซึ่งในห้องเรียนจะไม่อนุญาต เพราะว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
“เธอเปิดหน้าต่างทำไม” กวานเหยาถาม
หลี๋หยู่เสวียนไม่ตอบ จากเมื่อกี้จนถึงตอนนี้ เธอไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว แต่ฉันมองดูท่าทางของเธออยู่ ความรู้ไม่สงบในใจฉันได้ทะลักขึ้นอย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง และความรู้สึกเช่นนี้ก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ฉันรีบยืนขึ้นแล้วพูดว่า “แย่แล้ว รีบหยุดเธอเดี๋ยวนี้! ”
คนอื่นๆ ในห้องเรียนก็พบว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว และลุกขึ้นอย่างรีบร้อนเพื่อที่จะหยุดหลี๋หยู่เสวียน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หลังจากที่หลี๋หยู่เสวียนหันหน้ามาแล้วทิ้งรอยยิ้มที่ซึมเศร้าจนน่าขนลุกขนพองไว้ให้ทุกคน หลังจากนั้นก็ะโหน้าต่างลงไป
“อย่า!” นักเรียนที่รายล้อม้าจะดึงตัวเธอไว้ แต่ทว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว ร่างของหลี๋หยู่เสวียนได้หายวับไปในห้องเรียน
“หลี๋หยู่เสวียนะโตึกแล้ว!”
ภายในห้องเรียนได้มีเสียงร้องที่หวาดผวาของนักเรียน ด้านนอกยังมีเสียงของสิ่งของที่หนักหน่วงตกสู่พื้น พร้อมด้วยเสียงที่หนักหน่วง ทุกคนในห้องเรียนล้วนมองไปทางหน้าต่างอย่างบ้าคลั่ง
ชั้นม.5/5 ของพวกเราอยู่ชั้น 5 ความสูงขนาดนี้ก็ทำให้ตายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลี๋หยู่เสวียนที่เอาศีรษะดิ่งลง ร่างของหลี๋หยู่เสวียนที่อยู่บนพื้นทั้งเืทั้งเนื้อสับสนปนเปกันไปหมด โดยเฉพาะศีรษะของเธอได้แตกออก เืที่แดงฉานไหลออกมาจากร่างของเธออย่างไม่หยุด บนพื้นเต็มไปด้วยเื สถานการณ์ตอนนี้น่าสยดสยองจนดูไม่ได้ เมื่อมองเหตุการณ์อันโหดร้ายทารุณที่อยู่เบื้องหน้านี้ สีหน้าของทุกคนก็ขาวซีดไปเลย
ทำไมหลี๋หยู่เสวียนถึงได้ะโตึกอย่างกะทันหันเช่นนี้ เมื่อสองสามนาทีก่อนหน้านี้เธอยังพูดคุยกันอยู่กับเพื่อนๆ อยู่เลย ดูท่าจะคุยสนุกสนานกันมาก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็ศพที่เย็นเยือก
ฉันรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่หยุด คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่าง ซึ่งอยู่เื้ัของเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องเรียน
ทันใดนั้นก็มีนักเรียนหญิงที่สติแตกคนหนึ่งะโด้วยความบ้าคลั่งว่า “นี่คือคำสาปที่อยู่ในกลุ่ม เริ่มจากการตายของเฉินเฟิง ต่อมาเป็หลี๋หยู่เสวียน หลังจากนี้ก็จะถึงคราวของพวกเราแล้ว” และสีหน้าของเพื่อนๆ ที่รายล้อมต่างก็เปลี่ยนไป
หลี่โม่ฟ๋านดึงมือฉัน พูดเป็เสียงสั่นว่า “เื่นี้เป็อย่างไรกันแน่?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉันส่ายหน้าพลางพูดอย่างตื่นตระหนกใ ความตายได้แผ่คลุมทุกๆ คนในห้องเรียน ระยะเวลาเพียงแค่ 2 วันคิดไม่ถึงว่าจะมีคนตายแล้ว 2 คน
เดิมทีเป็เพียงแค่แบบสอบถามที่ล้อเล่นกันเท่านั้น แต่กลับก่อให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ค่อยๆ กลายเป็ฝันร้ายที่ทำให้พวกเราไม่มีทางหลบหนีได้
ซึ่งในเวลานี้ นักเรียนที่อยู่ข้างๆ ะโด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวว่า “พวกเธอดูในกลุ่มสิ มีแบบสอบถามใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว!”
พวกนักเรียนที่มีโทรศัพท์มือถือก็รีบเปิดโทรศัพท์เข้าใช้งาน QQ ฉันก็รีบเปิดโทรศัพท์เหมือนกัน เป็กลุ่มใน QQ จริงๆ แบบสอบถามในกลุ่มใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว ยังคงเป็เฉินเฟิงที่เป็ผู้ส่ง หัวข้อของแบบสอบถามยังคงเหมือนกับเมื่อวาน จะต้องเลือกข้อใดข้อหนึ่งจากตัวเลือก 2 ข้อด้านล่างนี้
ข้อ1 เซียวหนานจะต้องเต้นรำต่อหน้าเพื่อน
ข้อ2 เฟิ๋งเฉินเฉินจะต้องะโหน้าต่างห้องเรียน
ดูรายการที่ต้องเลือกตรงหน้าฉันอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี่คืออะไร” สีหน้าของหลี่โม่ฟ๋านที่อยู่ข้างก็ประหลาด “ไม่คาดคิดว่าจะให้เซียวหนานเต้นรำต่อหน้าทุกคน? อีกข้อหนึ่งก็ยิ่งไม่เป็ไปตามครรลอง ให้เฟิ๋งเฉินเฉินะโหน้าต่างห้องเรียน นี่ไม่ใช่ให้เขาฆ่าตัวตายเหรอ?”
เซียวหนานมีหน้าตาที่สวยหวาน เป็ผู้หญิงที่นิสัยอ่อนโยน ในเวลานี้เธอมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่ขาวซีด พูดด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัวว่า “เป็ไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่เื่จริง?”
และเฟิ๋งเฉินเฉินก็ยิ่งใจนค้างไปแล้ว เธอมองดูโทรศัพท์มือถือของตนเอง ด้วยอาการปากสั่นจนพูดไม่ออก