หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับร่างกายของซูจิ่นซีแล้วเยี่ยโยวเหยาจึงวางใจและออกไปทำงาน
ซูจิ่นซีเพิ่งได้รับทักษะจากดอกปี่อั้นจึงรู้สึกแปลกใหม่เป็อย่างมาก นางนั่งหลับตาอยู่ในลานฟังเสียงแปลกประหลาดเ่าั้ที่เกิดขึ้นโดยรอบ
เรือนที่อาศัยอยู่ด้านข้างคงเป็ครอบครัวของขุนนาง ผู้เป็นายท่าน้ารับอนุเพิ่มทว่าฮูหยินและเหล่าอนุไม่ยินยอม จึงเกิดการทะเลาะกันเสียงดังโวยวาย ผลสุดท้ายกลับพบว่าฮูหยินของตนลอบคบชู้กับผู้อื่น
นอกจากนั้นยังมีเด็กสองคนกำลังเล่นต่อสู้กันในตรอกนอกกำแพง เด็กคนหนึ่งแพ้ทว่ากลับไม่รู้ว่าการเล่นต่อสู้ของเขานั้น แท้จริงแล้วถูกคนลงมือจัดการลับหลัง
อีกทั้งยังมีคนหาบเร่แผงลอยบางส่วนนอกประตูกำลังส่งเสียงด้วยความเบิกบานเป็อย่างมาก
และแม่นมฮวาที่กำลังหยอกลวี่หลีอยู่ในครัว นางสอนลวี่หลีว่าหลังจากนี้ให้จัดการอย่างไรกับชายของตนเองลวี่หลีจึงหน้าแดงหูแดง เขินอายเป็อย่างยิ่ง
ฮ่าฮ่าฮ่า ที่แท้โลกช่างสวยงามเสียจริง
ซูจิ่นซีศึกษากำไลดอกปี่อั้นอยู่นาน นางพบว่าเกสรที่อยู่ตรงกลางของดอกปี่อั้นบนกำไลข้อมือนั้นมีกลไกเมื่อหมุนเกสรก็เหมือนการกดปุ่มวิทยุอย่างไรอย่างนั้น สามารถปรับระดับเสียงดังเบาให้เหมาะสมได้
ซูจิ่นซี้าฟังเหตุการณ์บริเวณใกล้ๆ ก็สามารถฟังได้ หาก้าฟังเื่จากที่ไกลสักหน่อยก็สามารถทำได้เช่นกัน ทว่าไม่สามารถไกลเกินกว่าขอบเขตที่กำหนด นอกจากนั้นยังมีการปรับระดับเสียงหากไม่้าได้ยินก็สามารถขันเกสรดอกไม้ให้ปิดสนิท เหมือนกับการได้ยินแบบปกติธรรมดา
หึ ที่แท้ของเล่นนี้ยังเป็วิทยาศาตร์ระดับสูง! เหมือนได้รับคลื่นวิทยุที่ไม่จำกัดอย่างไรอย่างนั้น
ทันสมัยเสียจริง
ซูจิ่นซีพลิกกำไลดอกปี่อั้นกลับไปกลับมา ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายที่แต่งกายด้วยชุดขุนนางเต็มยศ
เป็คนจากคุกหลวง “คำนับพระชายา! ”
ซูจิ่นซีหัวเราะเ็า “หึหึ ไม่ใช่ว่าฝ่าาของพวกเ้าเกิดตระบัดสัตย์เห็นดอกบัวเป็กงจักรจึงคิดจะจับข้าเข้าคุกใช่หรือไม่? ”
“พระชายาเอาที่ใดมาพูดพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?” พัศดีผู้นี้คงเป็ขุนนางที่อยู่ด้านในคุกหลวง คำพูดดูมีมาตรฐาน“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ บิดาของท่าน หรืออดีตผู้นำสำนักหมอหลวงซูได้ก่อเื่ขึ้นในคุกหลวงดังนั้นที่ข้าน้อยมาวันนี้ก็เพื่อเชิญท่านเข้าไปอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้เนื่องจากหลักฐานของเยี่ยโยวเหยา ฮ่องเต้จึงไม่สามารถจับสกุลซูเข้าคุกได้ทว่าพระองค์กลับพบข้ออ้างที่จะโยนความโกรธของตนไปที่ซูจ้ง ฮ่องเต้ได้ส่งตัวซูจ้งเข้าคุกหลวงโทษฐานที่รักษาโรคและวินิจฉัยโรคของฮองเฮาผิดพลาด
เขาก่อเื่ในห้องขังอย่างนั้นหรือ?
“เกิดเื่อันใดขึ้น? ” ซูจิ่นซีถาม
“ผู้นำสำนักหมอหลวงซูฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะ! ”
ฆ่าตัวตายหรือ?
คราแรกซูจิ่นซีรู้สึกแปลกใจ ทว่าไม่นานก็เข้าใจ คนอย่างซูจ้งนั้นเห็นแก่ตัวเป็อย่างยิ่งเขาจะคิดฆ่าตัวตายได้อย่างไร?
เขาสามารถถือมีดมาฟันบุตรสาวของตนได้ยอมแทงผู้อื่นตายดีกว่าแทงตนเองให้ตาย
“ในเมื่อฆ่าตัวตายแล้ว พวกเ้าก็เพียงลากไปฝัง! หรือไม่ก็ให้คนของสกุลซูไปเก็บศพมาหาข้าก็เปล่าประโยชน์! ”
ใบหน้าของพัศดียังคงยิ้มร่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ผู้นำสำนักหมอหลวงซูถึงแม้จะฆ่าตัวตายทว่ากลับไร้ผล เขาถูกทหารในคุกหลวงช่วยชีวิตลงมาได้”
เช่นนั้นก็น่าขันแล้ว!
ซูจิ่นไม่พูดไม่จา แสดงออกอย่างชัดเจนมากว่าไม่ไป!
พัศดียิ้มร่าเดินไปยังข้างกายของซูจิ่นซีและกระซิบว่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะผู้นำสำนักหมอหลวงซูบอกว่า เขามีเื่ที่ต้องพูดกับพระองค์หากพระองค์เห็นสิ่งนี้จะต้องไปพบเขาอย่างแน่นอน”
ขณะที่พูดอยู่ พัศดีก็หยิบของบางอย่างออกมาจากอ้อมอกของเขา
เมื่อซูจิ่นซีเห็นของสิ่งนั้น ดวงตาก็ปรากฏความซับซ้อนขึ้นมาในทันใด
“พระชายา ผู้นำสำนักหมอหลวงซูบอกว่า ถ้าพระองค์ไม่ไป หากเขาตายพระองค์จะไม่ได้สิ่งใดเลยพ่ะย่ะค่ะ”
พัศดีผู้นี้ถูกซูจ้งติดสินบน
“เ้าช่างเป็สุนัขที่ดีของซูจ้ง! ”
ซูจิ่นซีแย่งของในมือของพัศดีมา
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ซูจิ่นซีก็มาถึงยังคุกหลวง
นี่คือคุกหลวงที่ใหญ่ที่สุดในจงหนิง ทั้งยังเป็คุกหลวงที่มีอำนาจสูงสุด คนส่วนใหญ่ในคุกเป็นักโทษที่ได้รับการสอบสวนโดยศาลต้าหลี่ซึ่งเป็หน่วยงานด้านกฎหมายอาญาสูงสุดแห่งแคว้นจงหนิง
คุกทุกแห่งต่างมีคนเฝ้ารักษาการั้แ่ทางเข้าจนถึงด้านใน บรรยากาศทั้งมืดและเปียกชื้นมืดจนกระทั่งไม่รู้วันรู้คืน
ระหว่างทางจะแขวนเครื่องมือทรมานนักโทษไว้หลายชุด พวกมันส่งกลิ่นเหม็นคาวทำให้ผู้ที่มองเกิดความรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อผ่านมายังทางเข้าห้องมืด ซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่คุ้นเคยเป็เสียงของบุรุษเพศ ทว่าไม่ใช่เสียงของซูจ้ง
ซูจิ่นซีคิดไม่ออกว่าผู้ใดคือเ้าของเสียงนี้ นางค่อยๆกดปุ่มบนกำไลดอกปี่อั้น ทว่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซูจิ่นซีก็รีบกดปิดทันที
ใบหน้าแทบซีดเผือกด้วยความใ
หนู หนูจำนวนมาก มีประมาณร้อยถึงเกือบพันตัว ทั้งยังเป็หนูที่หิวโซเหมือนไม่ได้กินอาหารมาเป็เวลานาน
หนูสำหรับสำเร็จโทษหรือ?
ขังผู้ใดไว้ด้านในกัน คาดไม่ถึงว่าจะใช้กฎหมายป่าเถื่อนเช่นนี้กับเขา?
“ขังผู้ใดไว้ข้างใน? ” ซูจิ่นซีถามขึ้น
พัศดีที่เดินตามซูจิ่นซีเข้ามามีใบหน้าลำบากใจเล็กน้อย ท่าทางลังเล อึกๆอักๆ ไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้
ทว่ากลับเป็ทหารที่เฝ้าหน้าประตูห้องมืดพูดขึ้นว่า “ทูลพระชายาผู้ที่ถูกขังอยู่ข้างในเป็องครักษ์หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเฟิง?
ซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะเหลือบมองไปยังทหารผู้นั้น พบว่าเขาแต่งกายแตกต่างจากทหารคนอื่นๆในห้องขังนี้ หลังจากดูอย่างละเอียดก็พบว่าเป็คนข้างกายของเยี่ยโยวเหยา ตอนอยู่ที่ด่านปราการประตูเจิ้นเป่ยนางเคยเห็นเขายืนอยู่ข้างกายของฉินเทียน
มิน่าเล่า เมื่อพูดกับซูจิ่นซีจึงไม่มีท่าทีห่างเหินที่แท้ก็เป็คนของตนเอง
“หลินเฟิงถูกขังอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เขาทำเื่ผิดอันใด?”
“ทูลพระชายา ครั้งก่อนที่ท่านอ๋องมีรับสั่งปะาชีวิตซูเมิ่งเหยา เป็หลินเฟิงที่ปล่อยตัวซูเมิ่งเหยาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนไม่ชัดเจน เื่นี้องครักษ์ฉินพึ่งจะทราบเมื่อไม่กี่วันก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ซูเมิ่งเหยาและหลินเฟิงเป็ชู้กัน?
เื่นี้ค่อนข้างซับซ้อน ซูเมิ่งเหยาเป็ผู้ที่มีความทะเยอทะยานมากผู้หนึ่งนอกจากนั้นนางยังชอบเยี่ยโยวเหยาด้วย!
เป็หลินเฟิงที่ตกหลุมรักซูเมิ่งเหยาใช่หรือไม่?
ซูจิ่นซีเข้าใจแล้ว เยี่ยโยวเหยานำตัวหลินเฟิงมาขังไว้ที่นี่ และตั้งใจลงโทษเขาด้วยหนูเยี่ยโยวเหยากำลังเปลี่ยนวิธีลงโทษซูเมิ่งเหยา!
เพราะซูเมิ่งเหยาก็ถูกขังอยู่ในคุกหลวงด้วยเช่นกัน
ซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะมองผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้าไปยังห้องมืดด้านในทันใดนั้นช่องท้องก็ราวกับมีน้ำไหลย้อนขึ้นมา อีกนิดก็เกือบจะอาเจียนแล้ว
หลินเฟิงถูกหนูพวกนั้นแทะกินเป็อาหาร มันเปลี่ยนโฉมหน้าเขาไปจนจำแทบไม่ได้เืและเนื้อหนังปะปนกันไปทั่ว
“ซูจิ่นซี... โอ้ย! ”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง ฟังดูน่าขนลุกและน่ากลัวยิ่งนัก
ซูจิ่นซีหันไปมองก็เห็นคนผู้หนึ่งที่ผมยาวสยาย มีใบหน้าดุร้าย กำลังทำท่าทางแปลกๆนางกางนิ้วทั้งห้าเกาะบนรั้วในห้องขังราวกับผีอย่างไรอย่างนั้น และจ้องมองมาทางซูจิ่นซี
เมื่อซูจิ่นซีกะพริบตาดูก็ถึงกับต้องใ ทว่าหลังจากใช้เวลามองนานขึ้นเล็กน้อยภายในใจของซูจิ่นซีก็สงบลง
“ซูเมิ่งเหยา เ้าเคยใช้ยาพิษเ่าั้กับข้ามาก่อนใช่หรือไม่? ไม่คิดว่าเ้าจะมีวันนี้ได้”
“ซูจิ่นซี ข้าเกลียดที่ไม่ได้วางยาพิษให้เ้าตาย เพียงทำให้ใบหน้าของเ้าเสียโฉมเท่านั้นหากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะให้เ้ากินพิษทะลุลำไส้อย่างแน่นอน จะทำให้รูทวารทั้งเจ็ดของเ้าต้องหลั่งเืให้เ้าได้รับความเ็ปทรมานอย่างถึงที่สุด”
“น่าเสียดาย เ้าไม่มีวันได้รับโอกาสอีกแล้ว! ” ซูจิ่นซีพูดขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้ซูเมิ่งเหยาเล็กน้อย “พี่หญิงสี่เช่นนั้นข้าจะให้เ้าทานก่อนสักหน่อย จะได้ให้เ้าช่วยชิมว่ารสชาตินั้นเป็อย่างไร?”
“ซูจิ่นซี ข้าอดใจรอที่จะกินเนื้อและดื่มเืของเ้าไม่ไหวแล้ว! ”
ซูเมิ่งเหยาพูดเสียงดัง โผตัวเข้าหาซูจิ่นซี ทว่าน่าเสียดายที่ด้านหน้าเป็รั้วแข็งกั้นไว้ศีรษะของซูเมิ่งเหยาจึงชนเข้าที่รั้ว ทันใดนั้นนางก็ล้มลงกับพื้น