หลินหยางที่ยืนเผชิญหน้ากับต้วนเทียนหยาอยู่นั้น
เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในใจกลางมหาสมุทรแห่งความสิ้นหวังรอบข้างเขานั้นมีแต่บรรยากาศอันเย็นเยือกและทรงพลังของอีกฝ่ายที่แผ่กระจายไปทั่วจนแทบจะหายใจไม่ออก
แกร่งมาก!!
ต้วนเทียนหยาที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หลินหยางจะเคยพบมาในชีวิตที่เกิดใหม่หลังความตายนี้อีกทั้งตอนที่หลินหยางใช้พลังเนตรเพลิงสุพรรณเพื่อไปตรวจสอบระดับความสามารถของอีกฝ่ายอยู่นั้นความรู้สึกแปลกประหลาดนั่นก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
เป็ความรู้สึกแบบที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็อย่างไรราวกับตัวตนของต้วนเทียนหยางที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นช่างดูเลือนรางเหลือเกิน แต่ก็ดูทรงพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
เขาดูเหมือนจะไม่ได้มีความสามารถแค่ระดับอวิ้นหลิงเท่านั้นเหมือนจะอยู่เหนือไปกว่านั้นแต่ในสายตาของเขากลับเห็นพลังที่ปล่อยออกมาอยู่แค่ในระดับอวิ้นหลิงเสียอย่างนั้น
นี่เป็ครั้งแรกที่วิชาเนตรเพลิงสุพรรณของเขาเห็นปรากฏการณ์แบบนี้แต่เขาไม่มีเวลาให้คิดวิเคราะห์มากไปกว่านี้แล้วเพราะแรงกดดันอันหนักอึ้งดุจขุนเขานั่นทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“หลินอี้!! แค่เ้าคนเดียวเกรงว่าจะไม่อาจต้านทานพลังของมันได้...สถานะของเ้าตอนนี้สำคัญมาก จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงไม่ได้!!”
เวินติ่งเทียนขมวดคิ้วแน่นพูดออกมา เขาไม่กล้าปล่อยให้หลินอี้ออกไปรับท่าพิฆาตของต้วนเทียนหยาเลย
เวินชิงชิงเองก็รีบพูดขึ้นมาว่า “เ้าโง่รึเปล่าหลินอี้!! เ้านั่นไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องรับคนเดียวถ้าพวกเราทั้งยี่สิบคนช่วยกันละก็ มีหรือจะไม่สามารถต้านรับหนึ่งฝ่ามือของมันได้!!”
พวกเวินเทาเองก็พูดขึ้นมาว่า “นั่นสิ ผู้าุโหลิน พวกเราช่วยรับดีกว่า!!”
หั่วเอ๋อร์ที่ยืนเอาปีกคลุมตัวอยู่บนไหล่ของหลินหยางก็ร้องขึ้นมาว่า“แกว๊กแกว๊ก ให้ข้าลงมือช่วยไหมเล่า!! แค่เ้าเอาศพของราชสีห์เก้าเศียรออกมาให้ข้า...ข้าจะช่วยเ้าจัดการเ้าหมอนั่นให้เอง!!”
น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความเป็ห่วง
แม้แต่หั่วเอ๋อร์ที่ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนกำลังทำเนียนปล้นคนตอนไฟไหม้ก็ตามแต่หลินหยางก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันของอสูรที่ปล่อยออกมาจากตัวของหั่วเอ๋อร์คอยต้านทานแรงกดดันน่าหวาดหวั่นของต้วนเทียนหยาอยู่
เ้านกตัวนี้นี่ ถึงปกติจะดูบ้าๆ บอๆ ก็ตามแต่พอถึงยามคับขันขึ้นมาจริงๆ ก็นับว่ามันใจเด็ดใช้ได้
แต่หลินหยางนั้นกลับส่ายหัวออกมาเบาๆจากนั้นแหวนพระสุเมรุก็เปล่งแสงอกมา แล้วชุดเกราะสีดำก็ปรากฏขึ้นบนตัวของเขา
ขณะเดียวกันพลังฟ้าดินรูปแบบเปลวเพลิงก็เริ่มไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขาหลังจากที่ได้รับการเสริมพลังจากชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬแล้ว ก็เริ่มปรากฏประกายแสงสีแดงเข้มบนผิวนอกของเขาจนสามารถสกัดกั้นแรงกดดันของต้วนเทียนหยาเอาไว้ได้
หลินหยางส่งสายตาไล่ให้หั่วเอ๋อร์ไปไกลๆ พร้อมกับพูดกับมันด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความห้าวหาญว่า“คนอื่นไม่เชื่อฝืมือข้าข้าไม่แปลกใจ แต่เ้าอย่ามาทำเนียนขอของกินแบบนี้ เ้าก็รู้อยู่รู้แล้วว่าระดับอวิ้นหลิง...ทำอะไรข้าไม่ได้!!”
ระดับอวิ้นหลิง ทำอะไรข้าไม่ได้!!
คำพูดประโยคนี้้าจะบอกให้พรรคพวกของเขาได้ยินและก็เป็พวกเวินติ่งเทียนใจนอึ้ง
พวกเขาไม่รู้ว่าขีดจำกัดสูงสุดของชุดเกราะนี้มันแข็งแกร่งมากแค่ไหนถึงแม้ว่าเมื่อวานหลินหยางจะแสดงความสามารถของชุดเกราะออกมาให้ดูแล้วก็ตามแต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้บอกความสามารถที่แท้จริงออกมาทั้งหมดแต่เกรงว่าครั้งนี้เขาคงต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีของชุดเกราะสีดำนี้ในการเผชิญหน้ากับต้วนเทียนหยาแล้ว
“เชอะถ้าจะตายก็อย่าลืมยกเลิกพันธสัญญาิญญานั่นด้วยเล่า ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ข้าลำบากได้...”
หั่วเอ๋อร์ที่ถูกอ่านออกก็ถลึงตาโตใส่หลินหยางจากนั้นมันก็บินกลับไปอยู่บนไหล่ของเวินชิงชิงอีกครั้ง ดูจากท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนของมันแล้ว...
ระดับอวิ้นหลิงดูท่าจะไม่ได้เป็ปัญหากับหลินหยางมากขนาดนั้นจริงๆ
พวกคนรอบข้างถึงเริ่มวางใจได้บ้างแล้วตอนนี้
แต่ขณะเดียวพวกเขาก็ต้องรู้สึกทึ่งกับความแข็งแกร่งของชุดเกราะนี่อีกครั้งมันจะโกงเกินไปแล้ว
หลินหยางหันไปมองทางต้วนเทียนหยา ยกสองมือขึ้นคารวะ “เชิญท่านผู้าุโลงมือเถอะ“
หลินหยางรู้ว่าต้วนเทียนหยามีจุดประสงค์อะไรอีกฝ่าย้าจะโค่นตระกูลเวินลงภายในหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น
แต่เขาเองก็้าจะประกาศให้ต้วนเทียนหยาและเหล่าราชวงศ์ที่อยู่เื้ันั่นรู้ด้วยว่า... เกราะิญญาเหล็กทมิฬชุดนี้แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เหล่ายอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงยังต้องขมวดคิ้วแน่นอน!!
เพราะเขายังมีอีกความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดของชุดเกราะนี้ยังไม่ได้ใช้ออกไปเป็ความสามารถที่หลินหยางเก็บซ่อนไว้มาโดยตลอดก็เพื่อที่จะเอาไว้ใช้รับมือเวลาถูกยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงรังแก
หั่วเอ๋อร์เคยบอกแล้วว่าชุดเกราะสีดำทมิฬชุดนี้เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งนั่นไม่ใช่คำพูดเล่นๆแน่นอน ความสามารถสุดท้ายของชุดเกราะิญญาจะต้องขี้โกงอย่างที่สุดแน่ๆ
และเขายังเชื่ออีกด้วยว่าถ้าหากสามารถสกัดฝ่ามือนี้ของต้วนเทียนหยาไว้ได้ราชวงศ์ของอาณาจักรชูอวิ๋นจะต้องอยากได้วิธีการสร้างของมันจนต้องยกย่องบูชาเหล่าตระกูลเวินและหลินอี้ยิ่งกว่าบูชาบรรพบุรุษมันเองแน่ๆ
เข้ามาเลย ฝ่ามือสุดท้ายที่จะกำหนดชะตาชีวิตนั่น
ต้วนเทียนหยามองมาทางหลินหยางดวงตาที่ดูคล้ายกับลูกไฟิญญานั่น้าจะตรวจสอบหลินหยางและชุดเกราะสุดมหัศจรรย์นี่
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ส่วนหลินหยางก็เตรียมตัวพร้อมเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุดต้วนเทียนหยาก็ยกมือข้างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุมขึ้นมาจากนั้นก็โบกมือเบาๆ
ดูท่าทางเหมือนเขาจะไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำแต่ทั่วทั้งสนามพลันเกิดแสงสว่างของพลังฟ้าดินที่ถูกเปลี่ยนไปเป็สีม่วงขึ้น
ฮูมม
พลังงานรูปฝ่ามือที่สร้างขึ้นจากลำแสงนั่นก็ปรากฏขึ้นบนสนามเกิดเสียงอันแหลมเล็กที่เสียดสีกันจนคนรอบข้างรู้สึกปวดชาทั้งหูขึ้นฝ่ามืออัสนีขนาดมหึมาที่ส่วนนิ้วของมันก็ยาวเกือบเมตรแล้วนั่นราวกับว่ามันสามารถเจาะผืนฟ้าจนเป็รูได้เลยที่เดียว
พอฝ่ามืออัสนีนี้ถูกปล่อยออกทั่วทั้งสนามก็เปลี่ยนสีไปหมดทันที
ต้วนเทียนหยาสามารถเปลี่ยนพลังฟ้าดินให้กลายเป็รูปร่างได้ในระดับสมบูรณ์แบบแล้วแต่สิ่งที่น่าตกตะลึงมากกว่าก็คือพลังฟ้าดินที่เขาใช้อยู่นั้นก็เป็พลังฟ้าดินแบบพิสดารเหมือนกันแถมยังเป็พลังฟ้าดินรูปแบบสายฟ้าที่เป็ธาตุทองอันแข็งแกร่งอีกด้วย
พลังฝ่ามือที่กำลังคำรามอยู่นี้ราวกับว่าสามารถทำลายได้ทุกอย่างต้วนเทียนหยามองมาทางหลินหยางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกราวกับกำลังจะบอกว่า
“เอาละ เด็กหนุ่มเอ๋ย จงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของพลังที่เ้าไม่อาจจะจินตนาการได้ถึงนี่ดู!!”
พอผลักเบาๆ ฝ่ามืออัสนีั์ ปลิดชีพปลิดิญญา
เส้นทางที่พุ่งผ่านนั้น ลุกไหม้กลายเป็ทะเลเพลิงราวกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มันผ่านไปล้วนต้องถูกเผาจนกลายเป็เพียงฝุ่นผง
การโจมตีของยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงเพียงครั้งเดียวก็มีอานุภาพมากมายถึงเพียงนี้แล้วสายฟ้าพิฆาตนั่นทำเอาผู้คนตกตะลึงจนตัวแข็งไปหมด แอบคิดกันว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่คนที่ยืนเผชิญหน้ากับการโจมตีสุดร้ายกาจจนน่าหวาดกลัวนั่นไม่ใช่ตัวเองไม่อย่างนั้นละก็ ต่อให้มีเกราะเทพมาคุ้มกายไว้ก็มิอาจรอดพ้นจากความตายได้ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะแค่าเ็สาหัส
แล้วหลินอี้จะทำอย่างไรเล่าทีนี้!!
“หลินอี้ ระวัง!!”
พอเห็นกระบวนท่าโจมตีที่ร้ายกาจปานนั้นรอบข้างก็ส่งเสียงะโด้วยความเป็ห่วงขึ้น
พวกของเวินติ่งเทียนเร่งพลังฟ้าดินขึ้นมาทั่วทั้งร่างแล้วตอนนี้คิดจะเข้าไปช่วยเหลือหลินหยางที่กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
หลินหยางที่กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าหวาดกลัวที่กำลังพุ่งมาทางเขานั้นทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง
้าของเกราะแขนที่สวมอยู่บนแขนซ้ายของเขาพลันมีลูกดอกสี่แฉกที่เปล่งประกายอันเย็นะเืดีดตัวออกมาหนึ่งดอก
ซึ่งลูกดอกอันแหลมคมนี่เองที่เมื่อวันก่อนได้พุ่งทะลุทรวงอกของมารราคะนั่นจนเป็รูโบ๋อย่างง่ายดายความคมของมันนั้นไม่เหมือนลูกดอกธรรมดาทั่วไป
พอหลินหยางสะบัดมือลูกดอกลูกนั้นก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ามือสายฟ้าตรงหน้าด้วยความเร็วสูงจนเห็นเป็เพียงเส้นแสงสายหนึ่งในจังหวะที่ทั้งสองสิ่งเข้าประชิดกันแล้วลูกดอกนั่นพลันเกิดะเิขึ้นอย่างกะทันหัน
และในตอนที่มันะเิออกมานั่นเองภายในตัวลูกดอกก็มีเปลวพลังอันรุนแรงะเิตามออกมาพลังของมันเทียบเท่ากับการโจมตีสุดแรงของยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นท้าย
เ้าลูกดอกนี่... มันะเิได้ด้วย!!
แม้แต่พวกของเวินติ่งเทียนก็ยังเพิ่งจะรู้เป็ครั้งแรกว่าเ้าชุดเกราะสีดำนี่ยังมีความสามารถลับแบบนี้ซ่อนเอาไว้อยู่ด้วยแต่สิ่งที่ชวนให้สิ้นหวังก็เกิดขึ้นแรงะเิอันน่ากลัวนั่นกลับทำให้ฝ่ามือสายฟ้าที่กำลังงพุ่งเข้ามานั้นกะพริบเบาๆ ไปทีหนึ่งเท่านั้น สถานการณ์ของหลินหยางในตอนนี้ก็ยังคงวิกฤตอยู่
สายฟ้าพิฆาตอันน่ากลัวนั่นกำลังเข้ามาอยู่ใกล้หลิหยางแล้ว
“แข็งแกร่งจริงๆ ด้วย...”
หลินหยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆเขาค่อนข้างเชื่อมันในไพ่ตายของตัวเอง “ความสามารถะเิตัวเอง ทำงาน”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยแต่เนื้อหากับน่าใเป็อย่างมาก
ชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมาอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าพลังโจมตีได้ดีดขึ้นไปถึงระดับสูงสุดอย่างรวดเร็ว
ลำแสงสีแดงเข้มนี้พุ่งออกไปจากชุดเกราะนี้เป็เส้นๆแถมยังส่งเสียงปริแตกออกมาอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นหลินหยางก็ดีดตัวออกมาจากด้านหลังของชุดเกราะที่เปิดออกเป็ช่องว่างแต่ชุดเกราะที่สร้างขึ้นมาจากวัตถุดิบขั้นสามและแรงกายแรงใจในการสร้างอันมหาศาลนั่นตอนนี้กลายเป็เพียงเงาสีดำๆ สายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ฝ่ามืออัสนีของต้วนเทียนหยา
ผู้คนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกตะลึง
ใครจะคิดกันล่ะว่าความสามารถสุดท้ายของชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬนี่จะเป็ท่าจักจั่นลอกคราบแบบนี้
และที่น่าทึ่งยิ่งกว่าก็คือแรงะเิที่เกิดจากการรีดเร้นเอาพลังงานของผลึกต้นกำเนิดทั้งหมดออกมาทันทีในเสี้ยวพริบตานั้นจะรุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้
“ถอยไป!!”
นี่คือคำพูดแรกของหลินหยางหลังจากที่เขาดีดตัวออกมา
ต่อมาชุดเกราะก็ปะทะเข้ากับพลังฝ่ามือขนาดใหญ่นั่น
ในวินาทีแรกที่ชนนั้นราวกับว่าทั้งโลกตกลงสู่ความเงียบโดยไร้ซึ่งเสียงของสรรพสิ่งใดๆจากนั้นก็เกิดคลื่นกระแทกอันรุนแรงที่พุ่งออกมาจากบริเวณจุดศูนย์กลางของแรงะเิกระจายไปทั่วบริเวณคลื่นทำลายล้างนั่นบดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ จนเละเทะไม่มีชิ้นดี
ภาพที่เกิดขึ้นดูสยองขวัญราวกับเป็การมาถึงของวันสิ้นโลกหลังจากนั้นไม่นานพลังงานอันมหาศาลก็ขยายตัวออกมาราวกับคลื่นั์ที่กำลังโถมเข้ากลืนกินทุกอย่างที่อยู่โดยรอบจนมันสลายกลายเป็เพียงฝุ่นผง
ทั่วทั้งสนามประลองตอนนี้กลายเป็รูโบ๋ขนาดใหญ่ที่ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย
คนของตระกูลเวินต่างก็ถูกแรงกระแทกซัดจนปลิวกระเด็นออกไปมีเพียงเวินติ่งเทียนและหลินหยางที่มีพลังแข็งกล้ามากที่สุดเท่านั้นที่ยังคงทรงตัวอยู่ท่ามกลางคลื่นพลังอันรุนแรงนี้ได้
แค่ครั้งเดียว
การโจมตีระดับอวิ้นหลิงแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำลายพื้นที่ทั้งสนามประลองที่มีขนาดกว้างถึงหนึ่งพันตารางเมตรได้อย่างราบคาบ
นี่คือพลังที่แท้จริงของพวกเหนืุ์ที่กำลังจะเข้าสู่วิถีแห่งเซียนนี่ต่างหากถึงจะเป็พลังขั้นสุดยอดที่เรียกได้ว่าไร้พ่ายอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้หลินหยางสามารถช่วยรับการโจมตีอันร้ายกาจแทนตระกูลเวินได้หนึ่งครั้ง!!
ฝุ่นควันค่อยๆ จางหายไป...
ผู้คนถึงจะเสียหลักกันไปบ้าง แต่ก็ไม่มีใคราเ็
หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงหมดแล้วก็ไม่เห็นเงาร่างของต้วนเทียนหยาในสนามแล้ว
ยอดฝีมือในตำนานท่านนี้ ซื่อตรงชัดเจนถึงที่สุดบอกว่าฝ่ามือเดียว ก็ฝ่ามือเดียวจริงๆพอซัดออกมาเสร็จก็ไม่พูดอะไรให้มากความอีกแม้แต่ครึ่งคำ
เหล่าคนของตระกูลเวินที่ได้สติกลับมาแล้วนั้นต่างก็เข้าใจว่าต้วนเทียนหยาเป็ฝ่ายยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว
ยอดฝีมือระดับสุดยอดอย่างเขานั้น ถ้าไม่ชนะ ก็เท่ากับแพ้เลย
“ไชโย!!!!”
“พวกเราชนะแล้ว พวกเราชนะจริงๆ แล้ว!!”
“ขนาดต้วนเทียนหยายังถูกพวกเราไล่จนหนีไปแล้วผู้าุโหลิน ให้ตายเถอะท่านนี่โคตรสุดยอดเลยจริงๆ!!!!”
เสียงะโที่แสดงให้เห็นถึงความยินดีอย่างถึงที่สุดดังขึ้น
เหล่านักรบในชุดเกราะสีดำทั้งยี่สิบคนนั้นบางคนก็ยังเป็วัยรุ่นอายุน้อยพวกเขาพลันถอดชุดเกราะบนตัวออกแล้วเข้ามาจับหลินหยางโยนขึ้นฟ้าสูงกันอย่างยินดี
การต่อสู้ในวันนี้จะต้องกลายเป็ตำนานเล่าขานสืบต่อไปอีกนานแสนนาน
ตระกูลเวินในฐานะของตระกูลของประชาชนธรรมดากลับสามารถต่อต้านทหารองครักษ์กว่าหมื่นคนสามารถเสมอกับหัวหน้าองครักษ์ทั้งสามคน ขับไล่หัวหน้าฝ่ายผู้ดูแลภายใน แค่นี้ก็เป็ผลงานที่ยิ่งใหญ่เกินความคาดหมายของผู้คนแล้ว
แต่ผู้าุโหลินกลับทำได้ถึงขนาดสามารถรับการโจมตีของยอดฝีมือระดับสุดยอดที่เป็ถึงดาบของอาณาจักรชูอวิ๋นแห่งนี้อย่างต้วนเทียนหยาได้หนึ่งครั้งโดยไม่พ่าย
เป็เื่ที่สามารถเอาไปโม้ได้ทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำ!!
เวินติ่งเทียนยิ้มกว้างด้วยความยินดีอย่างถึงที่สุดพอเขาโบกมือขึ้น เวินชงพ่อบ้านประจำตระกูลที่แอบซ่อนตัวอยู่ตรงขอบมุมมาโดยตลอดก็รีบวิ่งไปที่สวนด้านหลังพร้อมกับนำข่าวดีไปประกาศให้เหล่าคนในตระกูลที่แอบอยู่ตามที่ต่างๆที่เตรียมตัวหนีออกไปได้ทุกเวลา
พอพวกเขาได้ยินข่าวดีก็รีบวิ่งกลับมาทันทีใช้สองขาะโโลดเต้นอย่างดีใจใช้รอยยิ้มและน้ำตาเป็ดั่งเครื่องเฉลิมฉลองชัยชนะของตระกูลเวินจนกลายเป็ดั่งคลื่นทะเลแห่งความสุข
และในขณะเดียวกันนั้นเองภายในเกี้ยวเล็กสีดำหลังหนึ่งนั้นที่กำลังถูกแบกโดยคนใช้สี่คนกำลังเดินอยู่บนถนนที่มุ่งหน้ากลับไปทางราชสำนัก
ผ้าคลุมของต้วนเทียนหยาฉีกขาดเละเทะจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของตัวเองเผยให้เห็นร่างกายอันชวนให้ประหลาดใจนั่น
“หึหึ...ไม่คิดเลยว่าอาณาจักรชูอวิ๋นเราจะเก็บได้เพชรชั้นดีเข้าเสียแล้ว...”
เขายิ้มแล้ว
ต้วนเทียนหยายิ้มเป็ครั้งแรกในชีวิตอันยาวนานของเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้