“ฮ่า ๆ ๆ!”
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของผู้ว่าการไท่ฉื่อก็แค่นเสียงหัวเราะเ็า จากนั้นเขาหยิบแผ่นป้ายที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ออกมา ก่อนจะโยนไปให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อ
ผู้ว่าการไท่ฉื่อชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรับแผ่นป้ายนั้นมา เมื่อเห็นแผ่นป้ายนี้ก็ต้องหน้าแข็งทื่อไปในทันที ร่างกายก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ ซึ่งบนแผ่นป้ายนี้สลักคำว่าคังผิงโหวไว้อย่างชัดเจน ในฐานะผู้ว่าการไท่โยวเก้าเขต เขาได้รับข่าวว่าองค์าาแต่งตั้งคังผิงโหวคนใหม่ และมอบศักดินาที่ดินไท่โยวเก้าเขตให้เมื่อหลายวันก่อน
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้ว่าการไท่ฉื่อยุ่งอยู่กับการเตรียมต้อนรับคังผิงโหวคนใหม่ เพราะเขาไม่กล้าละเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงอย่างไรเบื้องหน้าจูโหว ผู้ว่าการอย่างเขาก็เป็มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
เมื่อคังผิงโหวมาเข้ารับตำแหน่ง มีหรือขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อไท่โยวเก้าเขตอย่างเขาจะกล้าดูแคลนอีกฝ่าย? หากล่วงเกินคังผิงโหว เพียงคังผิงโหวเอ่ยประโยคเดียวก็จบชีวิตของเขาได้อย่างง่ายดาย
บัดนี้ชายลึกลับตรงหน้ากลับนำป้ายที่เป็สัญลักษณ์ของคังผิงโหวออกมา หรือชายผู้นี้คือคังผิงโหว?
ผู้ว่าการไท่ฉื่อประหลาดใจอย่างมาก เขารู้ว่าป้ายของคังผิงโหวมีเพียงหนึ่งเดียว บนป้ายยังประทับตราพิเศษด้วยลวดลายเทวะของราชวงศ์ ผู้อื่นมิอาจปลอมแปลงได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามมีข่าวลือว่าคังผิงโหวที่เพิ่งถูกแต่งตั้งเป็ชายหนุ่มอายุไม่ถึง 17 ปี ผนวกกับฝีไม้ลายมือของเย่เฟิง รวมถึงมีลูกน้องเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ผู้ว่าการไท่ฉื่อจึงแน่ใจว่าเย่เฟิงก็คือคังผิงโหว
แต่เขาเพิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าเย่เฟิง ซ้ำยังยกโขยงผู้ฝึกยุทธ์มาที่นี่เพื่อจัดการเขาอีก นี่จึงถือเป็การล่วงเกินเย่เฟิงแล้ว ยิ่งกว่านั้นพ่อลูกหยางฉวนยังเป็ฝ่ายหาเื่คังผิงโหวก่อน ส่งผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองมากมายมาปิดล้อมภัตตาคารแห่งนี้ อีกทั้งดึงพวกเขาพ่อลูกมาเกี่ยวด้วย ช่างน่าบัดซบที่สุด
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ ผู้ว่าการไท่ฉื่ออดใจเต้นระส่ำไม่ได้ เขาเกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะสงบนิ่งอีกได้อย่างไร?
เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาเคารพนอบน้อม “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านจะเป็...”
ทว่าผู้ว่าการไท่ฉื่อพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เห็นเย่เฟิงโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายว่าอย่าพูดออกมา ซึ่งผู้ว่าการไท่ฉื่อเป็คนฉลาด จึงหุบปากทันที จากนั้นได้ยินเย่เฟิงส่งเสียงผ่านจิตมาหาเขา “ข้าไม่้าเผยตัวตนของข้าในตอนนี้ ท่านเรียกข้าว่าคุณชายเย่ก็พอแล้ว”
ผู้ว่าการไท่ฉื่อพยักหน้าให้เย่เฟิง เมื่อครู่เขาล่วงเกินเย่เฟิงไม่น้อย มีหรือเขาจะไม่ฟังคำสั่งของเย่เฟิง?
จากนั้นผู้ว่าการไท่ฉื่อหมุนตัวเดินไปหาหยางฉวน ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งยกร่างหยางฉวน กล่าวด้วยเสียงเย็นว่า “มีตาหามีแววไม่ แม้แต่คุณชายเย่ก็กล้าล่วงเกินงั้นหรือ? หากคุณชายเย่คิดจัดการเ้าจริง ๆ ต่อให้ลงโทษเ้าเก้าชั่วโคตรก็ไม่พอ คุกเข่าขอโทษคุณชายเย่ซะ หากได้รับการอภัยโทษจากคุณชายเย่ ข้าจะจัดการเ้าเอง!”
น้ำเสียงของผู้ว่าการไท่ฉื่อเย็นะเืถึงกระดูกดำ เปลี่ยนไปเป็คนละคนกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างต้องใและไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
“ผู้ว่าการไท่ฉื่อ ท่านหมายความเช่นไร? เหตุใดจึงช่วยเ้าเด็กเลวนี่? ท่านผู้ว่าการโปรดจัดการเ้าเด็กนี่โดยเร็ว!”
หยางฉวนเผยสีหน้าดูไม่ได้ระคนตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าเหตุใดท่าทีของผู้ว่าการไท่ฉื่อถึงเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเช่นนี้
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน กล้าล่วงเกินคุณชายเย่ ข้าว่าเ้าคงเบื่อชีวิตมากสินะ!” ผู้ว่าการไท่ฉื่อเห็นหยางฉวนกล้าพูดจาเช่นนั้นก็กล่าวด้วยโทสะ ก่อนจะเหวี่ยงร่างหยางฉวนออกไป
“ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด จับตัวคนทำผิดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ผู้ว่าการไท่ฉื่อออกคำสั่งกับลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ เขา ทำให้ลูกน้องคนนั้นประหลาดใจ แต่ในเมื่อเป็คำสั่งของผู้ว่าการไท่ฉื่อก็ต้องทำตาม จากนั้นเดินไปหาหยางฉวน ก่อนจะทำการจับกุม
“ท่านผู้ว่าการ ข้าน้อยถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็ธรรม! ท่านผู้ว่าการ...” หยางฉวนดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ปากก็ยังคงพูดไม่หยุด แต่เขาพูดยังไม่ทันจบดีก็มีผ้ามาอุดปากเขาไว้ ทำให้พูดอะไรออกไปไม่ได้ นี่ทำให้หยางฉวนตื่นใ จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ว่าการไท่ฉื่อจึงช่วยเย่เฟิง ทั้งยังจับตัวเขาอีก ทุกอย่างนี้ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก หยางฉวนคือเ้าเมือง แต่กลับกลายเป็นักโทษเสียได้
ผู้คนในที่แห่งนั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่างก็สงสัย พวกเขาไม่เข้าใจว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดสถานการณ์ถึงเปลี่ยนแปลงไปเร็วเช่นนี้?
ส่วนหยางเย่าที่ถูกเย่เฟิงเหยียบหลังก็เผยสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน บิดาเขาคือเ้าเมือง ทั้งยังสนิทชิดเชื้อกับผู้ว่าการไท่ฉื่อ พวกเขาพ่อลูกเชิญผู้ว่าการไท่ฉื่อมาที่นี่เพื่อจัดการเย่เฟิง บัดนี้ดูเหมือนว่าเย่เฟิงไม่เพียงแต่อยู่ดี แต่ท่าทีของผู้ว่าการไท่ฉื่อยังเคารพนอบน้อมเย่เฟิงอย่างมาก นี่ทำให้หยางเย่าไม่เข้าใจ
“เป็เพราะป้ายนั้น ป้ายแสดงถึงตัวตนของชายผู้นี้ จึงทำให้ท่านผู้ว่าการหวั่นเกรง”
“ใช่แล้ว ชายผู้นี้มีศักยภาพมากเพียงนี้ พวกเราเดาได้นานแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา!” คนผู้หนึ่งนึกถึงแผ่นป้ายสีทองที่เย่เฟิงส่งให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อเมื่อครู่นี้ เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินที่เขาพูดต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“คุณชายเย่ ทำท่านใแล้ว!” หลังจากผู้ว่าการไท่ฉื่อออกคำสั่งจับตัวหยางฉวน เขาก็หมุนตัวกลับมาก่อนกล่าวเช่นนั้นกับเย่เฟิง ซึ่งเมื่อครู่นี้เขาล่วงเกินเย่เฟิงไปไม่น้อย ตอนนี้เขาต้องพยายามทำตัวให้ดี ๆ จึงจะขจัดเพลิงโทสะของเย่เฟิงออกไปได้
“ไม่เป็ไร!” เย่เฟิงโบกไม้โบกมือ เขาดูออกว่าอีกฝ่ายเป็คนฉลาด พวกเขาสองคนก็ยังไม่มีเื่บาดหมางต่อกัน ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่คิดเอาเื่อีกฝ่าย เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ไม่นาน ต่อไปอาจมีเื่ที่ต้องไหว้วานอีกฝ่ายก็เป็ได้
“เ้ามานี่!”
ผู้ว่าการไท่ฉื่อเห็นเย่เฟิงไม่โกรธเกรี้ยวก็เบาใจลง จากนั้นหันไปสั่งไท่ฉื่อหลงที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งไท่ฉื่อหลงใอย่างมาก เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้เป็บิดาก็รีบสาวเท้ามาหาทันที
“เพียะ!” ทว่าไท่ฉื่อหลงยังไม่ทันยืนดี ๆ ผู้ว่าการไท่ฉื่อก็ตบหน้าเขาอย่างแรง จนร่างกระเด็นไปกองกับพื้น
“ท่านพ่อ...” ไท่ฉื่อหลงใ บิดาของเขานั้นดูแลเขามาเป็อย่างดีั้แ่เล็กยันโต ไม่เคยลงไม้ลงมือใด ๆ เลย ดังนั้นไท่ฉื่อหลงจึงรู้สึกเสียใจและ้าถามเหตุผลจากบิดา แต่กลับถูกผู้ว่าการไท่ฉื่อตัดบทเสียก่อน
“เ้าลูกเนรคุณหุบปากซะ ยังไม่รีบขอโทษคุณชายเย่อีก!” ผู้ว่าการไท่ฉื่อกล่าวด้วยโทสะ นี่ทำให้ไท่ฉื่อหลงตัวสั่นอย่างแรง ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาสับสน
“มัวยืนอึ้งอยู่ทำไม คุกเข่าซะ!” ผู้ว่าการไท่ฉื่อขึ้นเสียง การที่เขาให้ไท่ฉื่อหลงคุกเข่าขอโทษเย่เฟิง ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง แม้แต่ไท่ฉื่อหลงก็ใไม่แพ้กัน แต่ไม่รอให้เขาตอบสนอง จู่ ๆ ผู้ว่าการไท่ฉื่อเตะขาของไท่ฉื่อหลง ทำให้เข่าของไท่ฉื่อหลงทรุดลงไปกับพื้นต่อหน้าเย่เฟิงทันที
“คุณชายเย่ เมื่อครู่ผู้น้อยล่วงเกินท่าน ขอท่านโปรดอภัยให้ข้า อย่าถือสากับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของข้าเลย!” ไท่ฉื่อหลงกัดฟันพูด ในสถานการณ์เช่นนี้เขาทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมเท่านั้น แม้แต่ผู้ว่าการไท่ฉื่อก็ทนมองดูบุตรชายของตนทำเช่นนี้ไม่ได้ แต่เขาไม่มีทางเลือก หากคังผิงโหวพิโรธ พวกเขาพ่อลูกจบเห่แน่นอน
เย่เฟิงปรายตามองไท่ฉื่อหลงด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณว่าให้อภัยอีกฝ่าย สำหรับลูกผู้ลากมากดีอย่างไท่ฉื่อหลง เย่เฟิงไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
“ยังไม่รีบขอบคุณคุณชายเย่ที่เมตตาเ้าอีก!”
เมื่อผู้ว่าการไท่ฉื่อเห็นเย่เฟิงพยักหน้า เขาก็กำชับไท่ฉื่อหลงไปเช่นนั้นทันที
“ขอบคุณคุณชายเย่!” ไท่ฉื่อหลงกล่าวขอบคุณเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว แม้ไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องทำ
“คุณชายเย่ คุณหนูท่านนี้คือ?”
ผู้ว่าการไท่ฉื่อสังเกตเห็นจ้าวซินอี๋ เมื่อเห็นว่าจ้าวซินอี๋สวยสง่า เขาย่อมรู้ว่านางต้องไม่ใช่คนธรรมดา จึงเอ่ยถามเย่เฟิงไปเช่นนั้น
“ท่านเรียกนางว่าแม่นางจ้าวก็พอแล้ว!” เย่เฟิงลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนกล่าวพลางยิ้มให้จ้าวซินอี๋ แต่เมื่อผู้ว่าการไท่ฉื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็ต้องใจเต้นระรัว จ้าวคือแซ่ของราชวงศ์จ้าว ผู้มีแซ่จ้าวย่อมเป็เชื้อพระวงศ์ คนธรรมดามิอาจใช้แซ่นี้ได้
ผู้ว่าการไท่ฉื่อเป็คนฉลาดหลักแหลม เขาคาดเดาตัวตนของจ้าวซินอี๋ได้ในทันที หัวใจดวงน้อย ๆ จึงมิอาจสงบนิ่งได้
“คารวะแม่นางจ้าว!” ผู้ว่าการไท่ฉื่อกล่าวพร้อมโค้งตัวคำนับจ้าวซินอี๋เล็กน้อย นี่คือบุคคลที่เขามิอาจล่วงเกินได้เด็ดขาด เขาต้องทักทายให้ดี ๆ
“อืม!” จ้าวซินอี๋พยักหน้าให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อเล็กน้อย ซึ่งจ้าวซินอี๋นั้นไม่ชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าสักเท่าไร การที่พยักหน้าให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“ถอนกำลังออกไปทั้งหมด เดี๋ยวนี้!” ผู้ว่าการไท่ฉื่อออกคำสั่งกับลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ทันใดนั้นผู้คนในภัตตาคารรีบเดินลงไป ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา
นั่นคือผู้มีอำนาจที่ทำให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อเคารพนอบน้อมได้ พวกเขาเห็นเช่นนี้สักครั้งในชีวิตก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
ไม่นานนักผู้คนในภัตตาคารก็แยกย้ายกันไป ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่ปิดล้อมภัตตาคารก็ถอนกำลังออกไปทั้งหมด
จากนั้นผู้ว่าการไท่ฉื่อเอ่ยถามเย่เฟิงพร้อมโค้งตัวคำนับ “คุณชายเย่ ข้าไม่ได้ต้อนรับท่านเป็อย่างดี เชิญคุณชายเย่กับแม่นางจ้าวไปพักที่จวนไท่โยวข้าสักครั้ง”
“ไม่ต้องหรอก!”
เย่เฟิงโบกมือ พลางกล่าวต่อว่า “พวกเรามาที่เมืองโยวโจวเพราะมีธุระที่ต้องสะสาง ผู้ว่าการไท่ฉื่อกลับไท่โจวไปเถิด ไว้ข้าสะสางธุระเสร็จสิ้น ข้าจะไปหาท่านที่ไท่โยวเอง”
ผู้ว่าการไท่ฉื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี ข้าไม่รบกวนคุณชายเย่แล้ว หาก้าสิ่งใดก็บอกข้ามาได้เลย ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“ดี ท่านไปก่อนเถิด!” เย่เฟิงพยักหน้า ซึ่งจุดประสงค์ที่เขามายังเมืองโยวโจวก็เพื่อที่จะตามหาหนานกงอวี่
“ขอตัวลา!”
ผู้ว่าการไท่ฉื่อโค้งประสานมือก้มคำนับให้กับเย่เฟิงและจ้าวซินอี๋ จากนั้นออกไปจากภัตตาคารพร้อมกับพ่อลูกหยางฉวน
จากนั้นไม่นานพวกเย่เฟิงก็ออกจากภัตตาคารเช่นกัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็เพียงเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ เย่เฟิงและจ้าวซินอี๋จึงไม่ได้สนใจ
