โชคดีที่ตอนนี้เป็เวลาเลิกงานแล้ว ภายในร้านเหลือเพียงพวกเขา3 คนเท่านั้นมิฉะนั้นแล้ว ท่าทางโกรธจัดจนหายใจไม่ทันของผู้จัดการซ่างก็คงจะทำให้คนจำนวนมากรู้สึกผิดหวังไม่เฉพาะเพียงแค่พนักงานในร้านเท่านั้น เพราะจะส่งผลต่อลูกค้ามากยิ่งกว่า เพราะในสายตาของลูกค้าแล้วหากผู้จัดการร้านหยกเป็เช่นนี้ ร้านหยกแห่งนี้ก็คงไม่ใช่ร้านที่ดีสักเท่าไร
เมื่อเห็นท่าทางของผู้จัดการซ่างเช่นนี้หลินเยว่จึงได้แต่ส่ายศีรษะ คนนิสัยแบบนี้ไม่มีทางอยู่ในวงการการพนันหินหยกได้หรอกเขาต้องถูกกลืนไปในสักวัน มิน่าหลายปีมานี้กิจการของหรงเล่อเซวียนนับวันยิ่งดีขึ้น แต่กิจการของซ่างเป่าไจกลับแย่ลงทุกวันราวกับธุรกิจตะวันตกดินเมื่อเห็นเหตุการณ์ในวันนี้แล้วก็ทำให้รู้ว่าปัญหาที่แท้จริงเกิดมาจากบุคคลผู้นี้นี่เอง
“สิ่งที่ผมพูดเป็ความจริงหรือเปล่าทุกคนคงรู้อยู่แก่ใจคุณคิดอยากจะทำให้ผมล้มละลายก็เชิญคุณทำได้ตามสบาย แต่ว่าผมก็ไม่ได้เป็ลูกไก่ในกำมือที่คุณคิดจะบีบก็ตายจะคลายก็รอดหรอกนะถ้าคุณเล่นกันซึ่งๆ หน้า ผมก็จะเล่นซึ่งๆ หน้าด้วย แต่ถ้าคุณทำอะไรลับหลัง ผมก็จะเล่นกับคุณจนถึงที่สุด!”
หลินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
การคิดจับเขาแยกกับฉินเหยาเหยาถือว่าเป็ความผิดร้ายแรงที่ไม่สามารถอภัยให้ได้เลย
แล้วเขาก็ไม่มีทางยอมไว้หน้าอีกฝ่ายเพราะหากเขายอมให้เกียรติแล้ว อีกฝ่ายก็คงจะทำตัวยโสโอหังยิ่งกว่าเดิม
“ดี! ดี!ดี!” ผู้จัดการซ่างโกรธจัดจนหัวเราะเขาตบโต๊ะเสียงดัง “ปากเก่งนักนะ พรุ่งนี้ผมจะทำให้พวกคุณตกงานกันทั้งคู่ แล้วผมจะรอเวลาที่พวกคุณมาคุกเข่าอ้อนวอนผม!ฮ่าๆ......”
หลินเยว่มองผู้จัดการซ่างที่หัวเราะอย่างบ้างคลั่งด้วยสายตาเ็าในใจก็รู้สึกไว้อาลัยให้กับซ่างกั๋วเหลียงผู้ที่ถือว่าเป็บุคคลแนวหน้าผู้หนึ่งสงสารเขาที่มีลูกชายที่ยังไม่รู้จักคู่ต่อสู้ว่าเป็ใครมาจากไหนแต่กลับพูดจาอวดดีเช่นนี้อีกทั้งคนผู้นี้ยังลำพองตัวและทำตัวเย่อหยิ่งยิ่งนัก ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วซ่างกั๋วเหลียงทำเวรทำกรรมอะไรไว้
“ได้ ผมจะรอ”
ขณะที่พูดหลินเยว่ก็แกล้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมพูดกับฉินเหยาเหยา “ไปกันเถอะ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วล่ะเธอตกงานแล้ว”
“ก็เป็เพราะนายนั่นแหละ เราไม่สนหรอกนายต้องเลี้ยงดูเรานะ!”
ฉินเหยาเหยาทำหน้ายู่อย่างน่ารักแล้วเธอก็กลอกตาใส่หลินเยว่แรงๆ แต่ใบหน้าของเธอกลับไม่ได้มีความไม่พอใจเลยสักนิด
“เธอเป็ภรรยาของเรา เราไม่เลี้ยงเธอแล้วใครจะเลี้ยงเธอล่ะ”
ขณะที่พูด หลินเยว่ก็โอบบ่าของฉินเหยาเหยาไว้แล้วพาเธอเดินออกไปยังด้านนอกร้าน ขณะที่เดินนั้น เขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง“ั้แ่ตอนนี้เป็ต้นไป เหยาเหยาไม่ใช่พนักงานของซ่างเป่าไจของพวกคุณอีกแล้วส่วนเงินเดือนของเดือนนี้ พวกเราก็ไม่้าหรอกนะ คิดเสียว่าเป็การทำบุญให้กับร้านของพวกคุณน่ะ”
เมื่อได้ยินแฟนที่รักของตนเองพูดคำพูดที่ดูเด็ดขาดเช่นนี้ฉินเหยาเหยาจึงรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานอยู่ในใจ
“หึ! อย่าเพิ่งลำพองใจเร็วนักเลย!”
เสียงของผู้จัดการซ่างก็ลอยตามหลังของพวกเขามา
เขาอยากจะเข้าไปชกหลินเยว่แรงๆ สักหมัดแต่เมื่อเขาดูรูปร่างของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงต้องลบความคิดนี้ทิ้งไปอย่างจำใจแล้วจึงได้แต่เอาความโกรธทั้งหมดมารวมไว้ที่ดวงตา แล้วก็จ้องเขม็งไปทางด้านหลังของหลินเยว่
“อ้อ ลืมบอกคุณไปอย่างนึง”
หลินเยว่หยุดก้าวเท้าเดินที่กำลังต่อไปข้างหน้าแต่เขาก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา “ตอนนี้ผมไม่มีงานทำ ดังนั้นเื่ที่คุณพูดว่าพรุ่งนี้จะทำให้พวกเราทั้งสองคนไม่มีงานทำนั้น คุณไม่ต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้แล้วล่ะเพราะวันนี้มันก็เป็จริงตามที่คุณพูดไว้แล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะ!”
“พรวด......”
คำพูดของหลินเยว่ทำให้ฉินเหยาเหยาหัวเราะ“เอิ๊กอ๊าก” ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
การกระทำของพวกเขาสองคนที่สอดรับกันอย่างเป็ธรรมชาติทำให้ร่างกายของผู้จัดการซ่างถึงกับสั่นระริกมือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรง
หลินเยว่โอบฉินเหยาเหยาที่กำลังหัวเราะจนตัวสั่นให้เดินต่อไปทางประตูหน้าเมื่อถึงตรงประตู หลินเยว่จึงหยุดก้าวอีกครั้ง ครั้งนี้เขาหมุนตัวหันกลับมาสีหน้าดูกวนประสาท แล้วจึงพูดขึ้น “ใช่แล้ว เมื่อตะกี๊ผมก็นึกออกอีกเื่นึง ผมคิดว่าผมควรจะบอกคุณว่าอาจารย์ของผมเป็ใครคุณต้องรู้จักอาจารย์ของผมอย่างแน่นอน เขาชื่อท่านเฮ่อฉางเหอ”
เมื่อพูดจบจังหวะที่สายตาของผู้จัดการซ่างมีแต่ความตกตะลึงนั้นหลินเยว่จึงหมุนตัวออกไปจากซ่างเป่าไจ
ท่านเฮ่อ......เฮ่อฉางเหอ???
เป็ไปได้อย่างไร?
ไม่มีทางเป็ไปได้!!!
เมื่อเดินถึงด้านนอกเสียงหัวเราะของฉินเหยาเหยาก็ดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม เธอหัวเราะจนตัวงอ
“หากยังหัวเราะไม่เลิกคืนนี้คงกินข้าวไม่ลงแล้วล่ะ ไปกันเถอะ”
ขณะที่ฉินเหยาเหยากำลังหัวเราะอย่างครื้นเครงอยู่นั้นหลินเยว่จึงอุ้มเธอขึ้นมาโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบๆ แล้วเดินมุ่งหน้าตรงไปยังรถของเขาเปิดประตูออกแล้ววางเธอไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง
เมื่อฉินเหยาเหยานั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้วเธอจึงขึงตาใส่หลินเยว่ แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง
หลินเยว่มองฉินเหยาเหยาอย่างอ่อนใจและเลิกสนใจเธอหลังจากนั้นจึงขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของพวกเขา
ทางด้านหลัง... หน้าประตูร้านซ่างเป่าไจมีสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นจับจ้องที่ท้ายรถสีบรอนซ์เงินคันนั้น
ตอนกลางคืนหลินเยว่และฉินเหยาเหยาจึงทานอาหารค่ำท่ามกลางแสงเทียนในห้องรับแขกบรรยากาศในนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและพวกเขาทั้งสองก็มีอารมณ์ร่วมไปกับบรรยากาศนี้เมื่ออาหารค่ำนี้สิ้นสุดลง หลินเยว่จึงอุ้มฉินเหยาเหยาที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศและพาเข้าไปในรังรักของพวกเขา
เสียงครางเริ่มดังขึ้น และก็กลายเป็ค่ำคืนที่เร่าร้อนอีกหนึ่งคืน......
เช้าตรู่วันถัดมาหลินเยว่ถูกฉินเหยาเหยาใช้ปลายผมปลุกจนตื่น
หลินเยว่โอบฉินเหยาเหยาที่กำลังนอนทับอยู่บนหน้าอกเขาแล้วโอดครวญ“ตอนนี้เพิ่งกี่โมงเอง นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ยังไงวันนี้เธอก็ไม่ต้องไปทำงานต่อไปก็ไม่ต้องไปอีกแล้วล่ะนะ”
“ก็เป็เพราะไม่ต้องไปทำงาน เราก็เลยต้องตื่นแต่เช้าน่ะสิเราจะไปหางานทำ”
ฉินเหยาเหยาหยิกหลินเยว่ตรง่เอวเบาๆแล้วพูดพร้อมทำปากยู่
“หางานทำ?” หลินเยว่พลันตื่นขึ้นทันทีเขาประคองใบหน้าสวยของฉินเหยาเหยาแล้วถามขึ้น “ทำไมถึงคิดจะหางานทำอีกล่ะเราเลี้ยงเธอก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”
“เราก็ให้นายเลี้ยงเรานั่นแหละแต่เราไม่อยากอยู่ว่างๆ หากวันๆ เอาแต่อยู่บ้านเฉยๆ ก็คงเบื่อแย่เลย”
ฉินเหยาเหยาคิดถึงเหตุการณ์ในอนาคตหากเธอไม่ต้องทำอะไรเลย วันๆ มีชีวิตเป็คุณนายอยู่กับบ้านแค่คิดเธอก็รู้สึกเย็นะเืแล้ว ชีวิตแบบนั้นมันก็เหมือนกับถูกกักขังดีๆ นั่นเอง
หลินเยว่คิดตามก็รู้สึกเห็นด้วยกับความคิดของเธอหากต่อไปเขาจะต้องออกไปพนันหินหยกบ่อยๆ ฉินเหยาเหยาก็คงรู้สึกเหงาหงอยเป็อย่างมากหากเป็เช่นนี้เขายอมให้เธอออกไปหางานทำยังดีเสียกว่า แต่เธอจะได้เงินเดือนเท่าไรไม่ใช่เื่สำคัญที่สำคัญคือเธอจะต้องมีงานให้ทำเพื่อไม่ให้รู้สึกว่างเท่านั้นก็พอ
“ก็ได้ แต่ว่าห้ามหางานที่มีเ้านายไม่ดีอีกล่ะแค่คิดถึงผู้จัดการซ่างคนนั้น เราก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ”
ขณะที่พูดมือของหลินเยว่ก็เริ่มซุกซนอยู่บนร่างกายของฉินเหยาเหยา
“นายอย่าซนสิ”
ฉินเหยาเหยาพูดเคืองๆ แล้วเธอก็จับมือของหลินเยว่ที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดอยู่กับที่“เรากำลังพูดเื่จริงจังอยู่นะ”
“ดีเลย พูดเื่จริงจัง”
ถึงปากของหลินเยว่จะพูดเช่นนี้แต่มือของเขาก็ยังคลึงไปที่ผิวเนียนลื่นของฉินเหยาเหยา ผิวเนียนละเอียดมีความยืดหยุ่นแบบนี้จับแล้วให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ
ฉินเหยาเหยาขึงตาใส่หลินเยว่ แล้วพูดขึ้น“นายว่าเราหางานแบบไหนดีล่ะ?”
หลินเยว่ลองคิดๆ ดูแล้วพูดตอบ “เอาอย่างนี้เราแนะนำเธอให้ไปทำงานที่หรงเล่อเซวียนดีไหม?”
“หรงเล่อเซวียน?” ฉินเหยาเหยาพูดขึ้น “อืม ก็ดีนะเราทำงานอยู่ในวงการหยกอัญมณีมาสามปีแล้ว ถ้าไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ทำให้นายขายหน้าหรอก”
“ไม่ทำให้เราขายหน้าคืออะไรล่ะ”
หลินเยว่พลิกตัวทับฉินเหยาเหยาลงบนเตียงเขามองตาฉินเหยาเหยาแล้วพูด “อย่างรุนแรง” “ต่อไปหากเธอพูดคำพูดแบบนี้อีกเราจะลงโทษเธอ”
“ลงโทษอย่างไรหรอ?” ฉินเหยาเหยาถามอย่างใส่จริตริมฝีปากชุ่มชื้นมีเสน่ห์ สองข้างแก้มแดงระเรื่อดูเหมือนว่าเธอกำลังมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
“เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ท่าทางมีเสน่ห์ของฉินเหยาเหยาทำให้ท้องน้อยของหลินเยว่ลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนาเขาพลันแทรกมันลงไป ส่วนนั้นของเขาจึงเข้าไปอยู่ในสถานที่อันแสนอบอุ่น
พวกเขาทั้งสองต่างส่งเสียงครางที่เกิดจากความสุขอย่างควบคุมไม่ได้
เตียงของพวกเขาก็เริ่มสั่นไหวอย่างรวดเร็วความร้อนแรงได้แสดงตัวขึ้นอีกครั้ง......
พายุฝนได้หยุดลงหลินเยว่โอบกอดร่างงามของฉินเหยาเหยาไว้ เขากดจูบเบาๆที่หน้าผากของเธอพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หรือว่าพวกเราจะเปิดร้านสักร้านแล้วเธอก็เป็เถ้าแก่เนี้ยดีไหม”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้