ฮั่วเยี่ยนไหวยืนมองมืออันขาวผ่องที่บอบบางและนุ่มนวลของสตรีร่างเล็กตรงหน้าที่ปัดป่ายไปมาตรงบริเวณปกเสื้อ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางลอยปะทะเข้าจมูก
หนุ่มหล่อสาวงาม นี่คือชีวิตอันสงบสุข
ภาพที่ดูงดงามนี้ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดอันล้ำค่าที่สุดของปรมาจารย์
แววตาเย็นเยียบราวกับแอ่งน้ำสีดำของฮั่วเยี่ยนไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง เขามองสตรีตรงหน้าที่ตั้งใจผูกเสื้อคลุมให้เขา ก่อนจะเชยคางของนางขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากบางและเย็นเยียบทาบทับลงไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ จากนั้นก็ผละออกอย่างรวดเร็วก่อนที่คนหลังจะทันรู้สึกตัว
“ฮั่วเยี่ยนไหว...”
ไป๋เซี่ยเหอเพียงโพล่งชื่อของเขาออกมา
ฮั่วเยี่ยนไหวรีบเอ่ยปากแทรกเพื่อไม่ให้นางพูดต่อ “เก็บของให้เรียบร้อย ข้าจะพาเ้าไปดูเรือนใหม่”
“...”
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ฮั่วเยี่ยนไหวพาไป๋เซี่ยเหอออกจากจวนสกุลไป๋ ก่อนจะพานางมายังเรือนหลังหนึ่งที่ดูงดงามเป็อย่างยิ่ง
“นี่คือ?”
“เรือนที่รับปากไว้ว่าจะมอบให้เ้า”
เื่เรือนนั้นไม่สำคัญ เพราะนางมีเรือนเป็ของตนเองแล้ว
สิ่งสำคัญคือ...
“เตียงหานอวี้อยู่ด้านใน”
เตียงหานอวี้เป็ของหายาก ทั่วแคว้นเทียนเช่อมีเพียงสองหลังเท่านั้น
หลังหนึ่งอยู่ที่จวนสกุลไป๋ ส่วนอีกหลังไม่มีข่าวคราวใดๆ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลังที่สองจะอยู่ในมือของฮั่วเยี่ยนไหวนี่เอง
ทว่าสิ่งที่ไป๋เซี่ยเหอไม่เข้าใจคือ...
ตอนที่เจียงเยว่เสียนสลบไสล นึกไม่ถึงว่าไป๋เสียนอันจะพยายามและใช้เงินจำนวนมากในการเสาะหาเตียงหานอวี้หลังหนึ่ง หากเขาทำเช่นนี้เพียงเพื่อที่จะ ‘แสดงละคร’ ว่าลุ่มหลงในตัวเจียงเยว่เสียน ก็ออกจะมากเกินไปหน่อย
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่นึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเองอย่างไป๋เสียนอัน เห็นได้ชัดว่าต้องมีบางอย่างแอบแฝงอยู่
ความเป็ไปได้ก็คือ
เจียงเยว่เสียนอาจมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่
เพียงแต่เมื่อมองไปที่เรือนตรงหน้า ไป๋เซี่ยเหอก็รู้สึกกระมิดกระเมี้ยนขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
“ข้าว่าท่านตั้งใจกระมัง”
ตำแหน่งของเรือนหลังใหม่ห่างกับจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเพียงกำแพงกั้น
“พระชายาอย่าได้รังเกียจไป ที่นี่คือทำเลทอง ถึงคนมากมายอยากเป็เ้าของก็ไม่อาจได้”
อิ๋งเฟิงโผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ เขามายืนพรรณนาอยู่ด้านหลังพร้อมกับยิ้มตาหยี
หากท่านอ๋องไม่ได้ส่งสายตาเตือนมาให้ เขาย่อมปรารถนาให้ตนเองมีแปดปาก เพื่อจะได้บอกพระชายาว่า ท่านอ๋องจัดการซื้อเรือนหลังนี้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงสองสามวันได้อย่างไร
สรุปก็คือ
ท่านอ๋องปฏิบัติต่อพระชายาแตกต่างจากคนอื่น
ทันทีที่เปิดประตูเรือน ไป๋เซี่ยเหอก็เชื่อในคำกล่าวของอิ๋งเฟิงทันที
ด้านในแตกต่างจากความหรูหราอลังการของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องที่อยู่ข้างๆ ทั้งยังแตกต่างจากเรือนส่วนใหญ่ในเมืองหลวง เรือนหลังนี้มีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ทว่ามีเครื่องเรือนครบครัน การตกแต่งก็งดงามอย่างยิ่ง
ให้ความรู้สึกราวกับเป็เรือนในเจียงหนาน[1]
มีทั้งูเาจำลองและสายน้ำไหล ต้นไม้ใบหญ้าดูแปลกตา ต้นไผ่เขียวชอุ่มสองแถวโอบล้อมทางเดินเล็กที่มีต้นไม้แน่นขนัด และพื้นปูด้วยหินไข่ห่าน
วิจิตรงดงามจนไม่อาจพรรณนาได้ นางชื่นชอบยิ่งนัก
ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ที่นี่ ทว่ากลับถูกทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันและไร้ที่ติทุกกระเบียดนิ้ว เห็นได้ชัดว่าเหล่าบ่าวรับใช้ตั้งใจทำความสะอาดมากเพียงใด
ฮั่วเยี่ยนไหวคงชอบเรือนหลังนี้เป็อย่างยิ่ง
ไป๋เซี่ยเหอหันไปมองบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย เมื่อสบกับดวงตาสีดำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้งคู่นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
นางรู้สึกว่าสายตาของเขาราวกับมีแรงดึงดูด จึงรีบละสายตาทันที
นางพอเข้าใจความรู้สึกมีความสุขราวกับขึ้น์ยามที่สตรีในยุคปัจจุบันมีความรัก หรือได้รับของขวัญจากคนรักบ้างแล้ว
ความรู้สึกที่ถูกทะนุถนอม ถูกหวงแหน ถูกวางไว้ในใจ...
ไป๋เซี่ยเหอฝืนระงับความสั่นไหวที่แผ่ซ่านจากส่วนลึกของก้นบึ้งหัวใจ กระทั่งอารมณ์สงบลงแล้วจึงเอ่ยปาก “ขอบคุณ”
เตียงหานอวี้มีความสำคัญมากสำหรับนางในตอนนี้
มันเป็ตัวตัดสินว่านางจะออกจากจวนสกุลไป๋ได้หรือไม่
อย่างน้อยหากพามารดาออกมาได้ นางจะได้ไม่ต้องพะวง
ส่วนจวนสกุลไป๋ นางจำเป็ต้องกำจัดทิ้ง!
“เ้าเดินเล่นเป็เพื่อนข้าได้หรือไม่?”
ฮั่วเยี่ยนไหวยื่นมือเรียวขาวไปหาไป๋เซี่ยเหอ น้ำเสียงของเขาแหบพร่าและมีเสน่ห์ ทว่าแฝงด้วยความมอมเมาเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอเม้มปาก นางครุ่นคิดสักพักก่อนจะยื่นมือไปอย่างเชื่องช้า ในใจราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่าง
นางตอบ “อืม” ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจะค่อยๆ เดินตามฮั่วเยี่ยนไหวไป
“เหตุใดเ้ายังไม่รีบหลบออกไปอีก? โอกาสเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆ หากเ้าเข้าไปรบกวน ระวังท่านอ๋องของข้าจะฟันเ้า!”
อิ๋งเฟิงลากฝูเอ๋อร์ที่ยังทำมือรูปหัวใจแบบเด็กสาวอยู่ให้เดินห่างออกมา ก่อนจะจิ้มหน้าผากนางด้วยความรู้สึกเจ็บใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้กลายเป็เหล็กกล้า
กระทั่งเดินห่างออกมาระยะหนึ่งจึงได้หยุดฝีเท้า
สามารถมองเห็นเงาร่างของทั้งสองคน ทว่าไม่ได้ยินเื่ที่ทั้งคู่กำลังสนทนา
หากมองจากตรงนี้ อิ๋งเฟิงถึงกับต้องหรี่ตาอย่างคาดไม่ถึง สองคนที่กำลังจูงมือกันเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่มีต้นไม้เรียงรายช่างดูเหมาะสมกันราวกับ์สร้างก็ไม่ปาน
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าชอบสัตว์อะไรมากที่สุด?”
เนื่องจากเดินอยู่ใกล้กัน ไป๋เซี่ยเหอจึงสูดเอากลิ่นสะระแหน่เย็นบนร่างของฮั่วเยี่ยนไหวเสียจนเต็มโพรงจมูก
“สัตว์อะไรหรือ?”
“หมาป่า เพราะพวกมันเป็สัตว์ที่มีรักมั่นคงที่สุดบนโลกนี้ เมื่อเลือกคู่ได้แล้ว มันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างไรก็ต้องเป็ตายไปด้วยกัน”
มุมปากของฮั่วเยี่ยนไหวค่อยๆ ยกขึ้นเป็รอยยิ้มบาง แววตาที่ถูกความหนาวเย็นบดบังมานานปีคู่นั้นเผยความอ่อนโยนออกมาอย่างหาได้ยาก
“ท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ข้า้ากล่าวว่า ข้าสัญญาจะครองคู่กับเ้านับแต่นี้ไปจวบจนตลอดชีวิต ข้าอยากให้เ้าเป็ตายไปด้วยกัน เ้าจะเต็มใจหรือไม่?”
ฝ่ามือที่เย็นเยียบมานานปีของเขาเปียกชื้นเล็กน้อยในเวลานี้
มีอำนาจยิ่งใหญ่แล้วอย่างไร? หงายมือเป็เมฆคว่ำมือเป็ฝน[2]แล้วอย่างไร?
เมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีที่พึงใจ เขาก็เป็เพียงบุรุษที่เพิ่งเข้าใจความรักเท่านั้น เขาเองก็มีความประหม่าที่บุรุษธรรมดาควรจะมีเหมือนกัน
ความกลัวว่าจะถูกปฏิเสธราวกับมีมดนับพันนับหมื่นตัวกำลังกัดกินภายในใจของเขาทีละน้อย
เวลาครึ่งถ้วยชานั้นไม่นาน ทว่าเขารู้สึกเหมือนผ่านไปหนึ่งศตวรรษ เขาไม่เอ่ยปากอะไร เพียงให้เกียรตินางด้วยการรอฟังคำตอบ
ทว่า...
มือเล็กอันแสนล้ำค่านั้นหลุดออกจากฝ่ามือของเขาอย่างกะทันหัน
ไป๋เซี่ยเหอก้มหน้าด้วยท่าทีเ็า “ไม่ ข้าไม่เต็มใจ”
ดวงตาอันทรงเสน่ห์ของฮั่วเยี่ยนไหวมืดครึ้มลง ฝ่ามือที่ร้อนระอุอย่างหาได้ยากยกขึ้นมาัักับใบหน้ารูปไข่ที่แผ่ไอเย็นเยียบออกมาของนาง “หากข้าบอกว่า ข้าอธิบายเื่ในวันนั้นได้ และรับรองว่าจะไม่มีครั้งที่สองเกิดขึ้นเล่า?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนราวกับทะเลสาบอันอบอุ่น ราวกับห่อหุ้มหัวใจที่เ็าและแข็งกระด้างของนางเอาไว้ตรงกลาง คอยปกป้องอย่างระมัดระวัง
“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าคำอธิบายของท่านทำให้ข้าพึงพอใจหรือไม่”
เขาไม่ทราบว่าตนเองทำหัวใจที่เ็าและไร้เมตตาดวงนั้นหล่นหายั้แ่เมื่อใด
ทว่าหากไม่มีนาง ไม่มีจิ้งจอกน้อย เขาก็ไม่้ามีชีวิตอยู่ต่อ
หากไม่เคยพบแสงแดด ก็จะไม่กลัวความมืด
ทว่าภายในใจที่ดำมืดและเย็นเยียบของเขาถูกแสงแดดอันอบอุ่นและแผดเผาของนางรุกล้ำจนไม่เหลือที่ว่างแล้ว
“ในร่างกายข้ามีหนอนพิษกู่[3]”
แววตาของเขาดูเอ้อระเหยและล่องลอยไปตามอารมณ์ ราวกับสิ่งที่พูดออกมาเป็เื่ของคนอื่น เขาดูสบายใจเป็อย่างยิ่ง
จู่ๆ ไป๋เซี่ยเหอก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่หุบเขา...
ที่แท้...
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้
มิน่าป้อนเืของนางไปกลับไร้ผล
ที่แท้เขาไม่ได้ถูกพิษ ทว่าเป็หนอนพิษกู่!
ในอดีตชาติไป๋เซี่ยเหอไม่เคยเผชิญกับหนอนพิษกู่ เพียงเคยได้ยินเท่านั้น ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวันที่มันปรากฏขึ้นกับบุคคลที่นางรู้จัก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋เซี่ยเหอก็คิดว่าสภาพร่างกายอันแปลกประหลาดของเจียงเยว่เสียนอาจเกิดจากหนอนพิษกู่เหมือนกันใช่หรือไม่?
------------------------
[1] เจียงหนาน หมายถึง บริเวณตอนล่างของแม่น้ำแยงซีในประเทศจีนหรือที่เรียกว่าดินแดนกังนัม
[2] หงายมือเป็เมฆคว่ำมือเป็ฝน เป็คำอุปมา หมายถึง เคยชินกับการใช้กลอุบาย
[3] หนอนพิษกู่ หมายถึง การนำสัตว์มีพิษมาใส่ในภาชนะให้ฆ่ากันเอง ตัวที่รอดเป็ตัวสุดท้ายจะมีพิษร้ายแรงที่สุดอ