หยกหิมะวิจิตรคือวัตถุเปลี่ยนผ่านของซูอวิ๋น แม้มันจะเป็เพียงอาวุธิญญาระดับกลางแต่ก็เข้ากับร่างกายของซูอวิ๋นได้เป็อย่างดี ทำให้นางสามารถควบคุมมันได้ตาม้า
หยกหิมะวิจิตรมีพลังเย็นอันลึกลับที่ทรงพลังอย่างยิ่ง มันสามารถทำให้แผ่นดินแข็งตัวและแช่แข็งทุกสิ่งจนตายได้
แม้ซูอวิ๋นอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นแรกเท่านั้น แต่พลังโจมตีที่นางปล่อยออกมาก็เพียงพอที่จะกวาดล้างคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันได้
ในยามนี้หนิงเทียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากังวลแล้ว แส้เกล็ดมรกตัทมิฬไม่อยู่ในมือ น้ำเต้าเจ็ดสีถูกไข่มุกหยินทมิฬสกัดไว้ และคัมภีร์หลิงฮวงถูกยับยั้งโดยภาพพันทิวเขาเหมันต์ มันสายเกินไปที่จะหลบ
การโจมตีนี้เป็การโจมตีที่ร้ายแรงซึ่งซูอวิ๋นคำนวณมาอย่างรอบคอบ นางคำนึงถึงความรู้ทั้งหมดของนางเกี่ยวกับหนิงเทียน และปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของหนิงเทียน
ใน่เวลาวิกฤติ หนิงเทียนไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง อีกทั้งกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ก็ฟื้นคืนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เต๋าทั้งสามไม่ว่าจะเป็เส้นทางเต๋าพฤกษา เส้นทางแห่งจิติญญา และเส้นทางิญญาต่างรวมเป็หนึ่งเดียว ยันต์เต๋าอนันต์เปิดใช้งานแหล่งกำเนิดของชีวิตอย่างบ้าคลั่ง วาโยพิโรธผลักดันทักษะโหมวาโยคุมเทวัญจนถึงขีดสุด รวมกับทักษะฝังบุปผาและประตูสู่์ ทั้งหมดนี้ยังรวมเข้ากับกายาสุวรรณะนิรันดร์ ทำให้เกิดการปราการที่แข็งแกร่งที่สุด
ชั้นของเส้นสีทองปรากฏขึ้นจากเืเนื้อของหนิงเทียน ซึ่งมีทั้งหมดห้าชั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากายาสุวรรณะนิรันดร์ได้เข้าสู่ระดับห้าแล้ว
หอคอยพลังในเส้นลมปราณแรกของหนิงเทียนหมุนวนและปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา แผนที่จิติญญาทั้งเก้าต่างตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน คลื่นทะเลสาบเบื้องล่างซัดสาดไปทั่ว เสาน้ำพันรอบร่างของหนิงเทียน นี่คือการประยุกต์ใช้โดยการแยกรากบ่มเพาะรูปแบบหนึ่ง
หมัดของซูอวิ๋นบรรจุคลื่นแสงแห่งการทำลายล้าง หยกหิมะวิจิตรหมุนวน ปลดปล่อยปราณกระบี่ทำลายล้างโจมตีหน้าอกของหนิงเทียน
การโจมตีนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง พลังทำลายล้างยากจะต้านทาน มันทำลายชั้นลวดลายสีทองบนร่างของหนิงเทียน หักเสาน้ำทั้งหมดโอบล้อมรอบตัวเขา
รัศมีแห่งความตายห่อหุ้มหัวใจของหนิงเทียน นี่เป็การโจมตีที่ซูอวิ๋นมุ่งมั่นเอาชนะด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของนาง พลังนั้นจึงเกินความคาดหมายของหนิงเทียน
แม้ว่าหนิงเทียนจะใช้การแยกรากบ่มเพาะและกระจายพลังบางส่วนที่โจมตีร่างกายของเขาออกไปทันที แต่พลังเยือกเย็นที่มีอยู่ในหยกหิมะวิจิตรนั้นถูกควบแน่นและไม่เคยกระจายออกไป ทั้งยังโจมตีใส่หัวใจของหนิงเทียนต่อกันถึงแปดชั้น
หมัดทำลายล้างทำให้เสื้อผ้าของหนิงเทียนฉีกขาด เืพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ด สภาพของเขาในยามนี้ดูเลวร้ายอย่างถึงที่สุด
ดวงตาของซูอวิ๋นมีความภาคภูมิใจ นางััได้ถึงความเสียหายที่เกิดจากหมัดของตน แม้ว่าหมัดเดียวจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่มันอาจจะทำให้เขาเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่งแล้ว
หลังจากนี้เพียงแค่นางต่อยอีกสองสามหมัด หนิงเทียนจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเ้ามีประโยชน์อะไร? สุดท้ายเ้าก็ต้องตายในมือข้า ทางเลือกของข้าไม่เคยผิด มันเป็ความผิดของเ้าเอง เป็เ้าเองที่ยืนกรานที่จะ...”
ดวงตาของหนิงเทียนเบิกกว้าง ก่อนขู่ตะคอกออกไป “คิดว่าเ้าชนะการต่อสู้ครั้งนี้แล้วหรือ?”
ซูอวิ๋นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ไม่ใช่หรือ?”
“เ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป เ้าคำนวณทุกอย่างแล้ว แต่เ้าพลาดสิ่งหนึ่งไป ทหาริญญาของจื๋อซิวแตกต่างจากหยวนซิว!”
ท่ามกลางพายุหิมะ กิ่งท้อทอดผ่านท้องนภา ราวกับสายรุ้งที่ทลายชั้นฟ้า แทงผ่านหลังของซูอวิ๋นทะลุผ่านหัวใจราวหอกั
รอยยิ้มของซูอวิ๋นแข็งค้าง ความเ็ปที่หัวใจทำให้นางส่งเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรง
หัวใจของนางถูกแทง พลังอันดุร้ายกลืนกินเืเนื้อ ทำให้นางอ่อนแอลงทันที
“หนิงเทียน เ้าบ้านี่ กล้าดีอย่างไรมาวางแผนต่อต้านข้า!”
ซูอวิ๋นดึงหยกหิมะวิจิตรกลับมาโดยเร็วที่สุด แล้วดึงกิ่งท้อที่เจาะร่างกายของนางออกไป ม้วนภาพที่อยู่ไม่ไกลคลี่ออก ก่อนพันรอบร่าง พร้อมพานางหลบหนีด้วยความเร็วสูงสุด
“คิดว่าจะหนีได้หรือ? เคลื่อนย้าย!”
หนิงเทียนได้รับาเ็สาหัส แต่เขาไม่ยอมปล่อยให้ซูอวิ๋นหนีไป เขาใช้ทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารของทหาริญญาเยาเยาร่วมกับทักษะคุมวาโย ใช้กำลังทั้งหมดเพื่อสังหารศัตรูของตน
ซูอวิ๋นผนึกาแด้วยความเย็น ดึงพัดหิมะลอยล่องและไข่มุกหยินทมิฬกลับคืน หยกหิมะที่อยู่ข้างกายปล่อยพลังทำลายล้างที่รุนแรง บังคับให้หนิงเทียนต้องหลบอย่างรวดเร็ว
นี่คือการประยุกต์ใช้พลังในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน แม้ว่าซูอวิ๋นที่ได้รับาเ็สาหัสจะไม่สามารถสังหารหนิงเทียนได้ แต่นางก็สามารถบังคับให้หนิงเทียนต้องถอยกลับได้ชั่วคราว
ครู่ต่อมาซูอวิ๋นหลบหนี ทว่าหนิงเทียนยังคงไล่ล่านางอย่างใกล้ชิด ภายในป่าเขาแห่งนี้ หนิงเทียนที่อยู่ในฐานะจื๋อซิวใช้ทักษะคุมิญญา ดอกไม้ ต้นไม้ หญ้า และเถาวัลย์รอบตัวล้วนอยู่ในมือเขา การโจมตีทุกประเภทมีอย่างท่วมท้นจนซูอวิ๋นไร้หนทางหลบหนี
ซูอวิ๋นกรีดร้องและเริ่มโต้กลับ แม้นางาเ็ปางตาย แต่ก็ยังสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ นางมองออกว่าก็หนิงเทียนได้รับาเ็สาหัสไม่ต่างกัน หากต้องหนีไปด้วยความอับอาย เช่นนั้นก็มาสู้ให้ตายกันไปข้างเสียจะดีกว่า
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้อย่างดุเดือดกลางอากาศ และความแข็งแกร่งทางกายภาพและพลังชีวิตของพวกเขาถูกใช้ไปอย่างมหาศาล
หนิงเทียนมีแหล่งกำเนิดชีวิตและมีข้อได้เปรียบในการรักษาอาการาเ็ นอกจากนี้ยุทธศาสตร์ครอง์ยังสามารถตั้งอาณานิคมแล้วดูดซับพลังจากดอกไม้ ต้นไม้ หญ้า เถาวัลย์ ดิน ไฟ น้ำ และลมเพื่อเติมเต็มพลังของตนได้
ซูอวิ๋นด้อยกว่าหนิงเทียนมากในด้านนี้ แต่นางจิตใจที่ลึกล้ำและมีแผนในใจแล้ว นางใช้พลังชีวิตในการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง และใช้ไข่มุกหยินทมิฬกับหยกหิมะวิจิตรเพื่อสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับหนิงเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในการไล่ล่าชีวิตและความตายที่ดุเดือดมากขึ้น
การต่อสู้ดำเนินไปเป็เวลาครึ่งชั่วยาม และในที่สุดซูอวิ๋นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ในขณะที่หนิงเทียนก็สู้จนอวัยวะภายในทั้งห้าาเ็ และเส้นลมปราณได้รับความเสียหาย
ซูอวิ๋นตัดสินใจหันไปด้านข้างแล้วดำดิ่งลงไปในทะเลสาบ ยามนี้นางเลือกที่จะหนีทางน้ำ
หนิงเทียนไล่ตามไป แต่เขาหาได้นึกไม่ว่าทั้งทะเลสาบจะกลายเป็น้ำแข็งในพริบตา สิ่งนี้ทำให้ร่างของหนิงเทียนกลายเป็น้ำแข็งในทันที
่เวลาต่อมาก็มีกระแสน้ำล้อมรอบร่างของหนิงเทียน น้ำแข็งที่อยู่ในระยะสิบจั้งในบริเวณใกล้เคียงเริ่มละลาย ก่อนที่หนิงเทียนจะได้รับอิสรภาพกลับคืนมา
เวลาที่ใช้ไม่นานนัก แต่ก็เพียงพอแล้วที่ซูอวิ๋นจะหนีไปได้
ก่อนหน้านี้หนิงเทียนไม่ได้ระวังการเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ แม้ว่าเขาจะรวมดิน ไฟ น้ำ และลมเข้าด้วยกัน แต่เมื่อน้ำแข็งตัว เขาก็ไม่สามารถหยุดซูอวิ๋นจากการหลบหนีได้
หนิงเทียนคำรามลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว เืพุ่งออกมาจากปาก ความเกลียดชังในดวงตาราวเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ
โอกาสดีๆ แบบนี้ เขากลับปล่อยให้ซูอวิ๋นหนีไปได้ การฆ่านางในครั้งหน้าย่อมไม่ง่ายแล้ว
ซูอวิ๋นเป็คนที่ระมัดระวัง นางมุ่งมั่นที่จะชนะในครั้งนี้และ้าประลองชีวิตกับหนิงเทียน ในท้ายที่สุดนางก็พ่ายแพ้ ในอนาคตหากนางไม่แน่ใจอย่างแท้จริง นางย่อมไม่คิดสู้กับหนิงเทียนเพียงลำพังอีก
หนิงเทียนหยัดยืนอย่างภาคภูมิเหนือหมู่เมฆ เขาเกลียดตัวเองที่หยิ่งเกินไปจนประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป
การฆ่าถังจิ้นอู่ทำให้หนิงเทียนมั่นใจ แต่เขาประเมินซูอวิ๋นต่ำไป และไม่คาดคิดว่าความแข็งแกร่งของนางจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้
ในการวิเคราะห์ช่องว่างระหว่างขั้นแรกของขอบเขตผนึกดาราและขอบเขตเปลี่ยนผ่านยังคงกว้างใหญ่จนเกินไป
แม้หนิงเทียนจะเป็สัตว์ประหลาดและสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตได้ แต่ก็เป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ในสถานการณ์ตัวต่อตัว
ซูอวิ๋นเป็ตัวอย่างที่ดีที่สุด แม้ว่าหนิงเทียนจะมีพลังในการต่อสู้และมีการป้องกันที่น่าทึ่ง ซูอวิ๋นไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ก็ไม่ใช่เื่ยากสำหรับยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนผ่านที่จะจากไปอย่างสงบ
ในทางกลับกัน หากหนิงเทียนอยากจัดการกับซูอวิ๋น นั่นคงยากมาก เพราะการประยุกต์ใช้ขอบเขตผนึกดาราในทุกด้านเป็เพียงของเด็กเล่นสำหรับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
หนิงเทียนมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ขอบเขตอ่อนแอ เขาไม่กลัวคู่ต่อสู้ในการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว แต่หากเปรียบเทียบทุกด้านแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาด้อยกว่าในบางจุด
หนิงเทียนค่อยๆ สงบลงท่ามกลางสายลม เขาเริ่มไตร่ตรองทุกรายละเอียดของการต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งยังเริ่มเรียนรู้บทเรียนและประสบการณ์ั้แ่เนิ่นๆ
กระแสน้ำที่พันรอบร่างผสมผสานกับพลังแห่งผืนดินและแก่นแท้พฤกษา ช่วยบรรเทาอาการาเ็ภายในของหนิงเทียนให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือผลของทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ ที่จะหยั่งรากใน์ ทุกเต๋าล้วนสรรเสริญ!
ชายชุดเขียวโบกมือให้หนิงเทียนที่อยู่กลางอากาศจากริมทะเลสาบด้านนอกกระท่อมมุงจาก
“ลงมานั่งพักสักครู่ก่อนเถอะ”
หนิงเทียนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกลับไปที่กระท่อม
สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวนำชามยามาให้เขา หนิงเทียนยิ้มให้แล้วดื่มมันในอึกเดียว
“ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่าควรเรียกพี่สาวและพี่ชายอย่างไร?”
สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เราเป็เพียงิญญาพฤกษาในหุบเขาแห่งนี้ที่มาตั้งรกรากที่นี่ เราเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านมานานหลายพันปีแล้ว ข้าคือดอกจื่อเถิงสีม่วงบนยอดเขา ส่วนเขาคือต้นหลิวริมทะเลสาบในหุบเขาแห่งนี้”
หนิงเทียนเหลือบมองต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่นอกกระท่อมแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษเพราะอยากปกป้องมันใช่หรือไม่?”
ชายชุดเขียวเหลือบมองต้นไม้เก่าแก่แล้วพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า “เขาคือผู้ชี้แนะของเรา เราสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
บนต้นไม้เก่าแก่มีตะกร้าไม้ไผ่แขวนอยู่ เมื่อหนิงเทียนมองต้นไม้ก่อนหน้านี้ ไม่เคยสนใจสิ่งที่อยู่ในตะกร้าไม้ไผ่เลย ในขณะนี้เขาจึงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“มีอะไรอยู่ข้างในหรือ?”
สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวหันกลับไปมองตะกร้าไม้ไผ่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมไม่ไปดูเองล่ะ”
“พี่สาวพูดถูก”
หนิงเทียนลุกขึ้นแล้วเดินเข้าหาต้นไม้โบราณอีกครั้ง นี่คือิญญาอสูรระดับห้า หนิงเทียนไม่กล้าปีนป่ายอย่างหุนหันพลันแล่น ดังนั้นเขาจึงต้องค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วสำรวจสิ่งที่อยู่ภายในตะกร้าไม้ไผ่
มีตะกร้าไม้ไผ่ทั้งหมดสิบสองใบแขวนอยู่บนต้นไม้เก่าแก่ มันทำจากวัสดุทอที่มีความพิเศษบางอย่าง ซึ่งสามารถบดบังดวงตาที่แหลมคมของหนิงเทียนและทักษะดวงเนตรของเขาได้
ในตะกร้าไม้ไผ่แต่ละใบมีหินหนึ่งก้อนซึ่งมีสีสันสดใส ที่ประกอบด้วยพลังจิตอันสง่างามราวกับหินิญญาชนิดหนึ่ง
บนหินแต่ละก้อนมีเมล็ดวางอยู่ ทั้งหมดมีความแตกต่างกัน ทั้งยังปลดปล่อยคลื่นพลังพิเศษบางอย่างออกมา
“รากบ่มเพาะ!”
หนิงเทียนค่อนข้างประหลาดใจ ในตะกร้าไม้ไผ่มีรากบ่มเพาะถึงสิบสองชนิด พวกมันกำลังดูดกลืนพลังจากหินิญญาและค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น
“เป็อย่างไรบ้าง?”
หนิงเทียนยังคงสับสน โดยทั่วไประดับของรากบ่มเพาะจะคงที่ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีความเป็ไปได้ที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ชายชุดเขียวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันก็มีเพียงเท่านั้นแหละ เ้าเห็นหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”
หนิงเทียนยิ้มแห้งๆ และพูดว่า “แต่ข้าไม่เข้าใจเลย”
สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวกล่าวว่า “มีบางสิ่งที่เ้าสามารถรู้แต่ไม่อาจเข้าใจ เ้าไม่จำเป็ต้องรู้มากเกินไป ทุกสิ่งที่นี่ล้วนเกี่ยวข้องกับเ้าแห่งจิติญญา ดังนั้นเ้าควรหลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้าม”
หนิงเทียนเข้าใจแล้ว เขาจึงกลับไปนั่ง ก่อนจะมุ่งความสนใจไปที่การถามสตรีในชุดกระโปรงสีเขียวถึงการปรุงยา
ก่อนหน้านี้เวลาในครัวสั้นเกินไป หนิงเทียนแทบจะจำหยินหยางและธาตุทั้งห้าในการกลั่นเม็ดยาไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เมื่อมีเวลาแล้ว เขาย่อมต้องคว้าโอกาสในการเรียนรู้
สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวไม่ตระหนี่ความรู้ นางตอบทุกคำถามและให้คำแนะนำอย่างรอบคอบ
ชายชุดเขียวกลับไปตกปลาอีกครั้ง ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวจึงพูดขึ้นว่า “ค่ำแล้ว ถึงเวลาที่เ้าต้องไปแล้ว”
หนิงเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ปกติ เมื่อฟ้ามืดก็ควรให้คนพักค้างคืนสิ ทำไมสตรีในชุดกระโปรงสีเขียวถึงเร่งเร้าให้เขาจากไปโดยเร็วเช่นนี้?
“ไปเถอะ ข้าจะพาเ้าออกไปจากที่นี่”
ชายชุดเขียวกลับมา ก่อนจะวางคันเบ็ดลงแล้วหมุนเตรียมพาเขาจากไป
หนิงเทียนรู้สึกถึงบางอย่างในใจ เขาเอ่ยขอบคุณสตรีในชุดกระโปรงสีเขียวที่สอนทักษะของนางแก่เขา จากนั้นจึงเดินตามชายชุดเขียวไปทางทิศบูรพา
“ในยามค่ำคืนมักเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นบนูเา เ้าข้ามูเาลูกนี้ไป ด้านหน้ามีผาหิน จะเห็นว่ามีศิลาหินตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น และเ้าสามารถค้างคืนตรงนั้นได้”
ชายชุดเขียวส่งหนิงเทียนขึ้นไปบนเนินเขา ก่อนจะตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “พยายามเข้า ข้าหวังว่าเ้าจะมีชื่อเสียงในดาราจักรแห่งนี้ได้โดยเร็ว พวกข้าถูกผูกมัดไว้ด้วยคำสาบาน และไม่สามารถออกจากหุบเขาแห่งนี้ได้ ดังนั้นข้าขอส่งเ้าเพียงตรงนี้”
“ขอบคุณ ดูแลตัวเองด้วย!”
“ระวังด้วย!”
หนิงเทียนโบกมือลาแล้วออกจากหุบเขาไป เขาปีนขึ้นไปบนูเา ก่อนจะเห็นหน้าผาหินอยู่ตรงหน้า ตรงนั้นไม่มีพืชพรรณใดๆ และมีแผ่นศิลาสูงสองจั้งที่กำลังส่องแสงระยิบระยับในยามพลบค่ำตั้งตระหง่าน
