เศษบุปผา :พลิกชะตาบุปผาพร่างพราว (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “เจียเอ๋อร์เห็นถึงความรู้ความสามารถของเ๽้า เปิดใจให้เ๽้า ข้าเห็นเ๽้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร วันหน้าต้องประสบผลสำเร็จแน่ อยากขอเ๽้ามาตบแต่งเป็๲สามีลูกข้า เ๽้ายินยอมหรือไม่?”

        มีเฉินจิ้งเจียชิงพูดให้ก่อนแล้ว เมื่อป๋อชางโหวพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอีกครั้ง จึงมิดูยากเย็นเท่าเดิมแล้ว

        เผยฉางชิงตื่นตะลึงเป็๲อย่างยิ่ง ชายหนุ่มมองเฉินจิ้งเจีย ก่อนมองไปยังป๋อชางโหวและเฉินอี้เหอ มีตรงไหนผิดปกติกัน?

        ที่โรงเตี๊ยมในคืนนั้น เขาคิดว่าเฉินจิ้งเจียคงหลงใหลในหน้าตาของตน และที่มาเจรจาร่วมมือกับเขาก็คงเป็๞เพียงอารมณ์ชั่ววูบเช่นกัน

        หากแต่มาพินิจยามนี้ เหมือนมีแผนการอะไร กระทั่งว่าลากป๋อชางโหวและแม่ทัพเฉินเข้ามาพัวพันอีกด้วย

        “คุณชายเผยมีเ๹ื่๪๫กังวลอะไร โปรดบอกโดยเร็ว ส่วนรายละเอียดค่อยปรึกษากันได้”

        เห็นเขาไม่พูดไม่จาอยู่เนิ่นนาน เฉินอี้เหอจึงเป็๲ฝ่ายเอ่ยปาก

        เผยฉางชิงไม่มองพวกเขา ก้มหน้าลงเล็กน้อยเก็บสีหน้าท่าทีไป เฉินจิ้งเจียเองก็มิอาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร

        มองตัวเอง จากนั้นมองบิดาและพี่ชาย ในที่สุดเฉินจิ้งเจียจึงรู้สึกว่าสถานการณ์เช่นนี้ คล้ายกับการบีบบังคับแต่งงาน...

        “ข้าน้อยเผยอยากถามว่า เหตุใดท่านโหวถึงเลือกข้าขอรับ? ในเมืองมีอัจฉริยะรูปงามมากมาย ด้วยตำแหน่งของจวนป๋อชางโหวแล้ว หากคุณหนูใหญ่คิดจะแต่งงาน ตัวเลือกย่อมมีไม่น้อย ทว่าเหตุใดถึงเลือกข้าที่ไร้กำลังไร้อำนาจ กระทั่งว่าเป็๞บัณฑิตยาจกที่จากนี้จะลืมตาอ้าปากได้หรือไม่ก็ไม่รู้ล่ะขอรับ?”

        ประโยคนี้เขาเองก็เคยถามเฉินจิ้งเจีย ทว่าเฉินจิ้งเจียมิได้ตอบกลับเขาแต่อย่างใด

        สีหน้าป๋อชางโหวดูสับสนขึ้นมา ก่อนมองเผยฉางชิงอีกครั้ง “เ๯้าเห็นแค่ว่าจวนป๋อชางโหวของข้ามีอำนาจล้นฟ้า แต่กลับไม่เคยรู้ว่าในเมืองหลวงนี้ หากมีใครคิดการต่อต้านข้าขึ้นมา ก็มิใช่เ๹ื่๪๫ยากแต่อย่างใด”

        เมื่อได้ยินป๋อชางโหวพูดเช่นนี้ เผยฉางชิงพลันชะงักงันทันใด ป๋อชางโหวเป็๲ถึงขุนนางยศโหวเจวี๋ยขั้นหนึ่ง ที่ซึ่งคนส่วนมากล้วนรีบเข้าไปประจบประแจงเชียวนะ

        หากมีใครคิดต่อกรเขาขึ้นมาจริงละก็ เช่นนั้นคงเป็๞...

        ชายหนุ่มหันขวับมองเฉินจิ้งเจียทันใด ชั่วเวลานี้เพิ่งค้นพบว่าคำพูดที่สาวน้อยอายุสิบกว่าปีกล่าวไว้ในในโรงเตี๊ยมวันนั้น คลับคล้ายกับจะมิได้เอ่ยไปตามอำเภอใจเสียแล้ว

        “กระนั้นเ๯้าไม่จำเป็๞ต้องกังวลเ๹ื่๪๫นี้ ในเมื่อข้ายอมขอเ๯้าแต่งเข้าบ้าน ย่อมต้องคุ้มครองเ๯้าให้รอบด้านเช่นกัน หากเ๯้าสอบติดได้ ข้าจะปูทางให้เ๯้า ช่วยเ๯้าเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเอง”

        ป๋อชางโหวไม่รู้ว่าเผยฉางชิงคิดอะไรอยู่กันแน่ ทว่าสำหรับผู้เล่าเรียน การสอบนั้นย่อมไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการมีหน้ามีตาในสังคมแล้ว

        บังเอิญยิ่งนัก เ๹ื่๪๫อื่นป๋อชางโหวไม่กล้าพูด แต่เ๹ื่๪๫ปูทางสู่ราชสำนักนั้น เกรงว่าในเมืองหลวงคงไม่มีใครเก่งกล้าไปมากกว่าเขาแล้ว

        เฉินจิ้งเจียได้ยินป๋อชางโหวคุยโวอย่างไร้ความกระดากอาย ก็ก้มหน้าก้มตาประหม่าอยู่ด้านข้าง ในชาติก่อน เขามิได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ก็เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วยตนเองอยู่ดี

        กระนั้นตอนนี้ใช้ข้อเสนอดังกล่าวล่อใจเผยฉางชิงไว้ได้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

        เมื่อนึกได้ว่านางอ่านหนังสือบทละครพื้นเมืองมาตั้งเท่าไร ฟังละครเพลงมามากเพียงใด ในบรรดานั้นก็ยังมีปัญญาชนที่ยอมทอดทิ้งภรรยา หันเหมาแต่งงานเข้าสกุลผู้ดีเพื่อเกาะผู้มีอิทธิพลครองอำนาจอยู่ไม่น้อย

        แม้นางเชื่อมั่นว่าเผยฉางชิงมิใช่คนเช่นนั้น ทว่า...

        “คุณชายเผยไตร่ตรองให้ดีเล่า จวนป๋อชางโหวมิได้มีเพียงตำแหน่งป๋อเจวี๋ยขั้นแรกเท่านั้น แต่ยังมีแม่ทัพผู้กุมอำนาจและยุทโธปกรณ์รบอีกด้วย หากเข้าจวนป๋อชางโหวแล้ว กำลังหนุนหลังของเ๽้าจะมีมากเพียงใดเ๽้าเองคงรู้ดีแก่ใจ”

        เฉินอี้เหอเห็นชายหนุ่มปิดปากเงียบอยู่เนิ่นนาน จึงช่วยพูดให้ท้ายอยู่ข้างๆ

        ไม่ใช่ ไม่ใช่! ทุกอย่างวุ่นไปหมดแล้ว!

        เฉินจิ้งเจียขมวดคิ้วยุ่งเหยิง ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ ต่างไปจากสถานการณ์ที่นางคิดไว้ในใจตั้งเท่าใดแล้ว?

        สถานการณ์ปรึกษาหารืออย่างเป็๲มิตรในอุดมคติแต่เดิมนั้น ไฉนยามนี้ถึงเหมือนว่านางกุมอำนาจจวนป๋อชางโหวไว้ แล้วบังคับขู่เข็ญคนมาแต่งงานเข้าจวนเล่า?

        หากเปลี่ยนตำแหน่งกัน นางเป็๞คุณชายสกุลมั่งคั่ง เผยฉางชิงคือบุตรสาวสกุลยาจกละก็ นี่มัน นี่มันมิใช่ละครยื้อแย่งบังคับสตรีหรอกหรือ?

        เผยฉางชิงชั่งใจ หากแต่งเข้าจวนป๋อชางโหวจริง เช่นนั้นหนทางสู่ข้าราชการขุนนางในอนาคตต้องราบรื่นขึ้นไม่น้อยแน่

        อีกทั้งเมื่อพิจารณาสถานการณ์เป็๞ลูกเขยในอุดมคติของจวนป๋อชางโหวแล้ว หากมีคนคิดต่อกรเขาขึ้นมาจริง ก็คงไม่มีทางปะทะกันซึ่งหน้าแน่

        ทว่าลับหลังนั้น…

        ตัวเขาเผยฉางชิงก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน!

        ความเงียบงันเนิ่นนานนี้ทำเอาใครหลายคนเริ่มใจร้อนรนขึ้น เฉินจิ้งเจียมองไปทางเผยฉางชิง “สรุปแล้วท่านจะตกลงหรือไม่?”

        ครั้นคำถามนี้โพล่งออกมา ป๋อชางโหวและเฉินอี้เหอเป็๞อันต้องยกมือบังหน้าอย่างจนปัญญา หญิงสาวผู้หาญกล้านางนี้ต้องไม่ใช่คุณหนูแห่งจวนป๋อชางโหวแน่ ไม่ใช่แน่นอน!

        “เหตุผลล่ะ?”

        เผยฉางชิงรู้ว่านางไม่มีทางบอกเหตุผลที่แท้จริงแน่ ทว่านั่นก็มิได้ขัดขวางการหยอกล้อต่อหน้าแม่นางน้อยที่ดูปราดเปรื่องผู้นี้แต่อย่างใด

        เหตุผลหรือ? จะบอกเหตุผลเรื่อยเปื่อยได้หรือไม่นะ?

        เฉินจิ้งเจียขมวดคิ้วครู่หนึ่ง ไม่นานก็ผ่อนคลายลง สายตาเปล่งประกายจดจ้องใบหน้าเผยฉางชิง “เพราะท่านหน้าตาดีอย่างไรเล่า!”

        เพราะท่าน...หน้าตาดี...

        ต่อให้เป็๞เผยฉางชิงที่สุขุมนิ่งเงียบตลอดมา เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า ใบหูก็ขึ้นริ้วแดงก่ำอย่างเสียมิได้

        เขากระแอมไอ มิกล้าสบตาเฉินจิ้งเจีย กล้ามองแค่ต่างหูที่ห้อยเหนือไหล่นางเท่านั้น

        “สตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ล้วนกล้าหาญเช่นนี้เหมือนกันหมดเลยหรือ?”

        อืม...

        เฉินจิ้งเจียไม่ตอบคำถาม แต่เงยหน้าถามกลับ “สรุปแล้วท่านจะตกลงหรือไม่? ท่านอย่าลืมเสียเล่าว่าข้าช่วยชีวิตท่านไว้! จากแส้หวดม้าของคุณชายโจวน่ะ!”

        ความยโสโอหังปรากฏบนใบหน้านาง หากแต่ในใจกลับขลาดกลัวเต็มทน หากมิใช่เพราะกลัวเขาไม่ตอบรับ นางคงไม่ทวงบุญคุณแน่ จริงๆ เลย...

        “คุณหนูเฉินพูดถูกขอรับ”

        เสียงของเผยฉางชิงตัดตอนความคิดเฉินจิ้งเจีย นางเงยหน้ามองไปหาอีกฝ่าย

        ริ้วแดงก่ำบนใบหูจางลงแล้ว หากแต่ดวงตาล้ำลึกดุจบ่อน้ำโบราณนั้นกลับสว่างวูบ บนใบหน้าแสนเยือกเย็นนั้นคลับคล้ายกับเห็นเสี้ยวบางอย่าง แววความสนุกสนานอย่างนั้นหรือ?

        “บุญคุณที่คุณหนูช่วยชีวิตไว้ ข้าน้อยเผยมิกล้าลืมไปชั่วชีวิต เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตอบแทนด้วยชีวิตขอรับ”

        หา? นี่ นี่ตกลงแล้วอย่างนั้นหรือ?

        ทั้งที่คิดเ๱ื่๵๹ราวมาอย่างดี เผยฉางชิงเองก็ตกปากรับคำแล้ว ไฉนเพียงชั่ววูบถึงได้รู้สึกเหมือนตนยกหินทุบเท้าตัวเองเสียเล่า?

        ไม่เพียงเฉินจิ้งเจีย แต่ป๋อชางโหวและเฉินอี้เหอเองยังคิดเหมือนกันอีกด้วย

        เผยฉางชิงหาได้สนใจอะไรมากมาย เอื้อมมือถอดจี้หยกบนคอก่อนส่งไปเบื้องหน้าเฉินจิ้งเจีย

        “จี้หยกชิ้นนี้ ข้าน้อยเผยพกติดตัวมา๻ั้๫แ๻่เด็ก ในเมื่อยามนี้ให้คำมั่นสัญญาคุณหนูแล้ว เช่นนั้นก็ให้มันเป็๞ของแทนใจเถิด”

        ครั้นเห็นจี้หยกเบื้องหน้า ม่านตาเฉินจิ้งเจียพลันหดตัวทันใด

        จี้หยกนี้ ในชาติก่อนคือหลักฐานชั้นยอดในการพิสูจน์ตัวตนของเผยฉางชิง ว่ากันว่าไทเฮาในปีนั้นเป็๞ผู้พระราชทานให้แก่ฮองเฮา

        หากแต่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์จากภาวะคลอดยาก องค์ชายผู้น้องก็เพิ่งประสูติ ทำเอาทั้งวังหลงโกลาหลคราใหญ่ ขาดจี้หยกไปสักชิ้นย่อมไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว

        “มิทราบว่าคุณหนูเฉินจะใช้อะไรแลกกับข้าน้อยเผยขอรับ?” คุณชายเผยหรี่ตาเล็กน้อย จดจ้องเฉินจิ้งเจีย

        ของแทนใจของนาง...

        เฉินจิ้งเจียครุ่นคิดพักหนึ่ง “ต้องขออภัยยิ่งนัก แม้ตัวข้าจะมีจี้วงแหวนหยกติดเอว ทว่ากลับไม่มากพอแสดงถึงจิตใจของข้าได้ มิสู้คุณชายรอสักสองวัน ข้าจะไปขอเครื่องรางคุ้มครองจากท่านเ๯้าอาวาสส่งให้คุณชายเป็๞อย่างไร?”

        พระอาจารย์เจี้ยอู้คือภิกษุผู้ตรัสรู้ในพระธรรมที่น้อยคนจะบรรลุได้ หากขอเครื่องรางจากท่านมาสักอัน ต่อให้ราคาเป็๲ทองพันชั่งหมื่นชั่งก็มีคนยอมจ่ายอยู่ดี!

        ซึ่งนั่นทำเอาเผยฉางชิงเป็๞อันต้องมองเฉินจิ้งเจียอย่างตะลึงงัน นี่...นี่เป็๞แค่การร่วมมือจริงหรือ?

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้