“โจวซู่ซิน เ้ามิได้มีความสัมพันธ์อันดีกับคุณชายหวังหรอกหรือ?มิให้เขาเก็บเ้าไปเลี้ยงเล่า ฐานะเช่นเ้า พอจะเป็สาวใช้ให้เขาได้ ข้าว่าบ้านของเขาเองน่าจะยินยอมให้เ้าเข้าไปรับใช้” อิ่นซู่ซู่ปรายสายตาเหยียดหยามมองโจวซู่ซิน นางอยากจะรู้นักว่าผู้ที่ตามเกี้ยวโจวซู่ซินยังจะสนใจนางอยู่หรือไม่ ผู้ที่มีฐานะชาติตระกูลดีเช่นคุณชายหวัง เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งสาวใช้ ทำงานใช้แรงงาน เขายังมิอยากมอบให้โจวซู่ซินเสียด้วยซ้ำ
“อิงจื่อ คนผิดคือท่านปู่และท่านย่า มิใช่พวกเรา เ้าจำเป็ต้องทำตัวเหนือกว่าเช่นนี้ด้วยหรือ?” พี่ใหญ่ของโจวซู่ซิน นามว่าโจวซั่วมิชอบท่าทางของอิ่นซู่ซู่ เขาจึงทำตัวเช่นพี่ใหญ่ สั่งสอนอิ่นซู่ซู่
“ข้าบังคับพวกเ้าแล้วอย่างไร พวกเ้าทำสิ่งใดข้าได้หรือ” อิ่นซู่ซู่ดูแคลนโจวซั่วอยู่เสมอ สุภาพบุรุษจอมปลอมเช่นเขา นางเห็นมานักต่อนักแล้ว
“ท่านอารอง ท่านมิสู้ให้พวกเราอยู่ในบ้านต่อเล่าเ้าคะ พวกเราจะจ่ายค่าเช่าให้ท่านเองเ้าค่ะ” โจวซู่ซินขอให้โจวเจียอิ้งที่เปลี่ยนชื่อเป็อิ่นซือหยวนตัดสินแทน นางหวังว่าเขาจะเมตตาปล่อยให้พวกนางอยู่ในบ้านต่อ
“ข้ามิใช่อารองของเ้า จากนี้อย่ามาเรียกข้าว่าอารองอีก และพวกเ้ารีบย้ายข้าวของออกไปจากบ้านของข้าเสีย” หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ อิ่นซือหยวนได้ข้อสรุปหนึ่งข้อ บางคนมิว่าจะทำดีกับเขามากเท่าใด พวกเขาก็มิคิดสำนึกบุญคุณ เหมือนครอบครัวของโจวฟู่กุ้ย พวกอิ่นซือหยวนทำงานเป็วัวเป็ควายให้พวกเขา สุดท้ายกลับพบว่าโจวฟู่กุ้ยคือศัตรูคู่แค้นของพวกเขาเอง มันช่างน่าขันเสียเหลือเกิน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็รู้สึกละอายใจกับลูกเมียยิ่งนัก จากนี้เขาจะมิโง่งมอีกต่อจากนี้หากผู้ใดมีพระคุณ เขาย่อมทดแทน ส่วนผู้ใดมีความแค้น เขาจะคิดบัญชีให้หมด
มิคิดว่าคนอ่อนแอเช่นโจวเจียอิ้งจะมิสนใจนาง หึ! แค้นนี้นางจดจำเอาไว้แล้ว นางมิเชื่อหรอกว่าพวกนางจะมิมีที่ซุกหัวนอน
“ท่านแม่ พวกเรารีบไปเก็บข้าวของแล้วย้ายบ้านกันเถิดเ้าค่ะ” โจวซู่ซินเป็คนปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ นางมิยอมก้มหัวให้กับโชคชะตา นางตั้งใจจะไปหาคุณชายหวัง เพื่อดูว่าคุณชายหวังจะเต็มใจรับนางไปเลี้ยงหรือไม่ หากคุณชายหวังยินดี ต่อให้เป็อนุ นางก็ยอม
“ซู่ซิน เ้ากับพวกพี่น้องของเ้าไปเก็บของกันก่อน ข้าอยากคุยกับพ่อของเ้าเพียงลำพัง” หานซื่ออยากเจรจาหย่ากับโจวเจียโย่ว นางมิอยากรอเขา โจวเจียโย่วถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และจะมิมีโอกาสได้ออกมาอีก ยกเว้นฮ่องเต้จะพระราชทานอภัยโทษในโอกาสต่างๆ
“ใต้เท้ามือปราบ ข้าสามารถคุยกับสามีตามลำพังได้หรือไม่เ้าคะ”
“ข้าให้เวลาพวกเ้าหนึ่งถ้วยชา” มือปราบค่อนข้างมีเหตุผล แม้โจวเจียโย่วจะเป็นักโทษ แต่พวกเขามิอาจลิดรอนสิทธิการพบปะกันของครอบครัวได้
เมื่อหานซื่อได้รับอนุญาตจากมือปราบ นางจึงมาคุยกับโจวเจียโย่วตามลำพัง
“ภรรยา จากนี้ข้าฝากเด็กๆ ไว้กับเ้าด้วย” เื่มาถึงขั้นนี้ โจวเจียโย่วทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม ครึ่งชีวิตแรกของเขาคงราบรื่นเกินไปจน์มิพอใจ
“สามี ท่านพ่อเขียนหนังสือสัญญาหย่าไว้แล้ว ท่านลงชื่อให้ข้าด้วยนะเ้าคะ” หานซื่อลังเลอยู่นานแล้วจึงพูดเื่เจรจาหย่าออกมา สามีภรรยาเดิมเหมือนนกในป่าเดียวกัน ยามคราวเคราะห์ก็บินแยกจากกันไป[1]
สำนวนนี้กล่าวได้ถูกต้องนัก เขาคิดว่าภรรยาจะบอกว่านางยินดีที่จะรอเขากลับมาเสียอีก
เพียงคำโกหก นางยังมิคิดจะพูดกับเขาเลย
“สามี ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อพวกเด็กๆ ข้ามิได้อยากทอดทิ้งท่าน” หานซื่อเห็นสามีหดหู่ นางจึงรีบอธิบาย ั้แ่นางรู้ว่าสามีคือทาสตระกูลอิ่น ในใจของนางก็อิจฉาและมีความรู้สึกมิมั่นคง พี่สาวน้องสาวในบ้านเดิมต่างก็อิจฉานางที่ได้แต่งงานดี ใช้ชีวิตเยี่ยงภรรยาขุนนาง เมื่อแต่งเข้าบ้านของโจวหลี่เจิ้ง แต่ในเวลานี้นางกลับกลายเป็ตัวตลกของคนทั้งหมู่บ้าน
“ข้าจะให้หนังสือสัญญาหย่ากับเ้า เพียงแต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ เ้าห้ามทอดทิ้งลูกของข้า” แม้โจวเจียโย่วจะเย่อหยิ่งแต่เขารักลูก เขามีทายาทเหลือไว้ ก็พอใจแล้ว
“แม้ท่านมิพูด ข้าก็จะดูแลลูกๆ อย่างดีเ้าค่ะ” สามีตกลงให้หนังสือสัญญาหย่ากับนาง ความหนักอึ้งภายในใจของนางจึงเบาบางลง นางโชคดีที่เก็บเงินเอาไว้บางส่วน
พวกนางสามารถใช้เงินส่วนนั้นสร้างกระท่อมสองหลังในหมู่บ้าน เพื่ออยู่ชั่วคราวได้ ส่วนเื่อื่นค่อยๆ หาทางกันต่อ
คนผิดคือสามีของนาง มิใช่พวกนางแม่ลูก ต่อให้พวกชาวบ้านจะเกลียดนางก็มิกล้าทำสิ่งใดกับพวกนางอยู่ดี
“ซู่ซิน ท่านปู่ท่านย่ามิได้บอกเ้าว่าพวกเขาเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่ใดหรือ?” ตอนเก็บของ โจวซั่วถามโจวซู่ซินอย่างจริงจัง ว่านางรู้หรือไม่ว่าโฉนดที่ดินอยู่ที่ใด พวกเขามิอยากออกจากบ้านไปเช่นนี้
จากนี้พวกเขาจะไปเรียนที่สำนักศึกษามิได้อีกแล้ว เมื่อรู้เื่นี้แล้ว คนในสำนักศึกษาต่างก็ดูถูกพวกเขาเช่นกัน
พวกเขาต้องใช้ชีวิตในฐานะทาสหลบหนีไปตลอดชีวิต ถึงแม้พวกเขาจะมิใช่ทาส แต่พวกเขาก็มีบิดาเป็ทาสหลบหนีอยู่ดี!
“พี่ใหญ่ เื่นี้ช่างมันเถิด พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะดูแลชีวิตของตนเองเ้าค่ะ” โจวซู่ซินเก็บของที่จำเป็ไปพลางเกลี้ยกล่อมให้พี่ใหญ่และน้องชายของนางยอมรับชะตากรรม เวลานี้พวกเขาหาเื่คนพวกนั้นมิได้แล้ว แม้จะหลบหนีก็มิได้ด้วยหรือ?
นางเชื่อว่าทีใครทีมัน และซย่าจิ่นเซวียนจะซวยในสักวันหนึ่ง
“ซู่ซินเอ๋ย เ้าไปขอร้องให้คุณชายหวังเก็บพวกเราไปเลี้ยงด้วยเถิด คุณชายหวังมีเงินมากเช่นนั้น ขนหน้าแข้งเพียงเส้นเดียวก็พอให้พวกเราอยู่กินได้ระยะหนึ่งแล้ว” โจวซั่วจับมือเกลี้ยกล่อมโจวซู่ซินให้ตกลงปลงใจกับคุณชายหวัง เป็อนุยังดีกว่าเป็คนยากจน
เขากับน้องชายอยู่เสวยสุขมาทั้งชีวิต มิเคยต้องทำงาน หากให้เขาไปทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินทุกวัน เขาคงทนอยู่ต่อไปมิได้
“พี่ใหญ่ พวกเราจนก็ต้องจนอย่างทะเยอทะยาน ท่านปู่กับท่านย่าจะถูกตัดหัวแล้ว ท่านให้ข้าไปพึ่งพาคุณชายหวังเช่นนี้ อยากให้บ้านของเขาดูถูกข้าหรือเ้าคะ?” โจวซู่ซินขัดโจวซั่วด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด นางมีแผนการของนาง สิ่งใดที่ได้มาง่ายๆ มักมิมีค่า นางต้องค่อยๆ ยั่วยวนคุณชายหวังแล้วชิงตำแหน่งภรรยาเอกมา
แม้นางจะมิเคยทำนา แต่นางเย็บผ้าได้ นางจึงคิดจะรับงานมาทำเสียหน่อย ส่วนพี่ใหญ่กับน้องสาม พวกเขาอยากใช้ชีวิตอย่างไร ก็เป็เื่ของพวกเขา นางมิคิดจะเข้าไปยุ่ง
สิ่งเดียวที่นางทำได้คือพยายามหาเงินมาช่วยน้องสามในการสอบคัดเลือกขุนนาง น้องสามกับพี่ใหญ่มิเหมือนกัน น้องสามมีผลการเรียนและบุคลิกที่ดี หากวันข้างหน้าเขาได้เป็ขุนนาง นางเองก็จะมีหน้ามีตาเช่นกัน
“พี่ใหญ่ พี่สาวพูดถูกแล้ว พวกเราอย่าไปขอร้องผู้อื่นเลยขอรับ ท่านปู่ท่านย่ามีวันนี้เพราะพวกเขาทำตนเองทั้งสิ้น” น้องสามของโจวซู่ซินหรือโจวจวิ้น เขาเป็เด็กหนุ่มสุภาพ ค่อนข้างเก็บตัว เขาเข้าสำนักศึกษาช้าที่สุด แต่เรียนได้มากกว่าท่านพ่อและพี่ชายเสียอีก
เมื่อเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น เขาเองก็รับมิได้เช่นกัน มิเคยคิดว่าพวกเขาจะกลายเป็ลูกชายลูกสาวของทาสหลบหนี ก่อนหน้านี้เขาเคยเกลี้ยกล่อมให้พ่อแม่ปฏิบัติกับครอบครัวของท่านอารองดีๆ เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากผู้ที่ได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาคือญาติผู้น้องของเขา ท่านพ่อท่านแม่จะรู้สึกอย่างไร
“ท่านพ่อของข้าบอกว่า สินสมรสของแม่เ้า ให้พวกเ้าเอาไปได้ พวกเรามิสนใจ” ทันใดนั้นอิ่นซู่ซู่ก็เดินเข้ามาจากนอกประตู แม้นางจะเกลียดโจวซู่ซิน แต่นางรู้ว่าโจวจวิ้นมิมีความผิด บ้านหลังนี้มีเพียงโจวจวิ้นเท่านั้นที่ปฏิบัติกับพวกนางดีหน่อย
“อิงจื่อ ขอบคุณเ้า” น้ำเสียงของโจวซู่ซินอ่อนโยนแฝงไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
“ข้าเปลี่ยนชื่อแล้ว ข้าชื่ออิ่นซู่ซู่ พวกเ้าอย่าเรียกข้าว่าอิงจื่ออีก” อิ่นซู่ซู่เกลียดชื่อโจวซู่อิงยิ่งนัก นางรู้สึกว่าชื่อนี้มิเคยให้สิ่งดีๆ กับนางเลย
โจวซู่ซินระงับความเกลียดชังภายในใจ และมองอิ่นซู่ซู่ด้วยรอยยิ้ม “พวกเรามาคุยกันตามลำพังเถิด”
เชิงอรรถ
[1] สามีภรรยาเดิมเหมือนนกในป่าเดียวกัน ยามคราวเคราะห์เข้ามาก็บินแยกจากกันไป หมายถึง คนเห็นแก่ตัวที่ละทิ้งคู่ชีวิต เมื่อภัยร้ายเข้ามาใกล้ตัว กล่าวถึงธาตุแท้ของมนุษย์ยามที่เข้าตาจนก็มักจะคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตนก่อนเสมอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้