เื่ที่หรงซิวจะอภิเษก ทำให้ทั้งเมืองหลวงครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง
ทั้งคนแก่ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ทั้งถนนและทุกตรอกซอกซอย ผู้คนต่างบอกเล่าบอกต่อกันเป็ทอดๆ ล้วนพูดถึงเื่นี้กันอย่างมีความสุข
พูดกันว่าองค์ชายเจ็ด เป็ผู้ที่โชคดีนัก
อย่างแรกก็คือเขาได้ตบแต่งอภิเษกอย่างเป็ทางการกับลูกสาวคนเดียวจากจวนอวิ๋น
จากนั้นก็เป็เื่งานอภิเษกใน่ต้นปี ถึงแม้จะต้องพังทลายลงเพราะว่าพระชายาเจ็ดได้ฟื้นจากความตาย มิเช่นนั้นเขาจะได้แต่งกับสตรีงามมากความสามารถอย่างซูเมี่ยวเออร์เลยทีเดียวเชียว
ต่อมาก็เป็สตรีที่ได้รวมทั้งความงดงามและความสามารถไว้ด้วยกันอีกอย่างท่านหญิงหว่านฉือ มีบางคนพูดโอ้อวดว่าเคยได้พบกับท่านหญิงหว่านฉือ พูดว่าหุ่นของหว่านฉือมีความงดงามเพียงใด ชวนให้ผู้คนใฝ่ฝันเพียงใด
ในทันใด หรงซิวก็กลายเป็ที่น่าอิจฉาของบุรุษหนุ่มทั่วเมืองหลวง
ในฝั่งของสตรีก็ยิ่งพูดเยอะ อย่างแรกคือพากันดูถูกหว่านฉือที่รีบร้อนอยากจะแต่งงาน พร้อมทั้งโกรธและด่าหรงซิวที่เป็คนเ้าชู้ แต่จากนั้นไม่นานก็รู้สึกสงสาร บอกว่าความเ้าชู้เป็เื่ปกติของบุรุษ
อวิ๋นอี้ "......"
ทิศทางแปรผันเร็วไปแล้วหรือไม่เนี่ย!
ปวดใจ!
หลังจากที่ตื่นั้แ่เช้า นางก็ออกมาจากจวน มิได้คิดจะกลับบ้าน นางรู้สึกว่าที่จวนมันช่างน่าเบื่อนัก จึงออกมาเดินเล่น
หลังจากเดินไปบนถนน นางจึงคลายความเบื่อหน่ายด้วยการซื้อของมากมาย ตอนนี้นางค่อนข้างมีอิสระทางการเงิน ใช้จ่ายเงินได้ตามที่้า ทว่าดูเหมือนนางจะไม่ค่อยมีความสุขมากนัก
ไม่ทันจะรู้ตัว นางก็เดินมาถึงโรงเตี๊ยมเกาเซิ่งอีกแล้ว
ยิ่งวันสอบเข้าวังใกล้เข้ามา นักเรียนมาพักอยู่ที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ นางยืนอยู่ที่ประตู พลันเห็นบุรุษหลายคนที่ดูเหมือนบัณฑิต อยู่รวมกันเป็กลุ่มๆ ภายในห้องโถง
พวกเขาคุยกันอย่างมีคารมคมคาย หรือไม่ก็พูดบทกวี วาดภาพ ทั้งแลกเปลี่ยนความรู้กัน
ภาพที่เห็นเหล่านี้ ราวกับออกมาจากภาพวาดอย่างไรเช่นนั้น ทิ้งความประทับใจลึกๆ ไว้ในใจของนาง
บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการเรียนรู้ อวิ๋นอี้คิดจะกลับแล้ว ทว่านางลืมไปว่าที่โรงเตี๊ยมมีจ่างกุ้ยที่มีตารอบทิศอยู่ เมื่อเห็นว่านางเดินเข้ามา เขาก็รีบวิ่งเข้ามา
อวิ๋นอี้ถูกเชิญเข้าไปในห้อง
นางมิมีกระไรทำ จึงหยิบบัญชีโรงเตี๊ยมออกมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนเช้าตรู่จำนวนคนน้อย คนเดินถนนเยอะขึ้นไปตามดวงอาทิตย์ คำสนทนาก็มีเยอะขึ้น อวิ๋นอี้อยู่บนชั้นสอง เสียงเ่าั้ก็ลอยเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดอยู่
นางไม่อยากฟังแต่ถูกบังคับให้ฟัง
เื่ที่หรงซิวจะอภิเษก เป็เื่ที่พูดคุยกันอยู่นานกว่าครึ่งวัน หลังจากนั้นก็มีเื่อื่นแทรกเข้ามา
กระไรเกี่ยวกับลูกแกะบ้านจางซานหายไป สงสัยว่าเป็เหล่าจ้าวขโมยไป ทั้งสองบ้านทะเลาะกันใหญ่โต
อวิ๋นอี้ได้ยินก็รู้สึกมิมีความสนใจ นางเอนพิงเก้าอี้ ไม่นานนักก็หลับไป
จนกระทั่งมีคนเคาะประตู นางจึงได้สติ เมื่อมองแวบแรก รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมไม่คุ้นเคย หลังจากดูอย่างระมัดระวังแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอยู่ที่ใด
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
“เข้ามา” อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว พูดออกไปทางประตู คิดไม่ถึงก็คือเหตุใดถึงเป็ลู่จงเฉิงอีกแล้ว
นางไม่เข้าใจ ่นี้มหาเสนาบดีลู่พักที่โรงเตี๊ยมหรือ? ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ เมื่อก่อนเขาจะมาโรงเตี๊ยมน้อยมาก
“ท่านมหาเสนาบดีลู่” ในใจบ่นเขา ทว่านางยังคงยืนขึ้นแล้วทักทายเขาอย่างสุภาพ “วันนี้ท่านอยู่ด้วยหรือเ้าคะ?”
“ผ่านทางมาจึงเข้ามาดูพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ...” อวิ๋นอี้คิด เขามาดูกระไรกันแน่นะ “เช่นนั้นท่านมหาเสนาบดีลู่จะดูบัญชีหรือไม่เ้าคะ?”
บนโต๊ะที่มีของวางเยอะแยะ เป็กองบัญชีที่ยังไม่จบวางอยู่ นางพูดพร้อมกับหยิบหนึ่งเล่มในนั้นยื่นให้ลู่จงเฉิง
ลู่จงเฉิงขยับมุมปากเล็กน้อย ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ เขาหยิบสมุดบัญชีแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม
อวิ๋นอี้ไม่เข้าใจ
นี่หมายความว่าเขา้าดูบัญชีกับนางหรือ?
หลังจากที่ลู่จงเฉิงนั่งลง ก็ไม่พูดกระไร ดวงตาทั้งสองได้ก้มลงดูบัญชีอย่างจริงจัง
ก็ได้
นางเป็คนเชิญอีกฝ่ายมาเอง ตอนนี้นางกลับเหม่อลอย พูดกระไรก็พูดไม่ออก
อวิ๋นอี้ทำเป็มิมีกระไร นั่งดูบัญชีต่อไป
เมื่อคืนนางนอนหลับไม่สนิท เสี่ยวมู่อวี่เป็คนช่างพูด หลังจากคว้าตัวนาง เขาก็คุยกับนางทั้งคืน
หากนางไม่ตอบกระไร เด็กน้อยจะลุกขึ้นนั่งบนตัวนาง
เสี่ยวมู่อวี่ที่อ้วนขึ้น เป็ปลาตัวที่อ้วนมาก น้ำหนักของเขาทำให้เมินมิได้ อวิ๋นอี้จึงต้องเบิ่งตาไว้บังคับมิให้ตนเองหลับ
ผลร้ายที่ตามมาของการมิได้นอน ทำให้นางต้องล้มตัวลงนอนที่โต๊ะ หลังจากที่อยู่หน้าลู่จงเฉิงได้เพียงครู่หนึ่ง ถึงขนาดกรนเบาๆ ด้วย
ลู่จงเฉิงขนตาไหวๆ หัวใจของเขาก็พาให้หวั่นไหวไปด้วย
เขามองนางจากทางข้างอยู่เป็เวลานาน หลังจากที่แน่ใจว่านางหลับไปแล้ว เขาก็วางบัญชีที่ถืออยู่ลง
อักษรที่อยู่บนบัญชีนั้นยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แต่เขามิได้อ่านเข้าไปเลย
สตรีที่อยู่ข้างๆ ผล็อยหลับไปอย่างสงบ ทำให้เขาไม่อาจจะบังคับตนเองได้ ผิวของนางขาวมาก ราวกับหยกเนื้อดี มองจากมุมของเขา สามารถเห็นขนตายาว จมูกที่เชิดขึ้นมาและปากสีชมพูเล็กๆ นั้นที่อ้าหุบอยู่เล็กน้อย
แววตาของลู่จงเฉิงจางลง
ในทางที่ใช้สติ เขาควรละสายตาไป ทว่าทางอารมณ์เขากลับไม่ยอมทำ
สตรีสาวตัวเล็กนอนอย่างสบาย ปากของนางพึมพำบางครั้ง เบะลงเล็กน้อย แสดงถึงความไร้เดียงสาและความน่ารัก
นางรู้หรือไม่ว่าหรงซิวกำลังจะอภิเษก?
น่าจะรู้ล่ะมั้ง ลู่จงเฉิงคิด
อย่างไรเสีย นางกับหรงซิวดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกระไรกับเขาเลย เขารู้ว่าเขาเริ่มจะสนใจเื่ซุบซิบ เริ่มจะคาดหวัง และเข้าไปพัวพันในสังคมก็เพราะนาง
มือของเขายื่นออกไปโดยมิได้ตั้งใจ ััใบหน้าเล็กๆ ของนางแล้วรีบดึงมือออกอย่างกับะโเพราะถูกน้ำร้อนลวกอย่างไรเช่นนั้น
หากนางนอนที่นี่ อาจจะเป็หวัดได้
ลู่จงเฉิงลุกจะไปหยิบผ้าห่ม ทว่าเมื่อเขาถอยเก้าอี้ มิได้ระวังจึงทำให้เล่มบัญชีเกือบหล่น เขารีบก้มตัวไปหยิบแต่ริมฝีปากของเขากลับแตะลงบนหน้าผากของอวิ๋นอี้
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกผลักออก เผยให้เห็นใบหน้าของหรงซิว
เมื่อเห็นสถานการณ์ด้านในชัดเจน บุรุษที่อยู่นอกประตูจึงไม่ลังเลเลยรีบวิ่งเข้ามาต่อยหน้าของลู่จงเฉิง
ลู่จงเฉิงสะดุ้ง สู้กลับโดยมิรู้ตัว
ทั้งสองตะลุมบอนกัน
จ่างกุ้ยที่เดินผ่านมาก็ะโเสียงดัง รีบเข้ามา เกลี้ยกล่อมทั้งสองฝ่าย “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ มหาเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ หยุดเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
นี่มันเื่กระไรกัน เ้านายทั้งสองหากมีผู้ใดเป็กระไรไป เขาได้ทานไม่หมดห่อกลับแน่[1]
การโน้มน้าวของจ่างกุ้ยไม่เป็ผล หรงซิวและลู่จงเฉิงต่อยกันแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในห้องเสียงดังวุ่นวายไม่น้อย
อวิ๋นอี้ที่หลับเหมือนหมู ในที่สุดก็ลืมตาขึ้น นางอึ้งเล็กน้อย หูของนางก็เต็มไปด้วยเสียงที่ว่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ พระชายา! ได้โปรดกล่อมทั้งสองท่านหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! หยุดตีกันได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ตีกัน?
ตีกันที่ใด?
ภาพตรงหน้านางชัดเจนขึ้น เมื่อนางเห็นทั้งสองทะเลาะกันอย่างชัดเจน ก็รู้สึกว่านางกำลังฝัน
ถ้าจะบอกว่าหรงซิวต่อยกับผู้ใดนางคงเชื่อ ถ้าจะบอกว่าลู่จงเฉิงต่อยคน พระเ้าช่วย ที่มันไม่จริง ไม่จริงแน่ๆ!
นางหยิกตนเอง ความเ็ปนั้นทำให้นางต้องร้องเรียกแม่
“หยุดตีกันได้แล้วเพคะ” นางยืนขึ้นมองหรงซิว แล้วก็มองลู่จงเฉิง "พวกท่านหยุดตีกันเถิด"
มิมีผู้ใดสนใจ ลู่จงเฉิงถูกหรงซิวผลักลงกับพื้น จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไป
“......”
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว ขณะที่พ่อบ้านกำลังจะหาผู้ใดสักคนให้มาห้าม จู่ๆ นางก็เหยียบขึ้นเก้าอี้ อีกมือหนึ่งก็หยิบเล่มบัญชีขึ้น แล้วเคาะกับโต๊ะ นางหลับตาและะโ "ข้า! บอกว่า! ให้! หยุด! ตีกัน! ได้แล้วไง!”
เชิงอรรถ
[1] ทานไม่หมดต้องห่อกลับ 吃不完了兜着走 หมายถึง ทำเื่ไม่ดีไว้ ต้องรับผลของการกระทำนั้น ค่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้