“นั่นใครน่ะ?”
นอกจากนี้ภายในตระกูลหวงยังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนอยู่ภายในจวน หลังจากพวกเขาห้าคนได้เห็นคนกลุ่มใหญ่ในชุดสีดำซึ่งมีผ้าปิดหน้าเอาไว้อย่างมิดชิดบุกเข้ามาประชิดประตูจวน พวกเขาทั้งหมดต่างก็ใเป็อย่างมาก
“ฆ่ามัน!”
ใบหน้าอันหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยวภายใต้ผืนผ้าที่ใช้ปิดบังได้มีเสียงะโดังขึ้นอย่างเ็า ฉับพลันนั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่นับสิบคนก็พุ่งกระโจนไปข้างหน้าพร้อมประกายแสงจากกระบี่อันคมกริบ กลุ่มลาดตระเวนทั้งห้าคนส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างเ็ป หลังจากถูกคมกระบี่ของกลุ่มคนชุดดำแทงเข้าที่ศีรษะและคอ เป็ผลให้ร่างของพวกเขาฟุบลงบนพื้นในทันที
เมื่อปรากฏเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในยามราตรี มันย่อมดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นในตระกูลหวงให้ออกมาสังเกตการณ์นอกเรือนได้เป็อย่างดี
“แบ่งกลุ่มออกเป็กลุ่มละสิบคน สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหวง หากพบเห็นจงสังหารทิ้งให้หมด”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย
ทันใดนั้น กลุ่มคนกว่าสองร้อยคนได้ทำการแบ่งกลุ่มออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็กระจายตัวไปทั่วจวนตระกูลหวง
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลหวงเปิดประตูโผล่หน้าออกมาพร้อมกับอาวุธในมือ ทว่าเขากลับถูกคมกระบี่ปลิดชีวิตลงอย่างรวดเร็วในทันที
ฉึก!
คมกระบี่แทงทะลุคอของเขาโดยตรง ศิษย์ตระกูลหวงผู้นั้นยกมือขึ้นจับคอของตัวเองอย่างตื่นตระหนก เขาทำได้เพียงเบิกตากว้างก่อนจะหงายหลังล้มลงบนพื้น
“ว้าย!”
สตรีในชุดนอนส่งเสียงกรีดร้องอยู่ด้านหลังของชายผู้นั้น ใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความใ แต่ศิษย์ตระกูลมู่ในชุดดำไม่ได้สนใจสตรีนางนั้นแม้แต่น้อย เขาถือกระบี่เปื้อนเืมุ่งหน้าไปยังห้องอื่นพร้อมกับศิษย์คนอื่นในทันที
มู่เฟิง มู่ขวง ไป๋จื่อเยว่และมู่จงกำลังยืนมองฉากการล่าสังหารอยู่ในบริเวณลานอเนกประสงค์ของจวน
“ฉัวะ!”
ในระยะที่ไกลออกไป ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลหวงถูกปราณดาบผ่าร่างขาดเป็สองส่วน เืและอวัยวะภายในของเขากระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
“เฮือก”
ไป๋จื่อเยว่ที่หน้าซีดอยู่ก่อนแล้ว อาเจียนออกมาทันทีเมื่อเห็นฉากนั้น แข้งขาของเขาอ่อนแรงลงเล็กน้อย
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นการฆาตกรรมเช่นนี้ และเป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นเส้นทางของการฝึกยุทธ์ที่เปื้อนไปด้วยเื
ในขณะเดียวกัน มู่เฟิงและมู่ขวงกลับดูสงบนิ่งเป็อย่างยิ่ง
“จื่อเยว่เ้านึกเสียใจหรือไม่?”
มู่เฟิงมองไปยังฉากสังหารตรงหน้าขณะเอามือไพล่หลังและกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
ไป๋จื่อเยว่ยกมือเช็ดปากตัวเอง ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวอยู่เล็กน้อย ทว่าเขายังคงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “พี่เฟิง ข้าไม่เคยเสียใจที่เลือกเส้นทางนี้”
“โลกของผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็เช่นนี้ หนทางของการฝึกยุทธ์ล้วนเต็มไปด้วยการต่อสู้ การเข่นฆ่าและการนองเื บนโลกนี้ไม่มีกฎแห่งความยุติธรรมอยู่หรอก มีเพียงพลังหมัดเท่านั้น หากหมัดใครทรงพลังกว่า แข็งแกร่งกว่า คนผู้นั้นก็จะได้กลายเป็ผู้คุมกฎ ทั้งหมดที่เ้าเห็นนี้ ก็เป็เพียงแค่มุมหนึ่งของมันเท่านั้น”
สายตาที่กำลังทอประกายของมู่เฟิงเผยให้เห็นถึงความคิดที่ลึกซึ้งซึ่งคนในวัยเดียวกันไม่อาจมีได้
“ช่างบังอาจนักเ้าคนสารเลว!”
ทันใดนั้นได้มีเสียงตวาดดังขึ้นจากระยะไกล เป็ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้หนึ่ง ทั่วทั้งร่างของเขามีชั้นปราการสีแดงซึ่งเป็พลังป้องกันของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง เพียงปรากฏตัวเขาเริ่มซัดพลังฝ่ามือออกมาเพื่อสังหารศิษย์ของตระกูลมู่ผู้หนึ่งทันที
พลังปราณสีแดงเพลิงได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา จากนั้นมันก็พวยพุ่งเข้าหาศิษย์ตระกูลมู่ผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ปัง!
“อ๊าก”
ศิษย์ตระกูลมู่ผู้นั้นกรีดร้อง ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร ก่อนจะกระอักเืออกมา อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่งผลให้เขาเสียชีวิตลงในทันที
ศิษย์ตระกูลมู่ที่อยู่ในระดับจื่อฝู่หลายคนที่อยู่โดยรอบต่างก็เดือดดาลกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงพุ่งจู่โจมผู้าุโระดับหนิงกังของตระกูลหวงพร้อมกัน แต่ผู้าุโของตระกูลหวงผู้นี้มีพลังปราณที่แข็งแกร่งกว่ามาก ดังนั้นเพียงเขาตวัดดาบในมือออกมาก็สามารถสังหารศิษย์ตระกูลมู่ได้อย่างง่ายดาย
“ฆ่ามัน”
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ผู้าุโระดับหนิงกังสองคนของตระกูลมู่ได้รีบรุดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดาบในมือของพวกเขาพุ่งทะยานเข้าหาอีกฝ่ายในทันที
เป็การต่อสู้สองต่อหนึ่งนี้ ผู้าุโตระกูลหวงสามารถรับมือกับอีกฝ่ายได้แค่พักเดียวเท่านั้น เพียงไม่นานเขาก็ถูกดาบของผู้าุโตระกูลมู่ตัดแขนจนขาด ในขณะที่ผู้าุโตระกูลมู่อีกคนได้ใช้ดาบเจาะทะลวงผ่านศีรษะของเขา
แน่นอนว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ในครั้งนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว ด้านหนึ่งคือตระกูลมู่ ส่วนอีกด้านคือตระกูลหวงที่ไร้ซึ่งผู้นำ นอกจากนี้ผู้าุโระดับหนิงกังของตระกูลหวงยังถูกสังหารไปก่อนหน้านี้ถึงห้าคน ในสถานการณ์เช่นนี้อีกฝ่ายจะสามารถต้านทานตระกูลมู่ได้อย่างไร
ใน่เวลาเดียวกันนั้น ภายนอกก็ได้มีเสียงกรีดร้องและเสียงการปะทะกันของคมดาบดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
หวงอี้ผละตัวออกจากร่างของสตรีและมองออกไปด้านนอก เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
ก๊อกๆ ๆ!
“คุณชาย แย่แล้วขอรับ มีมือสังหารบุกเข้ามาในจวนของเราขอรับ คุณชาย!”
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นอย่างเร่งรีบ
“มือสังหาร!”
หวงอี้หน้าซีดด้วยความใ เขารีบสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนจะคว้ากระบี่ที่อยู่ข้างกายมาไว้ในมือและเดินออกไปทันที สตรีที่อยู่บนเตียงกำผ้าห่มเอาไว้แน่นด้วยความใ จากนั้นนางได้รีบหามุมหลบซ่อนตัวในทันที
หวงอี้เปิดประตูลานบ้านของตน ก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างขุ่นเคืองว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะที่ผู้คุ้มกันกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ฉึก!
ปลายคมดาบเปื้อนเืได้แทงทะลุผ่านหัวใจของชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว หวงอี้รีบร้อนถอยห่างออกมาด้วยความใ
เวลานี้ศิษย์ตระกูลมู่จำนวนสามคนได้รุดเข้ามายังลานบ้านของหวงอี้แล้ว
“อย่า อย่าฆ่าข้า พวกเ้า้าสิ่งใดข้าจะมอบให้ทุกอย่าง ฉะนั้นอย่าได้สังหารข้า”
หวงอี้ก้าวถอยหลังด้วยความใ ในขณะที่ปากก็พูดไม่หยุด
“คนผู้นี้คือนายน้อยตระกูลหวง นำตัวเขาไป!”
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่กล่าวขึ้น จากนั้นศิษย์อีกสองคนได้ก้าวเข้ามา พวกเขาใช้กระบี่แทงลงบนไหล่ของหวงอี้เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายสามารถทำอะไรได้อีก จากนั้นก็ลากตัวอีกฝ่ายออกไป
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วยท่านพ่อ”
หวงอี้กรีดร้องออกมาเสียงดัง เขา้าร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เป็บิดา
จากนั้นไม่นานหวงอี้ก็ถูกนำตัวมายังเบื้องหน้าของมู่เฟิง
“คุกเข่าลง!”
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่เตะไปยังขาหลังของหวงอี้ ก่อนจะจับเด็กหนุ่มให้คุกเข่าลงต่อหน้ามู่เฟิง
“เ้า เ้าเป็ใคร ข้าเป็ถึงคุณชายของตระกูลหวง หากเ้ากล้าลงมือกับข้า ท่านพ่อของข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่”
แม้หวงอี้จะถูกบีบให้ต้องคุกเข่าลงบนพื้น แต่เขายังคงพูดจาข่มขู่ออกมาไม่หยุด
“บิดาของเ้างั้นรึ? หวงอี้ บิดาของเ้าได้ไปรอเ้าอยู่ในปรโลกก่อนแล้ว”
มู่เฟิงหัวเราะเยาะ หวงอี้รู้สึกว่าตนคุ้นเคยกับเสียงนี้ยิ่งนัก
“เ้า เ้าเป็ใครกันแน่?”
หวงอี้เอ่ยถามด้วยความใเมื่อเขาได้ยินเสียงอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฟิงก็ดึงผ้าปิดหน้าออกทันที แน่นอนว่าใบหน้านี้ของเขา หวงอี้ย่อมคุ้นเคยเป็อย่างดี
“มู่เฟิง! ที่แท้ก็เป็เ้า มู่เฟิง”
หวงอี้ร้องตวาดออกมาด้วยความโกรธ เขาพยายามจะหยัดกายลุก แต่กลับถูกรั้งเอาไว้อย่างแ่า
“หวงอี้ ในเมื่อทำความผิดก็ต้องชดใช้ ตระกูลหวงของพวกเ้าไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตระกูลมู่ของข้าั้แ่แรก ในเมื่อกล้าปล้นชิงสินค้าของตระกูลมู่ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะมอบความตายให้เ้าเป็บทลงโทษ”
มู่เฟิงหัวเราะเยาะ ก่อนจะหันไปพูดกับไป๋จื่อเยว่ “จื่อเยว่ เ้ามาสังหารเขา”
“ห๊า! พี่เฟิง ข้า เอ่อ...”
เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าของไป๋จื่อเยว่ก็ซีดลงในทันที เขาถือกระบี่ไว้ในมือ ทว่ากลับไม่แม้แต่จะขยับตัวมาข้างหน้า
“หากเ้า้าติดตามข้า ในหนทางข้างหน้า เ้าจะต้องก้าวผ่านซากศพที่กองพะเนินสูงเป็ูเา ต้องเหยียบย่ำลงไปบนโลหิตที่ไหลนองราวกับมหาสมุทร และกระทั่งวันหนึ่งเ้าเองก็จะกลายเป็เถ้ากระดูกเช่นกัน แต่หากว่าเ้าไม่กล้าลงมือสังหาร เช่นนั้นข้าจะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เ้า เพื่อให้เ้าสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นคนธรรมดาไปได้ตลอดชีวิต”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นขณะที่ยังเอามือไพล่หลัง
“ไม่ พี่เฟิง ท่านอย่าได้ขับไล่ข้า ข้า ข้าจะสังหารเขา”
หลังได้ยินดังนั้น ไป๋จื่อเยว่พลันตื่นตระหนกเป็อย่างยิ่ง เขาไม่้าไปจากมู่เฟิง เด็กหนุ่มเดินถือกระบี่เข้าไปหาหวงอี้ที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ปล่อยเขา หวงอี้ เ้าหยิบกระบี่ของเ้าขึ้นมา”
มู่เฟิงกล่าวกับศิษย์ตระกูลมู่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยหวงอี้อย่างว่าง่าย หวงอี้จับกระบี่ในมือเอาไว้มั่น เขาจ้องมองไปยังไป๋จื่อเยว่ด้วยสายตาแน่วแน่
เขาทราบดีว่าวันนี้ตัวเองคงไม่มีโอกาสรอดแน่แล้ว แต่ก่อนตาย เขาจะต้องดึงใครสักคนให้ตายไปพร้อมกันกับเขาให้ได้
ทั้งสองต่างถืออาวุธในมือ สายตาของไป๋จื่อเยว่พลันเปลี่ยนเป็เ็า เขาชักกระบี่ออกจากฝัก ใน่เวลานี้เด็กหนุ่มดูราวกับเป็คนละคน
“ย๊า…!”
หวงอี้คำรามออกมาเสียงดัง เขาดีดฝ่าเท้าทะยานร่างเข้าหาอีกฝ่าย พร้อมกับแทงกระบี่ในมือไปยังร่างของไป๋จื่อเยว่ กระบี่นี้ของเขาถือว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง คมกระบี่เล็งไปยังศีรษะของไป๋จื่อเยว่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้โดยตรง